ชิจิ ฟุคุจิน (七福神) คือเจ็ดเทพเจ้าตัวแทนแห่งโชคลาภ เป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคลตามความเชื่อของประเทศญี่ปุ่น โดยเทพทั้งเจ็ดองค์นั้นมีที่มาจากหลากศาสนาหลายลัทธิ เช่น ศาสนาฮินดู, ศาสนาพุทธ, ลัทธิเต๋า และลัทธิชินโต เป็นต้น ชาวญี่ปุ่นเชื่อกันว่า เหล่าเทพเจ้าจะเดินทางจากสวรรค์ด้วย “เรือมหาสมบัติ” (宝船) นำพาโชคลาภ ความสุข และบันดาลให้คำอธิษฐานของผู้ที่ขอพรเป็นจริง Show
จึงไม่แปลกใจเลยที่เราจะได้เห็น “สัญลักษณ์” ของเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภในชีวิตประจำวันของชาวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องรางตามศาลเจ้าแห่งต่าง ๆ, บนการ์ดอวยพรวันปีใหม่, บนสินค้าหลากหลายประเภท ไปจนถึงตัวละครจากการ์ตูนอนิเมะญี่ปุ่นบางเรื่อง ก็เคยมีการสร้างคาแรกเตอร์หรือสวมเสื้อผ้าที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภด้วยเช่นกัน ครั้งนี้ เราจึงจะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ “เจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ” ว่าเทพองค์ใดชื่ออะไรในภาษาญี่ปุ่นบ้าง? เทพแต่ละองค์มีความพิเศษอย่างไร? และมีจุดสังเกตอะไรที่ทำให้เราสามารถจำเทพทั้งเจ็ดองค์ได้บ้าง? รับรองได้เลยว่า ถ้าอ่านบทความนี้จบแล้ว เพื่อน ๆ จะจำจุดเด่นของเทพทั้งเจ็ดได้แน่นอน! ที่มาของเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภตามความเชื่อของชาวญี่ปุ่นนั้น “ชิจิ ฟุคุจิน” หรือ “เจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ” คือเทพเจ้าผู้มอบโชคลาภและความสุขให้แก่ผู้ขอพร ตามประวัติศาสตร์ที่เขียนโดยนักประวัติศาสตร์ชาวญี่ปุ่น “คิตะ ซาดะคิจิ” กล่าวว่า ความเชื่อเกี่ยวกับเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภเกิดขึ้นที่เมืองเกียวโตในช่วงปลายยุคมุโรมาจิ หรือราว ๆ 500 ปีก่อน โดยมีความเชื่ออีกว่า เทพเจ้าทั้งเจ็ดจะเดินทางจากสวรรค์โดย “เรือมหาสมบัติ” (宝船) ซึ่งเป็นเรือที่บรรทุกเอาโชคลาภและวัตถุมงคลเอาไว้มากมาย ซึ่งในอดีตชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเรือมหาสมบัติจะบรรทุกรวงข้าวและกระสอบข้าว แต่ความเชื่อนั้นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ จนเกิดเป็นความเชื่อว่า เรือมหาสมบัติได้บรรทุกวัตถุมงคลไว้มากมาย เช่น ค้อนวิเศษอุจิเดะ โนะ โคซุจิ (打出の小槌) , กล่องสมบัติเซ็นเรียว บาโกะ (千両箱) และซึรุคาเมะ (鶴亀) เป็นต้น เจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ “ชิจิ ฟุคุจิน” มีใครบ้าง?