เฉลย ใบงาน โลก ดาราศาสตร์ ม. 4

ดาวน์โหลดสื่อประกอบการสอน

ชื่อชุด : แบบฝึกหัด รายวิชาเพิ่มเติม

ชื่อผู้แต่ง : จาตุรนต์ กอนกุล

ฉบับ : จัดพิมพ์เอง

รายละเอียดสินค้า

แบบฝึกหัด รายวิชาเพิ่มเติม โลก ดาราศาสตร์และอวกาศ ระดับชั้น ม.4 เล่ม 2 ฉบับประกันคุณภาพ ตรงตามหลักสูตรแกนกลาง '51 (ฉบับปรับปรุง '60) สอดคล้องกับหนังสือเรียนทุกหัวข้อ ช่วยฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 เน้นการเรียนรู้แบบ Active Learning มีแบบฝึกหัดภายในหน่วยและท้ายหน่วยให้ฝึกฝน และมีคำถามท้าทายความคิดขั้นสูง ฝึกฝนด้วยแบบฝึกหัดที่หลากหลาย ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ และทักษะแห่งศตวรรษที่ 21 พร้อมแนวข้อสอบเตรียมพร้อมสู่การสอบ

ตัวอย่าง QR Code สื่อดิจิทัลประกอบบทเรียนในเล่ม

ใบงานเสรมิ
วิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ

ของ

นาย/นางสาว...............................................
ชน้ั .....................หอ้ ง................

ม.6

หนว่ ยท่ี 1 โลกในเอกภพ

บทท่ี 1 เอกภพและกาแลก็ ซี
บทท่ี 2 ดาวฤกษ์
บทที่ 3 ระบบสรุ ยิ ะ
บทที่ 4 เทคโนโลยีอวกาศและการประยกุ ตใ์ ช้

ใบงานที่ 1 เรือ่ ง ความร้เู บื้องต้นเกี่ยวกบั เอกภพ

ชอ่ื ………………………………………………………………………………………ชนั้ ....................................เลขที่...................
คาช้ีแจง ให้นักเรียนพจิ ารณาข้อความต่อไปน้ี แลว้ ทาเคร่อื งหมาย √ หน้าขอ้ ความทีถ่ กู
และทาเครอื่ งหมาย X หนา้ ข้อทผี่ ดิ

X 1. นิวเคลยี สของอะตอมประกอบด้วยอนภุ าคโปรตอน นิวตรอน และอิเล็กตรอน
X 2. พลงั งานและสสารสามารถเปล่ียนรูปกลบั ไป - มาได้
X 3. เอกภพประกอบด้วย กาแล็กซีจานวนมาก
X 4. เคลวินเป็นหน่วยวดั อณุ หภูมมิ คี ่าเท่ากบั องศาเซลเซยี ส
X 5. สเปกตรัมคลืน่ แมเ่ หล็กไฟฟา้ ประกอบดว้ ยคลนื่ แม่เหล็กไฟฟา้ ทุกชนิดยกเวน้ แสง
X 6. ไฮโดรเจนเปน็ ธาตทุ ีม่ ีมากทส่ี ุดในเอกภพ
X 7. ไมโครเวฟเปน็ คล่นื แม่เหล็กไฟฟ้าทมี่ คี วามยาวคล่นื นอ้ ยกว่าแสง
X 8. สเปกตรมั ของแสงสแี ดงมพี ลงั งานสูงกว่าแสงสีน้าเงิน
X 9. ดาวฤกษ์ทมี่ มี วลมากจะมคี า่ ความส่องสว่างมากกว่าดาวฤกษท์ ี่มีมวลนอ้ ยที่ระยะทางเทา่ กัน
X 10. สขี องดาวฤกษจ์ ะเปลยี่ นแปลงไปตามอณุ หภูมผิ ิวของดาวฤกษ์
X 11. เมื่อดาวฤกษ์มกี ารยุบตัวอยา่ งรวดเร็ว อณุ หภมู ิภายในของดาวฤกษจ์ ะลดลง
X 12. ดาวฤกษแ์ ต่ละดวงในกล่มุ ดาวเดียวกนั อย่หู า่ งจากโลกดว้ ยระยะทางเท่ากัน
X 13. เม่ือระยะหา่ งระหว่างวตั ถเุ พ่ิมมากขึ้น แรงโนม้ ถว่ งจะมีค่าเพม่ิ มากขน้ึ
X 14. ดาวหางไม่จัดเปน็ สมาชิกของระบบสรุ ิยะ
X 15. แสงเหนอื ใตจ้ ะพบเหน็ ไดบ้ ่อยบริเวณขั้วโลก

ใบงานที่ 2 เรื่อง เอกภพคืออะไร

ช่ือ………………………………………………………………………………………ช้ัน....................................เลขท่ี...................
ว3.1 ม.6/1 อธิบายการกาเนดิ และการเปล่ยี นแปลงพลังงาน สสาร ขนาด อณุ หภมู ิของเอกภพหลงั เกิด
บกิ แบงในชว่ งเวลาตา่ งๆ ตามววิ ฒั นาการของเอกภพ

คาชแ้ี จง ตอนที่ 1 ใหน้ กั เรยี นวาดภาพเอกภพในจินตนาการของนักเรยี น พรอ้ มระบายสีให้
สวยงาม

คาชแ้ี จง ตอนที่ 2 ใหน้ กั เรียนตอบคาถามให้ถกู ตอ้ ง
1. เอกภพ (Universe) คอื ................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...............................................
2. เอกภพเกดิ จากทฤษฎใี ดในปัจจุบันทไี่ ด้รบั การยอมรับ .................................................................................
3. ตามทฤษฎบี ิกแบงขนาดของเอกภพมีการเปลีย่ นแปลงอย่างไร ตอบ ...........................................................
4. ทฤษฎีบิกแบง กล่าวว่าอยา่ งไร ตอบ .............................................................................................................
.............................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ................................................
5. อนภุ าคมลู ฐานมกี ่ีชนดิ อะไรบา้ ง ตอบ .........................................................................................................
..............................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 3 เรื่อง ทฤษฎบี ิกแบงและหลกั ฐานที่สนบั สนนุ ทฤษฎบี กิ แบง

ชื่อ………………………………………………………………………………………ชัน้ ....................................เลขที่...................

ว3.1 ม.6/2 อธิบายหลักฐานทส่ี นบั สนนุ ทฤษฎบี ิกแบงจากความสมั พันธร์ ะหวา่ งความเร็วกับระยะทางของกาแลก็ ซี
รวมทัง้ ข้อมลู การคน้ พบไมโครเวฟพืน้ หลงั จากอวกาศ

คาชแี้ จง ให้นักเรียนเตมิ คาหรือขอ้ ความลงในช่องวา่ งให้ถูกตอ้ ง

จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้

1. หลักฐานสาคัญท่สี นบั สนุนทฤษฎบี ิกแบง ......................................................................................
..................................................................................................................................................
2. จากทฤษฎบี ิกแบง โปรตอนและนิวตรอนเกิดข้นึ ในช่วงเวลาใดและเกดิ จากอนภุ าคใดบา้ ง
ตอบ .........................................................................................................................................
3. นอกจากการเปล่ียนแปลงของสสารแล้ว เอกภพมกี ารเปลีย่ นแปลงอะไรอกี บา้ งและเปล่ยี นแปลงอย่างไร
ตอบ .........................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
4. นกั วทิ ยาศาสตร์ทราบได้อย่างไรวา่ เอกภพกาลังขยายตวั ตอบ .......................................................
.................................................................................................................................................
5. จากการที่คล่ืนแมเ่ หลก็ ไฟฟา้ ในเอกภพไดเ้ ปล่ียนจากชว่ งคล่ืนแสงมาเป็นช่วงคล่นื ไมโครเวฟอธิบายได้ว่า
อยา่ งไร ตอบ ..............................................................................................................................
6. นอกจากการขยายตวั ของเอกภพแล้วยังมหี ลกั ฐานอน่ื ท่ีใช้ในการสนบั สนนุ ทฤษฎบี ิกแบงหรือไม่
ตอบ .........................................................................................................................................
7. ในปัจจุบนั นกั วทิ ยาศาสตร์ตรวจพบการแผร่ งั สคี ล่นื แม่เหล็กไฟฟา้ ในชว่ งคลน่ื ใด
ตอบ ..........................................................................................................................................
8. ขอ้ สงั เกตทสี่ นบั สนนุ Bigbang ไดแ้ ก่...........................................................................................
..................................................................................................................................................
9. เมอื่ อนภุ าคมลู ฐานและปฏิอนุภาคชนดิ เดียวรวมตัวกัน เรียกวา่ ......................................................
10. รอเบิร์ต ดกิ คน้ พบคลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ ท่เี หลอื จากการขยายตวั ของบิกแบง ช่วงคลน่ื ใด
ตอบ ..........................................................................................................................................
11. จากการที่คลื่นแม่เหลก็ ไฟฟา้ ในเอกภพไดเ้ ปลี่ยนจากช่วงคล่ืนแสงมาเป็นช่วงคลื่นไมโครเวฟอธิบายได้
ว่าอยา่ งไร ตอบ ...........................................................................................................................
12. จากทฤษฏีบิกแบง นวิ เคลียสของไฮโดรเจนและนิวเคลยี สของฮเี ลยี มเกิดพร้อมกันหรือไม่ อย่างไร
ตอบ ...........................................................................................................................................
..................................................................................................................................................

ใบงานที่ 4 เรอื่ ง วิวฒั นาการของเอกภพ

ช่ือ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขท่ี...................

ว3.1 ม.6/2 อธบิ ายหลักฐานท่สี นับสนนุ ทฤษฎีบิกแบงจากความสมั พันธร์ ะหว่างความเร็วกบั ระยะทางของกาแล็กซี
รวมท้งั ข้อมูลการคน้ พบไมโครเวฟพืน้ หลงั จากอวกาศ

คาช้ีแจง ให้นกั เรียนสังเกตภาพทกี่ าหนดใหแ้ ลว้ ตอบคาถามให้ถูกต้อง

ที่มา : หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตร์โลกและอวกาศ สสวท.

จงตอบคาถามตอ่ ไปน้ี
1. ชว่ งเวลาใดทเี่ กดิ อนภุ าคมูลฐานครบท้ัง 4 ชนิด ตอบ ...............................................................................
2. ช่วงเวลา 10-32- 10-6 วินาที เกิดอนุภาคและปฏิอนภุ าคอะไรบา้ ง ตอบ ....................................................
..........................................................................................................................................................................
3. ชว่ งเวลา 3 นาที ถงึ 300000 ปี ยังหลงเหลือและเกิดอะไรขึน้ บา้ ง ตอบ ..................................................
..........................................................................................................................................................................
4. อะตอมของไฮโดรเจนเกดิ ข้นึ ในช่วงเวลาใด ตอบ .......................................................................................
5. การเกิดกาแล็กซเี กิดในช่วงเวลาใดและชว่ งอณุ หภูมิเทา่ ไหร่ ตอบ .............................................................
..........................................................................................................................................................................

ใบงานท่ี 5 เร่ือง กาแลก็ ซีและรูปแบบกาแลก็ ซี

ช่ือ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขที่...................

ว3.1 ม.6/3 อธบิ ายโครงสร้างและองคป์ ระกอบของกาแล็กซที างชา้ งเผอื ก และระบุตาแหนง่ ของระบบสุริยะพรอ้ ม
อธิบายเช่ือมโยงกบั การสงั เกตเห็นทางช้างเผือกของคนบนโลก

ตอนท่ี 1 ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามใหถ้ ูกต้อง

1. กาแล็กซคี อื อะไร ตอบ ...............................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

2. กาแล็กซีมกี ีร่ ูปแบบ อะไรบา้ ง ..................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................

3. กาแล็กซีท่เี ราอาศยั อยนู่ ้ชี ื่อวา่ อะไรและมรี ูปแบบใด ตอบ .........................................................................
.........................................................................................................................................................................

ตอนที่ 2 ให้นักเรียนวาดรูปกาแลก็ ซแี ต่ละประเภทหรอื นาภาพมาตดิ พรอ้ มยกตวั อยา่ ง
กาแลก็ ซีทีอ่ ยใู่ นรปู แบบดงั กล่าว

กาแล็กซีรปู วงกลมรี กาแลก็ ซีรูปกงั หัน

เชน่ …………………………. เช่น ........................................
กาแล็กซีรูปกงั หันมีคาน กาแล็กซีอสณั ฐาน

เช่น .................................. เชน่ ......................................

ใบงานท่ี 6 เร่อื ง กาแลก็ ซีทางช้างเผอื ก

ชื่อ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขที่...................

ว3.1 ม.6/3 อธบิ ายโครงสร้างและองค์ประกอบของกาแล็กซที างช้างเผือก และระบุตาแหนง่ ของระบบสรุ ยิ ะพร้อม
อธบิ ายเชื่อมโยงกับการสังเกตเหน็ ทางชา้ งเผอื กของคนบนโลก

คาช้แี จง ให้นักเรียนสงั เกตภาพท่ีกาหนดใหแ้ ลว้ ตอบคาถามใหถ้ กู ตอ้ ง

ท่ีมา : https://sites.google.com/site/kjaisue23/kalaeksi-galaxy

จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้
1. กาแลก็ ซที างช้างเผอื ก เปน็ กาแล็กซรี ูปแบบใด ตอบ ...................................................................................
2. นักเรียนคดิ วา่ กาแล็กซเี กิดจากธาตุใดเปน็ องค์ประกอบหลัก ตอบ ..............................................................
3. นกั วทิ ยาศาสตรท์ ราบไดอ้ ย่างไรว่ากาแลก็ ซีทางชา้ งเผอื กมรี ปู ร่างเป็นกังหันมคี าน
ตอบ ............................................................................................................................. ..............
............................................................................................................................. ............................
............................................................................................................................. .......................
....................................................................................................................................................
4. เพราะเหตุใดเราไมส่ ามารถเหน็ กาแล็กซีทางช้างเผอื กทั้งหมด
ตอบ ............................................................................................................................. ................
............................................................................................................................. ........................
....................................................................................................................................................
5. กาแล็กซเี พอื่ นบา้ นของเรา ได้แก่ ..................................................................................................

แบบฝึกหดั ท้ายบทที่ 1 เร่ือง เอกภพและกาแล็กซี หนา้ 1

ชอ่ื ……………ค…าช…้แี …จ…ง…น…าค…า…ห…ร…ือข…้อ…ค…ว…าม…ท…กี่ …า…ห…น…ด…ม…าเ…ต…มิ …ใน…ช…อ่ …งวช่าั้นง..ใ.ห...ส้..อ...ด..ค...ล..้อ...ง..ก..ับ...ก..ร..ะ..บ..เวลนขกทาี่..ร..ท...่เี .ก...ดิ ........
1. ขน้ึ ระหวา่ งววิ ัฒนาการของเอกภพ และเรียงลาดบั กระบวนการดงั กล่าวตามลาดบั

ววิ ัฒนาการของเอกภพ

ก. อะตอมของไฮโดรเจนและฮเี ลยี ม ข. นวิ เคลียสของฮีเลยี ม

ค. โปรตอนและนิวตรอน ง. พลังงาน จ. กาแลก็ ซีร่นุ แรก

1.1. ...................................เกิดจากโปรตอนและนวิ ตรอนรวมตัวกัน

1.2. ...................................เกดิ จากอนุภาคและปฏอิ นภุ าครวมตวั กนั

1.3. ....................................เกิดจากควารก์ บางชนดิ รวมตัวกัน

1.4. ....................................เกดิ จากธาตุไฮโดรเจนและฮีเลียมรวมกัน

1.5. ....................................เกดิ จากนวิ เคลียสของไฮโดรเจนและฮเี ลียมรวมกัน

1.6 สามารถจัดลาดบั กระบวนการตามววิ ฒั นาการของเอกภพ ไดด้ งั นี้ .............................................

2. คาชี้แจง ให้นกั เรียนพจิ ารณาข้อความต่อไปน้ี แลว้ ทาเครอ่ื งหมาย √ หน้าข้อความท่ีถกู
และทาเครือ่ งหมาย X หนา้ ข้อท่ผี ดิ

เครอ่ื งหมาย ขอ้ ความ

1. กาแลก็ ซกี าเนดิ มาพรอ้ มกบั เอกภพ

2. อณุ หภมู ิของเอกภพจะลดลง หลังจากกาเนดิ ของเอกภพ

3. ในช่วง 10-32 วินาทีหลงั บิกแบง เอกภพมีแต่อะตอมของไฮโดรเจนและฮเี ลยี ม

4. ไมโครเวฟพ้นื หลงั เป็นคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟ้าทีห่ ลงเหลืออย่จู ากการกาเนิดเอกภพ

5. อณุ หภมู ิของไมโครเวฟพืน้ หลงั จากอวกาศท่พี บในปจั จุบนั สอดคล้อง
กับอณุ หภมู ิของเอกภพในชว่ ง 300,000 ปี ซงึ่ เป็นไปตามทฤษฎีบิกแบง

6. ความสมั พันธร์ ะหว่างความเร็วในการเคลอ่ื นที่ของกาแลก็ ซีออกจากผูส้ ังเกต
กับระยะทางของกาแลก็ ซกี ับผ้สู งั เกต เปน็ หลกั ฐานหน่ึงที่สนบั สนนุ ทฤษฎีบิกแบง

7. ปจั จุบันเอกภพมอี ณุ หภูมิเฉล่ียประมาณ 2.73 เคลวิน

8. กาแลก็ ซีรนุ่ แรกเกดิ จากการรวมตัวกนั ของธาตุไฮโดรเจนและฮีเลยี มท่เี กิดจาก
บิกแบง

9. ระบบสรุ ิยะอยทู่ บ่ี รเิ วณใจกลางกาแลก็ ซที างช้างเผือก

10. มนุษย์สามารถสังเกตเหน็ กาแล็กซีทางช้างเผือกจากโลกไดด้ ว้ ยตาเปล่า

แบบฝึกหดั ทา้ ยบทท่ี 1 เรื่อง เอกภพและกาแลก็ ซี หนา้ 2

ชือ่ ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขที่...................
3. คาช้ีแจง นาคาท่กี าหนดระบุลงในแผนภาพ เพอ่ื อธบิ ายโครงสรา้ งกาแล็กซีทางช้างเผือกและ

นามาเตมิ ในชอ่ งวา่ งให้สอดคล้องกบั คาอธบิ าย

ระบบสุริยะ ฮาโล จาน นวิ เคลยี ส ดาวฤกษ์

3. คาชแ้ี จง จงเติมคาตอบในช่องวา่ งใหถ้ กู ต้อง

1. อุณหภมู ิของเอกภพในอดตี แตกต่างจากอณุ หภูมเิ อกภพในปัจจบุ ันอยา่ งไร เพราะเหตใุ ด
ตอบ ............................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
2. ไมโครเวฟพน้ื หลงั จากอวกาศเหมอื นหรือต่างจากไมโครเวฟท่ีนักเรียนรจู้ ักอย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................................................
3. จากการท่ีคลื่นแมเ่ หล็กไฟฟา้ ในเอกภพได้เปล่ยี นจากช่วงคลนื่ แสงมาเปน็ ชว่ งคล่ืนไมโครเวฟอธิบายได้
วา่ อย่างไร ตอบ ..........................................................................................................................................
....................................................................................................................................................................
4. นักวทิ ยาศาสตรท์ ราบไดอ้ ยา่ งไรว่าเอกภพกาลงั ขยายตัว ตอบ ............................................................
....................................................................................................................................................................
5. ถา้ หากในอนาคตกาแล็กซที างชา้ งเผอื กและกาแลก็ ซีแอนดรอเมดาเคล่อื นท่ชี นกัน นักเรียนคดิ วา่ จะ
สง่ ผลกระทบต่อโลกของเราหรอื ไม่ อยา่ งไร
ตอบ ............................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................

สรปุ เรื่อง เอกภพและกาแลก็ ซี

เอกภพ เป็นระบบใหญ่ท่ีสุด ประกอบด้วยกาแล็กซีจานวนมหาศาลอยู่รวมกันเป็นกระจุก และ
สสารต่าง ๆ ทอ่ี ยูร่ ะหวา่ งกาแล็กซี โดยทฤษฎีกาเนิดเอกภพท่ียอมรบั ในปจั จบุ ันคอื
ทฤษฎบี ิกแบง

ทฤษฎีบิกแบง กล่าวว่าเอกภพกาเนิดจากจุดที่มีขนาดเล็ก มวลมากทาให้มีความหนาแน่นมาก
และอณุ หภูมสิ งู มาก เมอ่ื เกิดการขยายตัวเอกภพจะมีอณุ หภมู ิลดลง มีสสารเกิดข้ึนในรูปอนุภาค
และปฏิอนภุ าคชนิดต่าง ๆ

หลักฐานสาคัญท่ีสนับสนุนทฤษฎีบิกแบง คือ การขยายตัวของเอกภพ และการค้นพบ
ไมโครเวฟพน้ื หลงั จากอวกาศ

กาแล็กซี ประกอบด้วย ดาวฤกษ์จานวนมาก เนบิวลา และสสารระหว่างดาวซ่ึงรวมกันเป็น
ระบบดว้ ยแรงโนม้ ถ่วง

ระบบสุริยะ อยู่ในบริเวณแขนของกาแล็กซีทางช้างเผือกซึ่งเป็นกาแล็กซีชนิดกังหันมีคาน มี
โครงสรา้ ง คือ นวิ เคลียส จาน และฮาโล ซง่ึ มีดาวฤกษ์จานวนมากอยบู่ รเิ วณนวิ เคลยี สและจาน

เมอ่ื มองจากโลก จะสังเกตเห็นแถบฝา้ สีขาวจาง ๆ ซงึ่ คือบริเวณในแนวระนาบของกาแล็กซีทาง
ชา้ งเผอื ก เรยี กวา่ ทางช้างเผอื ก

ใบงานที่ 7 เรื่อง ดาวฤกษ์

ชอ่ื ………………………………………………………………………………………ชน้ั ....................................เลขที่...................
ว3.1 ม.6/4 อธบิ ายกระบวนการเกิดดาวฤกษ์ โดยแสดงการเปล่ียนแปลงความดัน อุณหภมู ิ ขนาดจาก
ดาวฤกษ์กอ่ นเกิดจนเป็นดาวฤกษ์

ตอนที่ 1 คาชี้แจง ให้นกั เรยี นตอบคาถามใหถ้ ูกต้อง
1. ดาวฤกษ์ คอื .............................................................................................................................................
2. ดาวฤกษท์ ่อี ยใู่ กล้โลกมากท่สี ุด คอื ..........................................................................................................
3. ปฏกิ ริ ิยาทเี่ กดิ ขนึ้ บนดาวฤกษ์ เรยี กวา่ .....................................................................................................
4. ปฏกิ ิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ฟวิ ช่นั เกดิ ขน้ึ จาก ...........................................................................................
........................................................................................................................................................................
5. คณุ สมบัติของดาวฤกษ์ ไดแ้ ก่ ...................................................................................................................

ตอนที่ 2 คาชี้แจง ให้นกั เรยี นสบื คน้ กลมุ่ ดาวฤกษแ์ ลว้ ทาการวาดหรอื นาภาพมาตดิ จากน้ันให้
เขยี นดาวดวงเดน่ ของกลุ่มดาวฤกษน์ น้ั

ท่มี าภาพประกอบ :

ชื่อกลุ่มดาว ...................................................................................
ดาวดวงเดน่ ……………………………………………………………………….

ใบงานท่ี 8 เร่ือง สมบัตขิ องดาวฤกษ์

ชื่อ………………………………………………………………………………………ชนั้ ....................................เลขท่ี...................
ว3.1 ม.6/5 ระบปุ ัจจยั ทสี่ ่งผลตอ่ ความสอ่ งสว่างของ ดาวฤกษ์ และอธบิ ายความสมั พันธร์ ะหว่างความ
ส่องสว่างกบั โชตมิ าตรของดาวฤกษ์

คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นสบื คน้ ขอ้ มลู ทเี่ กี่ยวกับสมบัติของดาวฤกษ์นามาเติมในชอ่ งว่างใหส้ มบูรณ์

ความส่องสว่าง คือ …………………………………………
……………………………………………………………………..
…………………………………………………………………….
อันดับความสว่างของดาวฤกษ์แบ่งเป็น......ประเภท
คือ ...................................................................
........................................................................