เมื่อทราบถึงที่มาคร่าว ๆ กันแล้ว ต่อไปเรามาทำความรู้จักกับเทพทั้งเจ็ดองค์กันเลย! โดยจะแนะนำชื่อ จุดสังเกต และความพิเศษของเทพแต่ละองค์ไว้ ดังนี้ 1. เบ็นไซเท็น (弁財天)ชื่อ : เบ็นไซเท็น เบ็นไซเท็น คือ “เทพเจ้าองค์เดียวที่เป็นผู้หญิง” เป็นเทพแห่งศิลปะการแสดงและดนตรี มักพบในลักษณะของนางฟ้าสวมมงกุฎที่กำลังเล่นพิณ มีต้นกำเนิดมาจาก “พระสุรัสวดี” เทพแห่งน้ำตามความเชื่อของประเทศอินเดีย 2. บิชามอนเท็น (毘沙門天)ชื่อ : บิชามอนเท็น เทพเจ้าผู้สวมชุดเกราะ ถือหอกสามง่ามเป็นอาวุธ “เป็นเทพเจ้าองค์เดียวที่มีสีหน้าเกรี้ยวโกรธ” ตำนานอินเดียท่านเป็นหนึ่งในจตุโลกบาล หรือเทพผู้คุ้มครองทิศทั้งสี่ เป็นเทพดาประจำทิศเหนือ มีอีกชื่อคือ ท้าวเวสสุวรรณ 3. เอบิสุ (恵比寿)ชื่อ : เอบิสุ “เป็นเทพองค์เดียวที่มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่นแท้” สวมชุดขุนนางในสมัยเฮอันที่เรียกว่า คาริงินุ (狩衣) สวมหมวกทรงสูงที่เรียกว่า เอะโบชิ (烏帽子) มักพบในลักษณะมือข้างหนึ่งถือคันเบ็ดตกปลา อีกข้างหนึ่งอุ้ม “ปลาไท” ปลามงคลตามความเชื่อญี่ปุ่น 4. ไดโคคุเท็น (大黒天)ชื่อ : ไดโคคุเท็น ไดโคคุเท็น มีต้นกำเนิดตามความเชื่อในตำนานอินเดีย คือ “พระมหากาฬ” ปางอวตารของพระศิวะ มหาเทพแห่งการทำลายผู้มีสีหน้าดุร้าย น่ากลัว แต่ตามความเชื่อญี่ปุ่นโบราณนั้น มีเทพเจ้านามว่า “โอคุนินุชิโนะคามิ” (大国主神) โดยเทพ “โอคุนิ” (大国) และ “ไดโคคุ” (大黒) มีความคล้ายคลึงจนคนโบราณจำปะปนกัน จึงทำให้ “ไดโคคุเท็น” กลายเป็นเทพผู้มีใบหน้ายิ้มแย้ม อ่อนโยนในปัจจุบัน 5. โฮเท (布袋)ชื่อ : โฮเท “เป็นเทพองค์เดียวที่มีการอ้างอิงจากบุคคลจริง” มีตำนานมาจากพระในนิกายเซนนามว่า “ไคชิ” (契此) ที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์ถัง ตำนานเล่าว่า พระไคชิ คือพระสงฆ์ผู้ใช้ชีวิตพเนจร ที่หลังแบกถุงขนาดใหญ่บรรจุอาหารและข้าวของที่ได้จากการทำบุญของชาวบ้าน ว่ากันว่าพระไคชิสามารถทำนายดวงได้อย่างแม่นยำ 6. ฟุคุโระคุจู (福禄寿)ชื่อ : ฟุคุโระคุจู หรือ ฮก ลก ซิ่ว เทพอาวุโส มีเครายาวสีขาว ในมือถือไม้เท้าและม้วนกระดาษ มักพบท่านพร้อมกับนกกระเรียน เป็นเทพที่มีต้นกำเนิดตามความเชื่อของลัทธิเต๋า เชื่อว่าท่านคือร่างอวตารของดาวคาโนปัส ซึ่งเป็นดาวขั้วฟ้าใต้ที่หาพบได้ยากในประเทศจีน จึงกลายเป็นดาวแห่งความมงคลและจะปรากฏต่อเมื่อโลกเกิดความสงบสุขเท่านั้น และยังเชื่ออีกว่า เป็นดาวที่ควบคุมอายุขัยของจักรพรรดิในยุคก่อนด้วย 7. จูโรจิน (寿老人)ชื่อ : จูโรจิน เทพจูโรจิน มักถูกจำสลับกับ เทพฟุคุโระคุจู เสมอด้วยลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย เพราะจูโรจินมีต้นกำเนิดเป็นเทพองค์เดียวกันกับฟุคุโระคุจู โดยจุดสังเกตที่แตกต่างของจูโรจินก็คือ เรามักเห็นท่านมาพร้อมกับกวางนั่นเอง อย่างไรก็ดี มีชาวญี่ปุ่นที่นับถือเทพเจ้าแห่งโชคลาภทั้งเจ็ดอยู่จำนวนมาก ถึงขั้นมีการจัดทัวร์ไหว้เทพทั้งเจ็ดองค์ตามศาลเจ้าใน 1 วัน คล้าย ๆ การเดินสายทัวร์ไหว้พระ 9 วัดตามความเชื่อของชาวไทยเลยล่ะ โปรแกรมทัวร์ไหว้เทพทั้งเจ็ดองค์แบบเร่งรีบจะใช้เวลาราว ๆ 4-6 ชั่วโมง แต่ถ้าไปทัวร์แบบชิล ๆ มีเวลาเดินชมศาลเจ้า มีเวลาพักผ่อน ก็จะใช้เวลามากกว่านั้น 1.5-2 เท่าเลยทีเดียว หวังว่าเรื่องราวเกี่ยวกับ “เจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภ” ที่เรานำมาฝากจะมีประโยชน์และทำให้เพื่อน ๆ ได้รู้จักกับเทพเจ้าตัวแทนแห่งโชคลาภที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความมงคลตามความเชื่อของญี่ปุ่นไม่มากก็น้อยนะคะ ใครที่มีโอกาสได้ไปศาลเจ้าญี่ปุ่นหรือมีเครื่องรางญี่ปุ่นอยู่กับตัว ก็อย่าลืมสังเกตดูกันนะคะว่ามีหนึ่งในเจ็ดเทพเจ้าแห่งโชคลาภอยู่ในเครื่องรางด้วยหรือเปล่า? อะไรที่สื่อถึงความโชคดี18 สัญลักษณ์แห่งความโชคดี เสริมดวง โชคลาภบารมีของแต่ละประเทศ. 1. ม้าไม้ Dala Horse. ที่มา : mushroomtravel.com. ... . 2. ช้าง ที่มา : jennyhomefurniture.com. ... . 3. แมวกวัก Maneki-neko. ที่มา : skymart21.com.sg. ... . 4. เกล็ดปลาคาร์พ ที่มา : infinitydesign.in.th. ... . 5. ลูกโอ๊ก ที่มา : dict.drkrok.com. ... . 6. เรือสำเภา ... . 7. Tumi. ... . 8. หมู. ความหมายของแมวกวักที่ยกมือซ้ายคืออะไรกวักแขนข้างซ้าย หมายถึง ช่วยเรียกแขกหรือลูกค้า กิจการรุ่งเรือง กวักแขนข้างขวา หมายถึง ช่วยดึงดูดเงินทองและโชคลาภต่างๆ กวักแขนทั้งสองข้าง หมายถึง ช่วยเรียกทั้งโชคลาภ และลูกค้าให้กิจการรุ่งเรืองไปพร้อมๆ กัน
แมวกวัก ช่วยเรื่องอะไรแมวกวักสีทอง หมายถึง เสริมเรื่องโชคลาภด้านการเงิน ช่วยให้ร่ำรวย แมวกวักสีน้ำเงิน หมายถึง ช่วยปัดเป่าให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากการเดินทาง แมวกวักสีชมพู หมายถึง ช่วยให้สมหวังเรื่องความรัก แมวกวักสีดำ หมายถึง ช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายต่างๆ
Hamsa มาจากประเทศอะไรเครื่องราง Ornate วาดด้วยมือ Hamsa มือของฟาติมา เครื่องรางชาติพันธุ์ที่พบบ่อยในวัฒนธรรมอินเดียอา
|