สีและอณุ หภูมผิ วิ ดาวฤกษ์
ดาวฤกษ์ สีนา้ เงิน มอี ณุ หภูมิ ……………………..
ดาวฤกษ์ สขี าว นา้ เงิน มีอณุ หภมู ิ ........................
ดาวฤกษ์ สีขาว มีอุณหภูมิ .......................
ดาวฤกษ์ สเี หลือง ขาว มีอณุ หภูมิ .......................
ดาวฤกษ์ สเี หลือง มีอุณหภูมิ .......................
ดาวฤกษ์ สีสม้ มอี ุณหภูมิ .......................
ดาวฤกษ์ สสี ม้ แดง มอี ุณหภูมิ .......................

สเปกตรัมของดาวฤกษ์ คอื .................................
.......................................................................
.......................................................................
.......................................................................
นักดาราศาสตร์แบ่งสเปกตรัมของดาวฤกษ์ออกเป็น
7 ประเภท ไดแ้ ก่ ..............................................

ทม่ี าภาพประกอบ (ดวงอาทิตย์) : https://www.orbital2008.org

ใบงานที่ 9 เร่ืองความสอ่ งสวา่ งของดาวฤกษ์

ชอ่ื ………………………………………………………………………………………ชน้ั ....................................เลขที่...................
ว3.1 ม.6/5 ระบุปัจจยั ที่ส่งผลตอ่ ความสอ่ งสว่างของดาวฤกษ์ และอธบิ ายความสัมพนั ธ์ระหว่างความ
สอ่ งสว่างกบั โชติมาตรของดาวฤกษ์

คาช้แี จง ให้นกั เรียนคานวณอัตราส่วนของความสว่างปรากฏของดาวฤกษ์ทกี่ าหนดให้

1. ดาว A เมอ่ื สวา่ งนอ้ ยทส่ี ดุ มีความสว่าง -3.5 ดาว B มอี นั ดบั ความสว่าง -1.5 ดาว A มีอัตราสว่ นของ
ความสว่างปรากฏมากกวา่ ดาว B ก่ีเท่า
วธิ ที า..............................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................................................
2. ดาว ก มีอันดับความสวา่ ง 6 และ ดาว ข มีอนั ดับความสว่าง -1 ดาว ข มีความสว่างมากกวา่ ดาว ข
มอี ตั ราส่วนของความสวา่ งปรากฏมากกว่าดาว ก กเ่ี ทา่
วิธีทา..............................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................
........................................................................................................................................................................

ใบงานท่ี 10 เร่อื งความสัมพนั ธ์ระหว่างความส่องสวา่ ง
กบั โชตมิ าตรของดาวฤกษ์

ชือ่ ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขท่ี...................
ว3.1 ม.6/5 ระบปุ จั จยั ทสี่ ง่ ผลตอ่ ความส่องสว่างของดาวฤกษ์และอธบิ ายความสมั พนั ธร์ ะหว่างความ
ส่องสว่างกบั โชตมิ าตรของดาวฤกษ์

คาช้แี จง ให้นักเรียนศึกษาข้อมลู เร่อื งความสมั พนั ธ์ระหวา่ งความสอ่ งสว่างกบั โชตมิ าตรของ
ดาวฤกษแ์ ลว้ เติมคาในตารางให้ถูกต้อง

ตัวอย่างดาว โชตมิ าตรปรากฏ โชตมิ าตรสัมบรู ณ์
ดวงอาทิตย์
ดาวซิรอิ ัส
ดาวเวกา
ดาวพอลลักซ์
ดาวดวงแก้ว
ดาวหวั ใจสงิ ห์
ดาวรวงข้าว
ดาวคาโนปสั
ดาวเบเทลจุส
ดาวไรเจล

1. โชติมาตรปรากฏ คอื ...............................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................
2. โชติมาตรสมั บูรณ์ คอื ............................................................................................................................. ..
.......................................................................................................................................................................
3. อธบิ ายความสมั พนั ธ์ของโชตมิ าตรปรากฏและโชตมิ าตรสัมบรู ณ์ คือ ...................................................
.......................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ..........................................
.......................................................................................................................................................................

ใบงานที่ 11 เรอื่ งความสัมพนั ธร์ ะหว่างสี อุณหภูมิผิว
และสเปกตรมั ของดาวฤกษ์

ช่อื ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขท่ี...................

ว3.1 ม.6/6 อธิบายความสมั พันธร์ ะหว่างสี อณุ หภูมผิ วิ และสเปกตรมั ของดาวฤกษ์

คาชี้แจง ใหน้ กั เรียนสืบคน้ ขอ้ มลู เกย่ี วกบั สี อณุ หภูมิผวิ และสเปกตรัมของดาวฤกษ์ แล้วจับคู่
ความสมั พันธใ์ ห้ถกู ต้อง

สเปกตรมั ของดาวฤกษ์ ดวงอาทติ ย์

สเปกโตรมิเตอร์ 25000 K

สเปกตรมั O ดาวดวงแก้ว
สเปกตรมั B ศกึ ษาสเปกตรมั ดาว
สเปกตรมั A
สเปกตรัม F ฤกษ์
สเปกตรัม G O, B, A, F, G, K, M
สเปกตรัม K
สเปกตรัม M ดาวโพรซิออน

สสี ม้ แดง

สีขาว
สีนา้ เงนิ

ใบงานท่ี 12 เรื่องกาเนิดดาวฤกษ์และวิวัฒนาการ

ชอ่ื ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขที่...................
ว3.1 ม.6/7 อธิบายลาดบั วิวัฒนาการทีส่ ัมพันธ์กบั มวลตง้ั ต้น และวเิ คราะห์การเปลย่ี นแปลงสมบตั ิบาง
ประการของดาวฤกษ์

ตอนท่ี 1 คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามใหถ้ ูกตอ้ ง

1. ดาวฤกษก์ อ่ นเกดิ คอื .................................................................................................................................
2. สมดลุ อทุ กสถิต คือ ...................................................................................................................................
............................................................................................................................. ...........................................
3. ดาวยักษ์แดง คอื .......................................................................................................................................
4. ดาวแคระขาว คือ .....................................................................................................................................
5. เนบิวลาดาวเคราะห์ คอื ...........................................................................................................................
6. ดาวยกั ษใ์ หญ่ คอื ......................................................................................................................................
7. หลมุ ดา คอื ................................................................................................................................................
8. ซปุ เปอรโ์ นวา คือ ......................................................................................................................................
9. ดาวนิวตรอน คอื .......................................................................................................................................
10. เนบิวลาสุริยะ คือ ...................................................................................................................................

ตอนท่ี 2 คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเขยี นววิ ฒั นาการของดาวฤกษ์ โดยแสดงเปน็ แผนภาพให้เขา้ ใจ

แบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ 2 เร่ือง ดาวฤกษ์ หน้า 1

ชือ่ ………………………………………………………………………………………ชั้น....................................เลขท่ี...................

1. คาช้แี จง ให้นกั เรียนตอบคาถามใหถ้ ูกตอ้ ง

1. ความส่องสวา่ งของดาวฤกษข์ น้ึ อย่กู ับปัจจัยใดบ้าง ปัจจัยดังกล่าวมีความสัมพันธ์กนั อย่างไร

ตอบ .......................................................................................................................................

............................................................................................................................. ...................

............................................................................................................................. ....................

..................................................................................................................................................

2. โชตมิ าตรปรากฏและโชติมาตรสัมบรู ณต์ า่ งกันอยา่ งไร

ตอบ ..............................................................................................................................................................

.......................................................................................................................................................................

3. จากข้อมลู โชติมาตรปรากฏของดาวต่าง ๆ ท่กี าหนดให้ ดาวดวงใดมคี วามส่องสว่างมากทีส่ ดุ

ดาวดวงใดมีความสอ่ งสว่างน้อยทีส่ ุดและเรยี งลาดบั ชอ่ื ดาวตามความสอ่ งสว่างจากมากไปนอ้ ย

ดาวตานกอินทรี (0.77) ดวงจันทรเ์ ต็มดวง (-12.5) ดาวซิรอิ ัส (-1.46)

ดาวคาเพลลา (0.09) ดาวไรเจล (0.12) ดาวศกุ ร์ (-4.4)

ดาวพฤหัสบดี (-2.7) ดวงอาทติ ย์ (-26.7) ดาวเวกา (0.04)

ตอบ ..............................................................................................................................................................

.......................................................................................................................................................................

.......................................................................................................................................................................

4. จากตารางแสดงสี โชตมิ าตรปรากฏ และโชตมิ าตรสมั บรู ณข์ องดาวฤกษ์ ใหน้ กั เรียนตอบคาถามตอ่ ไปน้ี

4.1 ดาวดวงใดเมื่อมองจากโลก จะเหน็ สวา่ งทส่ี ุด ตอบ ..........................................................................
4.2 ดาวดวงใดที่มีอณุ หภูมิผวิ สงู ที่สดุ ตอบ .............................................................................................
4.3 ดาวดวงใดที่มอี ุณหภูมิผวิ ใกล้เคียงกับดวงอาทติ ย์มากท่สี ุด พจิ ารณาจากข้อมูลใด

ตอบ .................................................................................................................................................

แบบฝึกหดั ทา้ ยบทที่ 2 เรอื่ ง ดาวฤกษ์ หนา้ 2

ชอ่ื ………………………………………………………………………………………ชนั้ ....................................เลขท่ี...................

5. เพราะเหตุใดเมื่อมองจากโลกนกั เรียนจึงเหน็ ดวงอาทิตยส์ ว่างกว่าดาวซิรอิ สั ท้ังทดี่ าวซิริอสั
มกี าลงั สองสวา่ งมากกว่าดวงอาทติ ย์
ตอบ ........................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
6. เนบิวลามีความสัมพันธ์กับดาวฤกษ์อย่างไร
ตอบ ........................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
7. เพราะเหตใุ ดดาวฤกษ์ท่ีมีมวลน้อย จงึ มชี ว่ งชวี ิตที่ยาวนานกวา่ ดาวฤกษท์ มี่ ีมวลมาก
ตอบ ........................................................................................................................................
................................................................................................................................................
8. นาคาที่กาหนดให้เตมิ คาลงในช่องวา่ งของแผนภาพวิวัฒนาการดาวฤกษท์ ี่กาหนด

ดาวยกั ษ์แดง ดาวแคระขาว เนบวิ ลาดาวเคราะห์ ซเู ปอรโ์ นวา ดาวนิวตรอน
หลุมดา ดาวยกั ษใ์ หญ่ เนบวิ ลา ดวงอาทิตย์ ดาวฤกษ์สนี ้าเงินขนาดใหญ่

ทมี่ า : หนังสอื เรยี นวิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ สสวท.

สรปุ เรื่อง ดาวฤกษ์

ดาวฤกษ์ แต่ละดวงมสี มบัตทิ ่ีแตกตา่ งกัน เช่น ความสอ่ งสวา่ ง อณุ หภมู ิผวิ สี สเปกตรัม

ความส่องสวา่ งของดาวฤกษ์ เป็นพลังงานของดาวฤกษ์ทีแ่ ผม่ าถงึ ยงั ผสู้ ังเกต ซงึ่ สัมพันธก์ บั
กาลงั สอ่ งสว่างของดาวและระยะหา่ งจากผู้สังเกต โดยเปรียบเทยี บความส่องสวา่ งเป็นโชตมิ าตร

อุณหภูมผิ ิวของดาวฤกษ์ ส่งผลต่อสีและสเปกตรัมของดาวฤกษ์

ดาวฤกษ์กาเนิดจากการยุบตัวของสสารในเนบิวลาด้วยแรงโน้มถ่วงเกิดเป็นดาวฤกษ์ก่อนเกิด
เมื่อบริเวณแก่นของดาวฤกษ์ก่อนเกิดมีอุณหภูมิสูงมากเพียงพอจะทาให้เกิดปฏิกิริยาเทอร์มอ
นิวเคลียร์ดาวฤกษ์ก่อนเกิดจึงกลายเปน็ ดาวฤกษ์

มวลของดาวฤกษ์สง่ ผลตอ่ ววิ ัฒนาการและอายขุ ัยของดาวฤกษแ์ ละดาวฤกษ์มีการเปลี่ยนแปลง
สมบัตบิ างประการตามววิ ฒั นาการ

ใบงานท่ี 13 เรื่องการแบง่ เขตบริวารของดวงอาทติ ย์

ชื่อ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขท่ี...................
ว3.1 ม.6/8 อธิบายกระบวนการเกดิ ระบบสรุ ิยะ และการแบง่ เขตบริวารของดวงอาทติ ย์ และลกั ษณะของ
ดาวเคราะห์ท่เี อ้ือต่อการดารงชีวิต

ตอนที่ 1 คาชแี้ จง ให้นักเรยี นวาดระบบสุรยิ ะพรอ้ มช้อี งค์ประกอบของระบบสรุ ิยะ

ตอนที่ 2 คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามต่อไปน้ีให้ถกู ต้อง
1. ดาวฤกษใ์ นระบบสุรยิ ะ คอื .......................................................................................................................
2. ดาวเคราะหใ์ นระบบสุริยะมีทัง้ หมดกด่ี วง อะไรบา้ งเรยี งตามลาดับยดึ จากดวงฤกษ์ ตอบ ......................
........................................................................................................................................................................
3. ดาวเคราะห์ชนั้ ใน คือ ...............................................................................................................................
4. ดาวเคราะห์ชน้ั ในมีทงั้ หมดก่ีดวง อะไรบา้ ง ตอบ .....................................................................................
5. ดาวเคราะห์ชัน้ ใน คอื ...............................................................................................................................
6. ดาวเคราะห์ช้ันนอกมีท้งั หมดกี่ดวง อะไรบ้าง ตอบ ..................................................................................
7. แถบดาวเคราะหน์ ้อยอยู่บริเวณใด ตอบ ...................................................................................................
8. เขตท่นี อกเหนือดาวเนปจูนออกไป ได้แก่ .................................................................................................
9. เขตเออ้ื ชีวิต คือ ........................................................................................................................................
10. ดาวเคราะหท์ ่ีคล้ายโลก คอื ……………………………………………………………………………………………………..

ใบงานที่ 14 เร่อื งดาวเคราะห์ในระบบสุรยิ ะ

ช่ือ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขที่...................
ว3.1 ม.6/8 อธบิ ายกระบวนการเกิดระบบสรุ ยิ ะ และการแบง่ เขตบรวิ ารของดวงอาทิตย์ และลักษณะของ
ดาวเคราะหท์ เี่ อ้อื ตอ่ การดารงชวี ติ

คาช้แี จง ให้นักเรียนพิจารณาข้อความตอ่ ไปน้ี แลว้ ทาเครื่องหมาย √ หน้าข้อความที่ถกู
และทาเครอ่ื งหมาย X หน้าขอ้ ที่ผิด

X 1. ระบบสุรยิ ะเกดิ จากเนบิวลาสรุ ิยะ ซ่งึ ประกอบดว้ ยฝนุ่ และแก๊ส
X 2. ดาวศกุ ร์เอือ้ ตอ่ การมขี องส่ิงมีชวี ิตเพราะมีนา้ และอากาศ
X 3. ดาวเคราะหท์ ี่ไดฉ้ ายาวา่ คู่แฝดของโลก คือดาวศุกร์
X 4. ดาวเคราะหย์ ักษ์แก๊ส มีด้วยกนั 3 ดวง คอื ดาวพฤหสั บดี ดาวเสาร์และดาวยูเรนัส
X 5. ดาวเคราะห์ยกั ษน์ า้ แขง็ มีดว้ ยกนั 2 ดวง คือ ดาวยเู รนัสและดาวเนปจนู
X 6. ดาวเคราะหเ์ กิดจากการชนและการรวมตัวกันด้วยแรงโน้มถ่วงเกดิ เปน็ การพอกพูนมวล
X 7. ดาวพฤหัสบดี มอี งค์ประกอบส่วนใหญเ่ ป็นน้าแข็ง
X 8. ดาวศุกร์หมุนรอบตวั เองตามเข็มนาฬิกา
X 9. โลกมีดวงจันทร์เป็นบรวิ ารเพยี งดวงเดยี วคือ ดวงจนั ทร์
X 10. ดาวเสารม์ ีดาวบริวาร 62 ดวง หน่งึ ในนนั้ คอื ดวงจนั ทร์ไททนั (Titan)
X 11. ดาวเคราะหท์ ม่ี ีวงแหวนพบไดเ้ ฉพาะดาวเสารเ์ ท่านัน้
X 12. ดาวยูเรนัส (Uranus)เรยี กอกี ชอื่ วา่ หรือดาวมฤตยู
X 13. ดาวเคราะหท์ ่สี ามารถเหน็ ได้ด้วยตาเปล่า ไดแ้ ก่ ดาวพุธ ดาวศุกร์ ดาวอังคาร ดาวพฤหสั บดี และ

ดาวเสาร์
X 14. ดาวหางจดั เปน็ สมาชิกของระบบสุรยิ ะเชน่ กนั
X 15. ดาวเสาร์ไดฉ้ ายาวา่ “เตาไฟแชแ่ ขง็ ”

ใบงานท่ี 15 เร่อื งการศกึ ษาดวงอาทติ ย์

ชอื่ ………………………………………………………………………………………ช้ัน....................................เลขท่ี...................
ว3.1 ม.6/9 อธบิ ายโครงสร้างของดวงอาทิตย์ การเกิดลมสรุ ยิ ะ พายุสรุ ยิ ะ และสบื คน้ ขอ้ มูล วเิ คราะห์
นาเสนอปรากฏการณห์ รอื เหตุการณท์ ีเ่ กี่ยวข้องกับผลของลมสุริยะ และพายุสุริยะที่มีต่อโลกรวมท้ัง
ประเทศไทย

ตอนที่ 1 คาช้แี จง ให้นกั เรยี นวาดภาพดวงอาทติ ยพ์ รอ้ มชอ้ี งค์ประกอบ

ตอนที่ 2 คาช้ีแจง ใหน้ ักเรยี นตอบคาถามตอ่ ไปนใี้ ห้ถกู ต้อง
1. องค์ประกอบของดวงอาทิตยค์ อื ธาตใุ ด ตอบ ..............................................................................................
2. โครงสร้างภายในดวงอาทติ ย์มดี ว้ ยกัน 3 สว่ น คือ ......................................................................................
3. ชั้นในสดุ ของดวงอาทติ ย์ มีอุณหภูมปิ ระมาณ 15 ล้านเคลวนิ คือ ..............................................................
4. ชั้นท่ีมีความหนาและมีอณุ หภูมิประมาณ 2.5 ลา้ นเคลวนิ คือ ....................................................................
5. ชั้นทม่ี ีการหมนุ เวยี นของพลาสมาเป็นวงจร คือ ..........................................................................................
6. ชนั้ บรรยากาศของดวงอาทิตย์แบ่งเปน็ 3 ชั้น คือ .......................................................................................
7. ช้นั คอโรนามลี กั ษณะ คือ .............................................................................................................................
8. ชน้ั บรรยากาศของดวงอาทิตยท์ ่ีสงั เกตไดเ้ มื่อใชแ้ ผ่นกรองสุริยะ คือ ..........................................................
9. จุดมดื บนดวงอาทิตย์ คือ .............................................................................................................................
10. แสงเหนือแสงใตเ้ กิดจาก ...........................................................................................................................

ใบงานที่ 16 เรื่องระบบสรุ ิยะ

ชอื่ ………………………………………………………………………………………ชน้ั ....................................เลขที่...................
ว3.1 ม.6/8 อธบิ ายกระบวนการเกดิ ระบบสรุ ิยะ และการแบ่งเขตบริวารของดวงอาทติ ย์ และลักษณะของ
ดาวเคราะห์ทเ่ี อือ้ ตอ่ การดารงชีวติ

คาช้ีแจง ใหน้ กั เรยี นตอบคาถามให้ถกู ตอ้ ง

1. ดวงอาทติ ยแ์ ละบรวิ ารกาเนดิ มาจากแหล่งกาเนิดเดยี วกันหรอื ไม่ และมาจากแหลง่ กาเนดิ ใด
ตอบ .........................................................................................................................................
2. ดาวเคราะห์ชั้นในและดาวเคราะห์ช้ันนอกาเนิดมาจากวัตถุดาวเคราะห์ท่ีมีสมบัติเหมือนหรือต่างกัน
อย่างไร ตอบ ..............................................................................................................................
.................................................................................................................................................
3. นกั เรียนสามารถจาแนกประเภทของบรวิ ารรอบดวงอาทิตย์ได้อยา่ งไรบ้างและใชเ้ กณฑใ์ ด
ตอบ .........................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
4. ระบบสรุ ิยะกาเนดิ มาได้อย่างไร
ตอบ .........................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
5. พลงั งานบนดวงอาทิตยไ์ ดม้ าอยา่ งไร ตอบ .................................................................................
.................................................................................................................................................
6. นกั ดาราศาสตร์แบง่ เขตพน้ื ทรี่ อบระบบสุริยะตามลักษณะการก่อตวั ได้เป็นก่ีเขต อะไรบ้าง
ตอบ .........................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
7.แถบดาวเคราะห์นอ้ ยเกิดข้ึนได้อยา่ งไร ตอบ .............................................................................
.................................................................................................................................................
.................................................................................................................................................
8. ปัจจยั ใดบา้ งทเ่ี อ้ือต่อการดารงชีวิตของส่งิ มีชีวติ ตอบ ................................................................
9. เขตเอือ้ ชีวติ คอื อะไร ตอบ .....................................................................................................
................................................................................................................................................
................................................................................................................................................
10. ดาวเคราะหด์ วงใดทีน่ า่ จะเปน็ ดาวเคราะห์คล้ายโลก ตอบ ……………………………………………………..

แบบฝกึ หดั ทา้ ยบทที่ 3 เรอ่ื ง ระบบสุรยิ ะ หน้า 1

ช่อื ………………………………………………………………………………………ช้ัน....................................เลขท่ี...................

1. ตอนที่ 1 คาชี้แจง : จงจับคู่ข้อความกบั ตัวอกั ษรในกรอบ ใหม้ ีความสมั พันธก์ ัน

A. 5,800 เคลวนิ B. พลงั งานแสงและพลงั งานความรอ้ น C. คอโรนา
D. การแผ่รังสคี วามรอ้ น และการพาความร้อน E. พลังงานความร้อน และอนุภาคโปรตอน
และอิเลก็ ตรอน F. แก่นดวงอาทติ ย์ G. ลมสรุ ิยะ H. แถบข้วั โลกเหนอื และขว้ั โลกใต้
I. ชัน้ โฟโตสเฟยี ร์ M. แกน่ เขตการแผ่รงั สี และเขตการพาความรอ้ น

ตวั อกั ษร ข้อความ

อณุ หภูมพิ ้ืนผวิ ของดวงอาทิตยโ์ ดยประมาณ

โครงสรา้ งภายในของดวงอาทติ ย์

บริเวณของดวงอาทติ ยท์ ่มี ีอุณหภมู สิ ูงที่สุด

ช้นั บรรยากาศทอี่ ยบู่ รเิ วณนอกสุดของดวงอาทติ ย์

ชั้นบรรยากาศใดที่สามารถมองเหน็ ไดเ้ มือ่ มองผ่านแผ่นกรองแสงสรุ ิยะ

โลกของเราได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์

กระบวนการถ่ายโอนความรอ้ นภายในดวงอาทติ ย์

นอกจากแสงแล้วยังมสี ่งิ ที่ดวงอาทิตยป์ ลดปลอ่ ยมายงั โลก

พบปรากฏการณ์แสงเหนือใต้

เกดิ ข้ึนเมอื่ เกิดการลกุ จา้ บนดวงอาทิตย์

2. ตอนท่ี 2 คาชแ้ี จง ตอบคาถามให้ถกู ตอ้ ง

1. จากความรูเ้ ร่ืองกาเนดิ ระบบสุริยะ เพราะเหตใุ ดจงึ กลา่ ววา่ ดวงอาทติ ยเ์ ปน็ ดาวฤกษร์ นุ่ หลงั
ตอบ ............................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................
2. ความหนาแน่นของดาวเคราะห์หนิ และดาวเคราะห์แกส๊ เหมือนหรือต่างกันอย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................................................
3. จุดมดื ดวงอาทิตยเ์ กิดขนึ้ ได้อยา่ งไร ตอบ ...............................................................................................
.....................................................................................................................................................................

แบบฝึกหัดทา้ ยบทที่ 3 เร่ือง ระบบสุริยะ หนา้ 2

ช่ือ………………………………………………………………………………………ชน้ั ....................................เลขที่...................

3. ตอนที่ 3 คาช้ีแจง จงเลอื กคาทีก่ าหนดเตมิ ลงในชอ่ งวา่ งใหส้ อดคลอ้ งกับขอ้ ความทก่ี าหนด

โฟโตสเฟยี ร์ เขตการพาความรอ้ น โครโมสเฟยี ร์
คอโรนา เขตการแผ่รงั สี จดุ มดื ดวงอาทิตย์

..................................1. เป็นบริเวณที่เกิดปฏกิ ิริยาเทอร์มอนิวเคลียร์
..................................2. เป็นเขตท่ีมกี ารถา่ ยโอนพลงั งาน ซง่ึ อยรู่ ะหวา่ งแก่นและเขตการพาความร้อน
..................................3. เป็นเขตที่ถ่ายโอนความรอ้ นออกสผู่ วิ ของดวงอาทติ ย์
..................................4.เปน็ บรเิ วณทสี่ ามารถมองเห็นไดด้ ว้ ยตาเปลา่ (เม่อื มองผา่ นแผ่นกรองแสงสรุ ิยะ)
..................................5. อยู่บริเวณผวิ ดวงอาทติ ย์ ซง่ึ มีอุณหภูมติ า่ กวา่ บรเิ วณข้างเคยี ง
..................................6. เป็นช้ันบรรยากาศที่มีความหนาแนน่ น้อย และแผก่ ระจายจากดวงอาทิตย์ได้

ไกลมาก จะเห็นแสงสว่ นนใ้ี นช่วงท่ีเกิดสุริยปุ ราคาเต็มดวง

4. ตอนท่ี 4 คาชี้แจง ระบุโครงสรา้ งของดวงอาทิตยล์ งในช่องว่างใหส้ อดคลอ้ งกับแผนภาพที่
กาหนด

ท่มี าภาพประกอบ : หนังสือเรียนวิทยาศาสตรโ์ ลกและอวกาศ ก. ................................................
ข. ................................................
ค. ................................................
ง. ................................................
จ. ................................................
ฉ. ................................................

สรุปเร่อื ง ระบบสรุ ยิ ะ

ระบบสรุ ยิ ะเกดิ จากรวมตัวกนั ของกลุ่มฝนุ่ และแกส๊ ที่เรียกว่า เนบวิ ลาสุริยะ

บรเิ วณใกลด้ วงอาทิตย์มีอณุ หภูมิสูง สสารสว่ นหนึ่งที่รวมตัวกันเป็นของแขง็ จะเกดิ การพอกพนู
มวล เป็นดาวเคราะหห์ นิ หรอื ดาวเคราะห์ชนั้ ใน ในขณะท่แี กส๊ และสารระเหยงา่ ยจะถกู ผลัก
ออกไปไกล จากดวงอาทิตย์เกิดเปน็ ดาวเคราะห์แก๊สหรอื ดาวเคราะหช์ น้ั นอก

การท่จี ะมีส่งิ มีชีวติ ได้ ดาวดวงนน้ั ต้องมีองค์ประกอบสาคัญ คอื น้า ที่อยู่ในสถานะของเหลว
ชนั้ บรรยากาศท่ีเหมาะสมต่อการดารงชีวิตสิ่งมีชีวติ และต้องอยู่ห่างจากดาวฤกษ์ในระยะทางที่
เหมาะสม

โครงสร้างภายในดวงอาทิตย์ แบง่ เปน็ แก่น เขตการแผร่ ังสี และเขตการพาความร้อน ส่วนช้ัน
บรรยากาศแบง่ เป็นชนั้ โฟโตสเฟยี ร์ชนั้ โครโมสเฟียร์และชัน้ คอโรนา

ดวงอาทิตย์นอกจากจะแผ่พลงั งานออกมาในรปู คลน่ื แมเ่ หลก็ ไฟฟ้าในทุกความยาวคลืน่ ยัง
ปล่อยอนุภาคพลงั งานสงู ที่เรียกว่า ลมสุรยิ ะและพายสุ ุรยิ ะ ซง่ึ เกิดจากปรากฏการณ์บนดวง
อาทติ ย์ เชน่ การลุกจ้า การปล่อยก้อนมวลจากคอโรนา และส่งผลตอ่ สิ่งมีชีวิตบนโลก

ใบงานที่ 17 เรอ่ื งเทคโนโลยีอวกาศ

ชื่อ………………………………………………………………………………………ชัน้ ....................................เลขท่ี...................
ว3.1 ม.6/10 สบื คน้ ข้อมูล อธิบายการสารวจอวกาศ โดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศนใ์ นชว่ งความยาวคลืน่ ต่างๆ
ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ และนาเสนอแนวคิดการนาความรู้ทางด้านเทคโนโลยอี วกาศมา
ประยุกตใ์ ช้ ในชวี ติ ประจาวนั หรอื ในอนาคต

คาชแ้ี จง ให้นักเรยี นตอบคาถามให้ถูกตอ้ ง

1. นกั วิทยาศาสตร์ใชอ้ ปุ กรณ์ใดบ้างในการสารวจอวกาศ ตอบ ................................................................
2. กลอ้ งโทรทรรศน์มปี ระโยชน์อย่างไร ตอบ ...........................................................................................
3. กลอ้ งโทรทรรศนท์ นี่ กั เรยี นรจู้ ักมแี บบใดบ้าง ตอบ ...............................................................................
4. กล้องโทรทรรศน์แต่ละชนดิ ใช้สังเกตวตั ถุทอ้ งฟา้ ในชว่ งคล่นื ใดบา้ ง
ตอบ ..........................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
5. กลอ้ งโทรทรรศน์ในช่วงคลน่ื ใดบา้ งที่ใช้ศกึ ษาไดจ้ ากบนโลก ตอบ ........................................................
6. กลอ้ งโทรทรรศนใ์ นชว่ งคลนื่ ใดบา้ งที่เปน็ กลอ้ งโทรทรรศนอ์ วกาศ
ตอบ .............................................................................................................................................................
7. ถา้ จะศกึ ษาวัตถทุ อ้ งฟ้าท่ีมีความยาวคลืน่ ในชว่ งรงั สีเอกซ์สามารถใชก้ ลอ้ งโทรทรรศน์
บนพ้ืนโลกได้หรอื ไม่ เพราะเหตุใด ตอบ ...................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................
8. ระบบขนสง่ อวกาศมีสว่ นประกอบใดบ้าง และแต่ละสว่ นทาหน้าท่อี ะไร
ตอบ ..........................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
9. สถานอี วกาศมปี ระโยชน์ในด้านใด ตอบ.................................................................................................
.....................................................................................................................................................................
10. จรวดมีความสาคัญอย่างไรตอ่ การสารวจอวกาศ ตอบ .......................................................................
.....................................................................................................................................................................
............................................................................................................................. ........................................

ใบงานที่ 18 เรือ่ งกลอ้ งโทรทรรศน์ หนา้ 1

ชื่อ………………………………………………………………………………………ช้ัน....................................เลขท่ี...................

ว3.1 ม.6/10 สืบค้นขอ้ มูล อธบิ ายการสารวจอวกาศ โดยใช้กล้องโทรทรรศนใ์ นช่วงความยาวคล่ืนต่างๆ
ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานีอวกาศ และนาเสนอแนวคดิ การนาความรู้ทางดา้ นเทคโนโลยีอวกาศมา
ประยกุ ต์ใช้ ในชวี ติ ประจาวนั หรอื ในอนาคต

คาช้แี จง ใหน้ กั เรยี นนาภาพกล้องโทรทรรศนแ์ ตล่ ะชนดิ มาตดิ ในกล่องข้อความท่กี าหนดใหแ้ ละ
ให้ศกึ ษาขอ้ มูลการใช้ประโยชน์ของกลอ้ งโทรทรรศน์แต่ละชนดิ

กล้องโทรทรรศน์แบบหักเหแสง หลักการทางาน ................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
ประโยชน์ .........................................................
..........................................................................

กลอ้ งโทรทรรศนแ์ บบสะทอ้ นแสง หลกั การทางาน ................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
ประโยชน์ .........................................................
..........................................................................

กลอ้ งโทรทรรศน์ชว่ งคลน่ื วทิ ยุ หลักการทางาน ................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
ประโยชน์ .........................................................
..........................................................................

ใบงานท่ี 18 เรื่องกล้องโทรทรรศน์ หน้า 2

ชือ่ ………………………………………………………………………………………ชั้น....................................เลขที่...................

ว3.1 ม.6/10 สบื ค้นขอ้ มลู อธบิ ายการสารวจอวกาศ โดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศนใ์ นช่วงความยาวคลืน่ ต่างๆ
ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานอี วกาศ และนาเสนอแนวคดิ การนาความรทู้ างดา้ นเทคโนโลยีอวกาศมา
ประยกุ ตใ์ ช้ ในชีวติ ประจาวันหรือในอนาคต

คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นนาภาพกล้องโทรทรรศนแ์ ต่ละชนดิ มาตดิ ในกลอ่ งขอ้ ความทก่ี าหนดใหแ้ ละ
ให้ศกึ ษาข้อมลู การใช้ประโยชนข์ องกล้องโทรทรรศน์แตล่ ะชนดิ และยกตวั อย่าง

กล้องโทรทรรศนช์ ่วงคล่ืนอินฟราเรด หลักการทางาน ................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
ประโยชน์ .........................................................
..........................................................................

กลอ้ งโทรทรรศนช์ ว่ งคลน่ื อลั ตราไวโอเลต หลกั การทางาน ................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
ประโยชน์ .........................................................
..........................................................................

กล้องโทรทรรศนช์ ว่ งคลื่นรังสีเอกซ์ หลักการทางาน ................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
..........................................................................
ประโยชน์ .........................................................
..........................................................................

ใบงานที่ 19 เรอ่ื งดาวเทียม

ชือ่ ………………………………………………………………………………………ช้ัน....................................เลขที่...................
ว3.1 ม.6/10 สืบค้นข้อมูล อธิบายการสารวจอวกาศ โดยใช้กล้องโทรทรรศน์ในช่วงความยาวคล่ืนตา่ งๆ
ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานอี วกาศ และนาเสนอแนวคิดการนาความรู้ทางดา้ นเทคโนโลยอี วกาศมา
ประยกุ ตใ์ ช้ ในชวี ติ ประจาวนั หรือในอนาคต

คาชแี้ จง ให้นกั เรยี นศกึ ษาดาวเทยี มมา 1 ชนดิ พรอ้ มวาดภาพและอธบิ ายหลักการทางาน

ทมี่ า :

1. ดาวเทียมชื่อ ..................................................................................................................
2. หลกั การทางาน .............................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
...........................................................................................................................................
3. การใชป้ ระโยชน์ ...........................................................................................................
4. สัญชาติ .................................................................................................................
5. ระยะเวลาโคจรรอบโลก 1 รอบ ....................................................................................
6. ความสงู ของวงโคจร ..................................................................................................
7. อายุการใช้งาน .......................................................................................................

ใบงานที่ 20 เรื่องการพัฒนาเทคโนโลยอี วกาศ

ชอื่ ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขที่...................
ว3.1 ม.6/10 สืบค้นข้อมูล อธิบายการสารวจอวกาศ โดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศนใ์ นชว่ งความยาวคลนื่ ตา่ งๆ
ดาวเทียม ยานอวกาศ สถานอี วกาศ และนาเสนอแนวคิดการนาความรู้ทางดา้ นเทคโนโลยอี วกาศมา
ประยกุ ตใ์ ช้ ในชีวติ ประจาวันหรือในอนาคต

คาชแี้ จง ให้นกั เรียนนากลมุ่ คาทีก่ าหนดให้ไปเติมกบั หัวข้อทมี่ คี วามสมั พนั ธใ์ หถ้ ูกต้อง

Satellite วงโคจร Spacecraft จดั เปน็ พาหนะ สารวจอวกาศ Juno
การพยากรณ์อากาศ New horizon Space station Cassini-Huygens
LEO ถ่ายภาพทางอากาศ ห้องปฏบิ ตั ิการนอกโลก ศึกษาวัตถุท้องฟ้าในอวกาศ
โคจรรอบโลกสงู 400 กม. ISS การวิจยั นอกโลก การพัฒนายาชนิดใหม่ rocket
ประดษิ ฐค์ ดิ คน้ ในสภาพไรน้ า้ หนัก Salmonella เครอื่ งยนต์ขบั เคลื่อนสูงมาก สารวจ
ทรัพยากร ถังเชื้อเพลิงภายนอก GPS Thaicom ใช้ขนส่งยานอวกาศ การบอก
ตาแหน่งโลก วงโคจรค้างฟา้ Apollo ความเรว็ หลดุ พ้น 11.2 km/s

ยานอวกาศ สถานีอวกาศ ดาวเทยี ม จรวด

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ...................................... .......................................

..................................... ........................................ ..................................... ......................................

ใบงานท่ี 21 เรอื่ งเทคโนโลยีอวกาศกบั การประยกุ ต์ใช้

ช่อื ………………………………………………………………………………………ชน้ั ....................................เลขท่ี...................
ว3.1 ม.6/10 สบื ค้นขอ้ มูล อธบิ ายการสารวจอวกาศ โดยใชก้ ลอ้ งโทรทรรศน์ในช่วงความยาวคล่นื ตา่ งๆ
ดาวเทยี ม ยานอวกาศ สถานอี วกาศ และนาเสนอแนวคดิ การนาความรทู้ างดา้ นเทคโนโลยีอวกาศมา
ประยกุ ต์ใช้ ในชีวติ ประจาวันหรอื ในอนาคต

คาช้ีแจง ใหน้ ักเรียนสบื คน้ ข้อมูลการใช้ประโยชนใ์ นแต่ละด้านท่ไี ดจ้ ากความรู้ทางเทคโนโลยี
อวกาศ

ดา้ นอาหาร ด้านวัสดศุ าสตร์ ดา้ นการแพทย์และ
สขุ ภาพ
.............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
.............................................. .............................................. ..............................................
..............................................

ทีม่ า ภาพประกอบ: https://www.pinterest.com/pin/618048748853635805/

แบบฝึกหัดท้ายบทที่ 4 เรือ่ งเทคโนโลยีอวกาศและการประยุกต์ใช้ หนา้ 1

ชอื่ ………………………………………………………………………………………ชน้ั ....................................เลขท่ี...................

1. ตอนท่ี 1 คาชีแ้ จง : ใหน้ ักเรียนตอบคาถามต่อไปน้ใี หถ้ ูกตอ้ ง

1. เพราะเหตใุ ดจึงต้องสง่ กล้องโทรทรรศนข์ นึ้ ไปโคจรรอบโลกในการศกึ ษาวัตถทุ ้องฟ้า
ตอบ ......................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
2. ทาไมกล้องโทรทรรศน์ทใี่ ช้ศึกษาวัตถทุ ้องฟา้ ต้องใช้ความยาวคล่นื ในชว่ งตา่ ง ๆ
ตอบ ......................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
3. ความรู้จากเทคโนโลยีอวกาศสามารถนามาประยกุ ต์ใชใ้ นด้านใดบา้ ง
ตอบ .......................................................................................................................................
4. เพราะเหตุใดจึงตอ้ งมีการทาวิจัยในอวกาศ ตอบ ....................................................................
...............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................
5. ระดับวงโคจรของดาวเทียมสัมพันธก์ ับการใชง้ านของดาวเทียมหรอื ไม่ อย่างไร
ตอบ ......................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................
..............................................................................................................................................

แบบฝกึ หดั ท้ายบทที่ 4 เรอ่ื งเทคโนโลยอี วกาศและการประยกุ ตใ์ ช้ หนา้ 2

ชอื่ ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขที่...................
2. ตอนท่ี 2 คาชี้แจง : จงเติมคาตอบลงในตารางให้ถูกตอ้ ง

กลอ้ งโทรทรรศน์ ช่วงความยาวคล่นื ที่ วตั ถุอวกาศที่เหมาะสมในการศึกษา
สามารถรบั สัญญาณ

................................... 1 เซนตเิ มตร – 20 เมตร ซูเปอร์โนวา หลมุ ดา กาแลก็ ซี และ

................................... ไมโครเวฟพน้ื หลังจากอวกาศ

กล้องโทรทรรศนแ์ บบ ........................................... ดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ เนบวิ ลาและ

สะท้อนแสง ........................................... กาแลก็ ซี

กล้องโทรทรรศน์ 10 - 0.1 นาโนเมตร ..................................................................
อวกาศจันทรา ..................................................................
.................................................................

................................... 1 ไมโครเมตร – 1 สสารระหว่างดาว ดาวฤกษ์อายุนอ้ ย
................................... มิลลเิ มตร , วิวัฒนาการของกาแลก็ ซี และ
................................... 10 - 320 นาโนเมตร , องคป์ ระกอบของเนบวิ ลาดาวเคราะห์
400 - 700 นาโนเมตร

กล้องโทรทรรศน์ ........................................... ..................................................................
อวกาศสปติ เซอร์ ........................................... ..................................................................

3. ตอนท่ี 3 คาช้แี จง : ใหน้ ักเรยี นพจิ ารณาขอ้ ความตอ่ ไปนี้ แลว้ ทาเคร่อื งหมาย √ หนา้ ข้อความท่ี
ถกู และทาเคร่อื งหมาย X หน้าขอ้ ท่ีผิด

X 1. ความเรว็ หลดุ พ้นของจรวดท่จี ะออกนอกโลกคือ 11.2 km/s
X 2. ซูเปอร์โนวา สามารถศกึ ษาได้จากกลอ้ งโทรทรรศน์แบบหักเหแสง
X 3. ประเทศไทยเราไม่มีประวัติการสรา้ งดาวเทยี ม
X 4. นกั บนิ อวกาศเมอื่ ใช้ชวี ติ อย่ใู นอวกาศเป็นเวลานานจะทาใหก้ ล้ามเน้ือขาลีบได้
X 5. ชดุ นักดบั เพลิงไดถ้ ูกพฒั นามาจากความรู้ทางเทคโนโลยีอวกาศ

สรปุ เร่อื ง เทคโนโลยอี วกาศและการประยกุ ตใ์ ช้

นกั วิทยาศาสตร์ได้สร้างกลอ้ งโทรทรรศนเ์ พอ่ื ศกึ ษาแหล่งกาเนิดของรังสหี รอื อนภุ าคในอวกาศ
ในช่วงความยาวคลนื่ ตา่ ง ๆ ได้แก่ คลนื่ วทิ ยุ ไมโครเวฟ อินฟราเรด แสง อลั ตราไวโอเลต และ
รงั สีเอก็ ซ์

ดาวเทียม คอื อปุ กรณท์ ่ใี ช้ในการสารวจวัตถุทอ้ งฟ้าและนามาประยกุ ต์ใช้ในดา้ นต่าง ๆ เชน่
การสื่อสารโทรคมนาคม การระบุตาแหน่งบนโลก การสารวจทรพั ยากรธรรมชาติ อุตนุ ิยมวทิ ยา
โดยดาวเทียมมีหลายประเภทสามารถแบ่งไดต้ ามเกณฑว์ งโคจรและการใช้งาน

ยานอวกาศ คอื ยานพาหนะทนี่ าอปุ กรณท์ างดาราศาสตร์หรอื มนษุ ย์ขึ้นไปสอู่ วกาศ เพอื่ สารวจ
หรือเดนิ ทางไปยงั ดาวดวงอ่ืน

สถานีอวกาศ คือ ห้องปฏิบัติการลอยฟ้า ที่โคจรรอบโลกใช้ในการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์
ในสาขาต่าง ๆ ในสภาพไร้น้าหนัก

มนษุ ย์ใชเ้ ทคโนโลยีอวกาศในการศกึ ษาเพอื่ ขยายขอบเขตความรดู้ า้ นวิทยาศาสตร์ ขณะเดยี วกนั
มนุษยไ์ ดน้ าเทคโนโลยีอวกาศมาประยุกต์ใช้ให้เกดิ ประโยชน์ในดา้ นต่าง ๆ เช่น วสั ดศุ าสตร์
อาหาร การแพทย์

หน่วยท่ี 2 กระบวนการเปลยี่ นแปลง
ภายในโลก

บทที่ 5 โครงสรา้ งโลก
บทที่ 6 การแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี
บทที่ 7 ธรณพี ิบัติ

ใบงานที่ 22 เรือ่ ง โครงสรา้ งโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี

ชื่อ………………………………………………………………………………………ชั้น....................................เลขที่...................

ว3.2 ม.6/1 อธิบายการแบ่งช้ันและสมบัติของโครงสรา้ งโลก พรอ้ มยกตวั อยา่ งข้อมูลท่สี นับสนุน

คาช้ีแจง ให้นักเรยี นเติมคาหรือขอ้ ความลงในช่องวา่ งให้ถกู ตอ้ ง

เปลอื กโลกมหาสมุทร เนือ้ โลก

เปลอื กโลกทวีป แก่นโลกชนั้ นอก
แก่นโลกชั้นใน

ท่มี า : https://quizizz.com/admin/quiz/5b28d8d336bc720019701b8a/

1. โครงสร้างโลกและการแบง่ โครงสรา้ งโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมสี ามารถแบ่งได้เปน็ ........สว่ น ไดแ้ กอ่ ะไรบ้าง พร้อม
อธิบาย ตอบ ..................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.....................................................................................................................................................................................
กับนกิ เกิล แบ่งออกเปน็ 2 ช้ันแก่นโลกชัน้ นอกและแกน่ โลกช้ันใน

2. โครงสรา้ งโลกมธี าตอุ ะไรเปน็ องค์ประกอบในแตล่ ะสว่ นที่แบง่ ตามองค์ประกอบทางเคมี

เปลอื กโลก เนือ้ โลก แกน่ โลก
............................................. ............................................. .............................................
............................................. ............................................. .............................................
............................................. ............................................. .............................................
............................................. ............................................. .............................................

3. โครงสร้างโลกแตล่ ะส่วนมคี วามหนากก่ี ิโลเมตร

เปลอื กโลก เนอื้ โลก แกน่ โลก
……………………………..…………. ................................................. .................................................

ใบงานที่ 23 เรื่องโครงสรา้ งโลกตามสมบัติเชิงกล

ชื่อ………………………………………………………………………………………ชัน้ ....................................เลขท่ี...................

ว3.2 ม.6/1 อธบิ ายการแบง่ ชัน้ และสมบตั ิของโครงสรา้ งโลก พร้อมยกตัวอยา่ งขอ้ มลู ทสี่ นับสนนุ

คาชแี้ จง ให้นักเรยี นเติมคาหรอื ข้อความลงในชอ่ งว่างใหถ้ ูกตอ้ ง

ทวปี /แผน่ ดิน มหาสมทุ ร/แผ่นน้า

ธรณภี าค ฐานธรณีภาค
มีโซสเฟียร์

แก่นโลกชั้นใน แก่นโลกช้นั นอก

ที่มา : https://ngthai.com/science/23866/structureofearth/

1. โครงสรา้ งโลกและการแบ่งโครงสรา้ งโลกตามสมบัติเชงิ กลสามารถแบ่งไดเ้ ปน็ 5 ส่วน ได้แก่อะไรบา้ ง พร้อมอธิบาย
ตอบ .............................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................

2. จงตอบคาถามตอ่ ไปนี้
2.1 เขตท่ีคล่ืนไหวสะเทือนมีความเร็วลดลง (low velocity zone) คือ.............................................................
.....................................................................................................................................................................................
.......................................................................................................................................................................................
2.2 เขตท่ีมีการเปล่ียนแปลง (transitionzal zone) คือ .....................................................................................
.......................................................................................................................... ....................................................
.......................................................................................................................... ...................................................
2.3 โครงสรา้ งโลกส่วนใดท่มี ีสถานะของเหลว ตอบ.........................................................................................................
2.4 คลน่ื ทีใ่ ชใ้ นการศกึ ษาโครงสรา้ งโลก ตอบ.................................................................................................................
........................................................................................................................................................................................

ใบงานท่ี 24 เร่ืองโครงสรา้ งโลก

ชื่อ………………………………………………………………………………………ชนั้ ....................................เลขท่ี...................

ว3.2 ม.6/1 อธิบายการแบ่งชัน้ และสมบตั ิของโครงสรา้ งโลก พร้อมยกตัวอยา่ งขอ้ มลู ทสี่ นับสนุน
คาชแี้ จง ใหน้ กั เรียนพจิ ารณาขอ้ ความต่อไปน้ี แลว้ ทาเครือ่ งหมาย √ หน้าขอ้ ความที่ถกู
และทาเคร่ืองหมาย X หนา้ ข้อท่ผี ิด

X 1. ในระดบั ลกึ ประมาณ 0-100 กโิ ลเมตร คือช้ันธรณีภาค มสี ถานะเปน็ ของแข็งความหนาแนน่ มากทส่ี ดุ
√ 2. ชน้ั ฐานธรณีภาค มีสถานะเป็นของแขง็ ที่มสี ภาพพลาสติก
X 3. ในระดับลึกประมาณ 100-660 กิโลเมตร คือชน้ั ธรณีภาค
√ 4. ช้ันมีโซสเฟียร์ มีสถานะเปน็ ของแข็งความหนาแนน่ เพิ่มข้นึ จากชัน้ ฐานธรณีภาค
X 5. แกน่ โลกชนั้ นอก มีสถานะเป็นของแขง็ ความหนาแนน่ เพม่ิ ขน้ึ จากชนั้ มีโซสเฟยี ร์
√ 6. ในระดบั ลกึ ประมาณ 5,150-6,370 กิโลเมตร คือแกน่ โลกชน้ั ใน มสี ถานะเปน็ ของแข็งมีความหนาแนน่ มาก

ท่สี ดุ
√ 7. การศกึ ษาโครงสรา้ งโลกสามารถใช้ขอ้ มลู ด้านต่าง ๆ เชน่ องคป์ ระกอบทางเคมขี องหินและแร่องคป์ ระกอบ

ทาง เคมีของอุกกาบาต
X 8.โครงสร้างโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี จะแบง่ ไดเ้ ปน็ 5 ช้นั ได้แก่ เปลือกโลก เนื้อโลก มีโซสเฟียร์ ธรณี

ภาคและแก่นโลก
√ 9. โครงสร้างโลกตามสมบตั เิ ชงิ กล จะแบ่งไดเ้ ปน็ 5 ชั้น ไดแ้ ก่ธรณีภาค ฐานธรณีภาค มชั ฌมิ ภาค แกน่ โลก

ชั้นนอก และแกน่ โลกชั้นใน
X 10. องค์ประกอบทางเคมที อี่ ยใู่ นแก่นโลก ไดแ้ ก่ Fe และ Al

ที่มา : https://www.bbc.com/thai/international-56311621

ใบงานท่ี 25 เรอ่ื งคล่นื ในตัวกลาง

ช่ือ………………………………………………………………………………………ช้ัน....................................เลขที่...................

ว3.2 ม.6/1 อธิบายการแบ่งชนั้ และสมบัตขิ องโครงสรา้ งโลก พร้อมยกตวั อย่างขอ้ มูลทสี่ นับสนนุ
คาชี้แจง ให้นกั เรียนเติมคาหรือขอ้ ความลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง

ทมี่ า : https://www.scimath.org/lesson-physics/item/7209-mechanical-wave-mechanical-wave
1. คลน่ื ไหวสะเทอื น (Seismic waves) คอื .........................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
2. คลืน่ ไหวสะเทือนมี 2 ประเภท ได้แก่ ................................................................................................................................
3. คลืน่ ในตัวกลาง ( body wave ) คือ ................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
4. คล่นื ในตัวกลางมดี ว้ ยกนั 2 ชนิด ไดแ้ ก่ ……………………………………………………………………………………………………………....
5. คลน่ื ปฐมภูมิ (P wave) คอื .............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
วาดรปู แบบคล่นื ปฐมภมู ิ

6. คลนื่ ทตุ ยิ ภูมิ (S wave) คือ .............................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
วาดรูปแบบคลื่นทตุ ิยภมู ิ

แบบฝกึ หัดท้ายบทที่ 5 เรือ่ งโครงสรา้ งโลก หนา้ 1

ช่อื ………………………………………………………………………………………ชน้ั ....................................เลขที่...................

1. คาชี้แจง จงลากเส้นเชอื่ มโยงชือ่ ช้นั โครงสร้างโลกกบั ขอ้ ความด้านขวาทมี่ ีความสัมพนั ธก์ นั

(1) ธรณภี าค ก. เป็นของแข็ง อณุ หภูมติ ่า ความหนาแน่นน้อยท่สี ดุ
(2) ฐานธรณภี าค หนาประมาณ 100 กิโลเมตร
(3) มชั ฌิมภาค ข. เปน็ ของแข็ง อุณหภมู สิ ูง ความหนาแนน่ มาก
(4) แก่นโลกชน้ั นอก หนาประมาณ 2,240 กโิ ลเมตร
(5) แก่นโลกชน้ั ใน ค. เป็นของแข็งอุณหภมู สิ ูงมาก ความหนาแนน่ มากที่สดุ
หนาประมาณ 1,230 กโิ ลเมตร
ง. เปน็ ของแขง็ ทมี่ ีสมบตั ิเปน็ พลาสติก อุณหภมู ิสูง
หนาประมาณ 600 กิโลเมตร
จ. เปน็ ของเหลว อณุ หภมู สิ งู มาก ความหนาแน่นมาก
หนาประมาณ 2,255 กิโลเมตร

2. คาชี้แจง จงเติมชอ่ื ชั้นโครงสร้างโลกใหส้ มั พันธก์ ับสมบตั ิและองคป์ ระกอบของโครงสร้างโลก

ช้ันโครงสรา้ งโลก องคป์ ระกอบทางเคมี ความหนาแน่นเฉลย่ี
(กรมั ตอ่ ลกู บาศก์เซนติเมตร)
1. เนอ้ื โลก ................................................................................
2. แกน่ โลก ................................................................................ ……………………
3. เปลือกโลก ................................................................................
................................................................................ ……………………
................................................................................
............................................................................... ……………………

3. คาชแ้ี จง จงเติมคาศัพทข์ องช้ันโครงสรา้ งโลกให้ถูกตอ้ ง

ทมี่ า : https://quizizz.com/admin/quiz/5b28d8d336bc720019701b8a/

แบบฝกึ หดั ท้ายบทท่ี 5 เรื่องโครงสรา้ งโลก หนา้ 2

ชื่อ………………………………………………………………………………………ชัน้ ....................................เลขที่...................

4. คาชแี้ จง ให้นักเรยี นพจิ ารณาข้อความต่อไปนี้ แล้วทาเคร่อื งหมาย √ หนา้ ขอ้ ความท่ถี กู
และทาเคร่อื งหมาย X หนา้ ขอ้ ทผ่ี ดิ

√ 1. การศกึ ษาองคป์ ระกอบทางเคมีของชนั้ เนือ้ โลกสว่ นหนึ่งได้ตัวอยา่ งมาจากหนิ แปลกปลอมในระดบั ลกึ ท่ีลาวา
พาข้ึนมาบนผิวโลก

√ 2. ผลจากการศกึ ษาอกุ กาบาตเหลก็ ทต่ี กลงมายังโลก เปน็ หลักฐานหนงึ่ ทท่ี าใหท้ ราบองค์ประกอบของแกน่ โลก
√ 3. ถ้าแบง่ โครงสรา้ งโลกตามองคป์ ระกอบทางเคมี แก่นโลกเป็นโครงสร้างชั้นทม่ี คี วามหนามากทีส่ ดุ
X 4. เปลือกโลกทวีปประกอบด้วยหนิ บะซอลต์เป็นส่วนมาก
X 5. เปลอื กโลกทวปี มคี วามหนาแนน่ เฉล่ียมากกวา่ เปลือกโลกมหาสมทุ ร
√ 6. แหลง่ กาเนดิ คลน่ื ไหวสะเทอื นมที ัง้ ท่ีมาจากปรากฏการณ์ธรรมชาติ และจากการกระทาของมนุษย์
X 7. คลน่ื ปฐมภูมิมคี วามเรว็ เพ่ิมขึน้ เม่ือเคล่ือนทผี่ ่านธรณภี าคและมัชฌมิ ภาคและมีความเร็วเป็นศูนย์เม่อื เคล่อื นที่

ผา่ นแก่นโลกชนั้ นอก
√ 8. คลื่นทุตยิ ภูมิไม่สามารถเคล่ือนทีผ่ า่ นโครงสร้างโลกทม่ี ีสถานะเปน็ ของเหลวได้
X 9. คลืน่ ปฐมภมู ิมคี วามเรว็ น้อยกว่าคลืน่ ทตุ ิยภมู ิ เม่ือคลื่นทัง้ สองเคลื่อนทีผ่ ่านชั้นฐานธรณีภาค

X 10. เขตความเรว็ ตา่ อยใู่ นชนั้ ธรณภี าค และเขตเปลี่ยนแปลง อยใู่ นชน้ั ฐานธรณีภาค

ทม่ี า : https://storylog.co/story/5a3fb7a0c88ae33257bb461e

สรปุ เรื่องโครงสรา้ งโลก

การศึกษาโครงสร้างโลกศึกษาจากข้อมูลหลายด้าน เช่น องค์ประกอบทางเคมี
ของหินและแร่อุกกาบาตท่ีพบบนโลก ข้อมูลคลื่นไหวสะเทือนที่เคลื่อนท่ีผ่านโลก การศึกษา
โครงสร้างโลกจากข้อมูลคล่ืนไหวสะเทือนที่เคลื่อนที่ผ่านภายในโลกน้ันใช้สมบัติของคล่ืนใน
ตวั กลางเปน็ หลัก ซึ่งแบง่ ออกเปน็ คลื่นปฐมภมู ิทเ่ี คล่ือนที่ผ่านตัวกลางได้ทุกสถานะ และคล่ืน
ทุตยิ ภูมิซง่ึ ไม่สามารถเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางท่ีมีสถานะเป็นของเหลวได้ โดยคล่ืนท้ังสองชนิด
จะเปลีย่ นแปลงความเรว็ เมอื่ เคลอ่ื นทผี่ ่านตวั กลางต่างชนิดกัน

นักวิทยาศาสตร์ใช้ข้อมูลหาความหนาแน่นเฉลี่ยของโลกซ่ึงคานวณได้จากค่า
ความหนาแนน่ ของแร่เหลก็ จากอุกกาบาตเหล็ก หินแข็งท่ีเคยอยู่ในระดับลึกใต้เปลือกโลก และ
หินทพ่ี บบนโลก รวมทงั้ ข้อมูลความหนาของโครงสร้างโลกแต่ละชั้นท่ีได้จากการศึกษาคล่ืนไหว
สะเทือน จึงมีการแบ่งชั้นโครงสร้างโลกโดยใช้ท้ังตามองค์ประกอบทางเคมี และสมบัติเชิงกล
เปน็ เกณฑ์ในการแบง่

การแบง่ โครงสร้างโลกโดยใช้องค์ประกอบทางเคมแี บ่งได้เป็น 3 ชน้ั ไดแ้ ก่ เปลือกโลก เนื้อ
โลก และแก่นโลก โดยเปลือกโลกมีองค์ประกอบหลักเป็นสารประกอบของซิลิกอนและ
ออกซิเจน เนื้อโลกมีองค์ประกอบหลักเป็นสารประกอบของเหล็กและแมกนีเซียม แก่นโลกมี
องคป์ ระกอบหลกั เปน็ สารประกอบของ เหล็กและนิกเกลิ

การแบ่งโครงสรา้ งโลกตามสมบตั ิเชิงกลแบ่งได้เป็น 5 ช้ัน ได้แก่ ธรณีภาค ฐาน
ธรณภี าค มชั ฌมิ ภาค แก่นโลกช้ันนอก และแกน่ โลกช้นั ใน ซงึ่ แตล่ ะช้ันมีสมบัตเิ ชงิ กลแตกต่าง
กันซึ่งวิเคราะห์ได้จากความเร็วของคล่ืนไหวสะเทือนที่เปล่ียนไปในแต่ระดับความลึกเม่ือ
เคลือ่ นทผ่ี า่ นชน้ั โครงสร้างโลก

ใบงานท่ี 26 เรือ่ งหลกั ฐานท่สี นบั สนนุ ทฤษฎที วปี เลอ่ื น

ชือ่ ………………………………………………………………………………………ชน้ั ....................................เลขท่ี...................

ว3.2 ม.6/2อธบิ ายหลักฐานทางธรณีวิทยาทส่ี นบั สนนุ การเคลือ่ นทีข่ องแผน่ ธรณี
คาชี้แจง ให้นกั เรยี นเตมิ คาหรอื ข้อความลงในชอ่ งวา่ งใหถ้ กู ต้อง

หลักฐานดงั กล่าวคอื ...................................
...................................................................
จากหลักฐานดงั กล่าวทาให้ทราบว่า ..........
...................................................................
...................................................................
...................................................................

หลักฐานดงั กล่าวคือ...................................
...................................................................
จากหลกั ฐานดงั กลา่ วทาให้ทราบว่า ..........
...................................................................
...................................................................
...................................................................

หลักฐานดังกลา่ วคอื ...................................
...................................................................
จากหลักฐานดังกลา่ วทาให้ทราบว่า ..........
...................................................................
...................................................................
...................................................................

ท่มี า : คมู่ อื ครโู ลกดาราศาสตร์และอวกาศ เลม่ 1

ใบงานที่ 27 เรอื่ งหลักฐานทส่ี นับสนนุ ทฤษฎกี ารแผข่ ยายของพน้ื มหาสมุทร

ชื่อ………………………………………………………………………………………ชั้น....................................เลขที่...................

ว3.2 ม.6/2อธบิ ายหลกั ฐานทางธรณีวทิ ยาที่สนับสนุนการเคลอ่ื นทีข่ องแผ่นธรณี
คาช้แี จง ให้นกั เรียนเตมิ คาหรือข้อความลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง

ที่มา : https://www.aungsana.com/lesson/lesson-2/
1. เม่อื เปรียบเทียบขนาด ตาแหน่ง และการวางตวั ของทวปี ในแผนทโี่ ลกในอดีตกบั แผนท่ีโลกในปัจจุบันมีความแตกต่างกัน

อย่างไร ตอบ .................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................
2. กระบวนการใดบ้างท่ีเกิดข้ึนในบริเวณรอยแยกกลางมหาสมุทร ตอบ .....................................................................
.........................................................................................................................................................................................
3. หนิ ทีพ่ บบนพนื้ มหาสมทุ รเป็นหินชนิดใด และอายขุ องหินแตล่ ะบรเิ วณเหมอื นหรือตา่ งกนั อยา่ งไร
ตอบ ............................................................................................................................. ....................................
.........................................................................................................................................................................................
4. ตามทฤษฎีการแผ่ขยายพื้นสมุทร (sea-floor spreading theory) กล่าววา่ อย่างไร
ตอบ ............................................................................................................................. ....................................
.........................................................................................................................................................................................
5. บคุ คลท่ีกลา่ วถึงทฤษฎีการแผข่ ยายพื้นสมุทร (sea-floor spreading theory) ตอบ ......................................................
6. อายุของหินบรเิ วณพืน้ มหาสมุทรพบวา่ หินบะซอลต์มีลกั ษณะอยา่ งไร ตอบ ...................................................................
.........................................................................................................................................................................................
.........................................................................................................................................................................................

ใบงานท่ี 28 เร่ืองการเคล่ือนท่เี ขา้ หากนั หรอื การชนกันของแผ่นเปลือกโลก

ชอื่ ………………………………………………………………………………………ชั้น....................................เลขท่ี...................

ว3.2 ม.6/3 ระบุสาเหตุ และอธบิ ายรูปแบบแนวรอยต่อของแผน่ ธรณีท่สี มั พันธ์กบั การเคล่ือนท่ีของแผ่นธรณี พรอ้ ม
ยกตวั อยา่ งหลักฐานทางธรณวี ทิ ยาท่ีพบ

คาชแี้ จง ใหน้ กั เรยี นเตมิ คาหรือขอ้ ความลงในช่องวา่ งให้ถกู ตอ้ ง

1. การเคลอ่ื นทีเ่ ข้าหากันหรอื การชนกนั ของแผน่ เปลือกโลก มี 3 ลักษณะ ได้แก่ .............................................................
........................................................................................................................................................................................

2. ให้นกั เรียนอธิบายรูปแบบการเคลื่อนทขี่ องแผ่นเปลือกโลกต่อไปนี้
2.1

รูปแบบการเคลื่อนท่ีของแผ่นเปลือกโลก
คือ ............................................................
ส่งผลใหเ้ กดิ ..............................................
...................................................................
...................................................................

2.2
รูปแบบการเคล่ือนท่ีของแผ่นเปลือกโลก
คอื ............................................................
สง่ ผลใหเ้ กดิ ..............................................
...................................................................
...................................................................

2.3
รูปแบบการเคล่ือนท่ีของแผ่นเปลือกโลก
คอื ............................................................
สง่ ผลใหเ้ กดิ ..............................................
...................................................................
...................................................................

ท่ีมา : https://sites.google.com/a/lesa.biz/www/earth/lithosphere/plate-tectonics/plate-
boundaries/convergent

ใบงานที่ 29 เรอ่ื งแผน่ ธรณเี คลอื่ นท่ีออกจากกันและการผา่ นกนั ของแผน่ เปลือกโลก

ชือ่ ………………………………………………………………………………………ชน้ั ....................................เลขท่ี...................

ว3.2 ม.6/3 ระบสุ าเหตุ และอธบิ ายรูปแบบแนวรอยต่อของแผน่ ธรณีทีส่ ัมพนั ธ์กับการเคลอ่ื นท่ีของแผน่ ธรณี พรอ้ ม
ยกตวั อยา่ งหลักฐานทางธรณวี ทิ ยาท่ีพบ

คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนเติมคาหรอื ข้อความลงในชอ่ งว่างให้ถกู ต้อง

1. การเคล่ือนทอ่ี อกจากกนั หรือการแยกกันของแผน่ เปลอื กโลก มี 2 ลักษณะ ไดแ้ ก่ ......................................................
............................................................................................................................................................................................
2. ใหน้ กั เรียนอธบิ ายรูปแบบการเคลอ่ื นทขี่ องแผน่ เปลือกโลกต่อไปนี้

2.1
รูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก
คอื ............................................................
สง่ ผลใหเ้ กิด ..............................................
...................................................................
...................................................................

2.2
รูปแบบการเคลื่อนท่ีของแผ่นเปลือกโลก
คือ ............................................................
ส่งผลใหเ้ กดิ ..............................................
...................................................................
...................................................................

3. แผน่ ธรณเี คลอ่ื นทผี่ ่านกนั เรียกอกี อยา่ งวา่ ..................................................................................................................

รูปแบบการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก
คอื ............................................................
สง่ ผลใหเ้ กิด ..............................................
...................................................................
...................................................................

ทม่ี า : https://sites.google.com/a/lesa.biz/www/earth/lithosphere/plate-tectonics/plate-
boundaries/transform-fault

ใบงานท่ี 30 เรอื่ งการแปรสัณฐานของแผน่ ธรณี

ช่ือ………………………………………………………………………………………ช้นั ....................................เลขท่ี...................

ว3.2 ม.6/3 ระบสุ าเหตุ และอธิบายรปู แบบแนวรอยตอ่ ของแผ่นธรณที ส่ี มั พันธก์ ับการเคล่อื นท่ขี องแผน่ ธรณี พรอ้ ม
ยกตวั อย่างหลกั ฐานทางธรณวี ิทยาทีพ่ บ

คาชีแ้ จง ให้นักเรียนเติมคาหรอื ขอ้ ความลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง

แต่ละหมายเลขบ่งบอกถึงอะไร
1..............................................
2..............................................
3..............................................
4..............................................
5..............................................
6..............................................
7..............................................
8..............................................
9..............................................

ทม่ี า : https://www.geothai.net/plate-tectonics/

1. ทฤษฎกี ารแปรสณั ฐานของแผน่ ธรณี ( Plate Tectonics ) คอื .........................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
2. วงจรการพาความร้อน คอื ................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
3. รูปแบบการเคล่อื นที่ของแผน่ ธรณีมี 3 รูปแบบ ได้แก่ .......................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
4. แผน่ ธรณีเคลื่อนทอี่ อกจากกัน (Divergent boundary) มดี ้วยกนั 2 รูปแบบ ไดแ้ ก่..........................................................
...............................................................................................................................................................................................
5. แผ่นธรณเี คลือ่ นที่เขา้ หากัน (Convergent boundary) มดี ้วยกัน 3 รูปแบบ ได้แก่..........................................................
...............................................................................................................................................................................................
6. แผ่นธรณีเคลื่อนทผี่ ่านกัน (Transform boundary) เกิดข้นึ อย่างไร ตอบ ......................................................................
...............................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................
...............................................................................................................................................................................................

แบบฝกึ หดั ท้ายบทที่ 6 เร่อื งการแปรสณั ฐานของแผ่นธรณี หนา้ 1

ชือ่ ………………………………………………………………………………………ช้ัน....................................เลขท่ี...................

1. คาชแ้ี จง จงนากลมุ่ คาตอ่ ไปน้เี ติมลงในตารางให้สัมพนั ธก์ ันกับทฤษฎีท่ีกาหนดให้

1. ไซโนเนทสั 2. การเคลื่อนทข่ี องตะกอนธารนา้ แขง็ 3.ความคลา้ ยคลึงกนั ของกลุม่ หนิ
4. มีโซซอรสั 5. แนวมดุ ตัวของแผน่ ธรณี 6.พันเจีย
7.กอนด์วานาแลนด์ 8.อายหุ นิ บนพื้นสมทุ ร 9.ภาวะแม่เหล็กโลกบรรพกาล
10.สนั เขากลางสมุทร 11.หุบเขาทรดุ 12.วงจรการพาความรอ้ น
13. ลอเรเซีย 14.หมเู่ กาะภเู ขาไฟรปู โคง้ 15.รอยเล่อื นในแนวระดบั

ทฤษฎที วีปเลอ่ื น ทฤษฎกี ารแผข่ ยายพน้ื ทฤษฎีธรณีแปรสณั ฐาน

สมทุ ร

.................................................. ........................................................ ....................................................

.................................................. ........................................................ ....................................................

.................................................. ........................................................ ....................................................

.................................................. ........................................................ ....................................................

.................................................. ........................................................ ....................................................

.................................................. ........................................................ ....................................................

.................................................. ........................................................ ....................................................

................................................. ........................................................ ...................................................

2. คาช้แี จง จงตอบคาถามต่อไปนี้ใหถ้ ูกตอ้ ง

1. เพราะเหตใุ ด อัลเฟรด เวเกเนอร์จึงเชอื่ ว่าทวปี ต่าง ๆ ในปจั จบุ นั เคยตดิ กนั เป็นแผน่ เดียวมากอ่ น
ตอบ ...................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
2. การคน้ พบส่ิงใดของ แฮร่ี เฮส ท่ถี ูกนามาใช้สนบั สนนุ ทฤษฎกี ารแผข่ ยายพน้ื มหาสมทุ ร
ตอบ ...................................................................................................................................................................................
...........................................................................................................................................................................................
3. ถา้ มีการค้นพบเทอื กสันเขากลางสมทุ รในมหาสมุทรแห่งหนงึ่ ในเวลาต่อมามหาสมุทรแห่งน้ันจะกว้างขึ้น หรือแคบลง
เพราะเหตุใด ตอบ .............................................................................................................................................................
4. สันเขากลางสมทุ รแอตแลนตกิ เกิดจากการเคลอ่ื นทข่ี องแผ่นธรณีรปู แบบใด ตอบ .........................................................
5. หมูเ่ กาะภูเขาไฟรปู โคง้ เกิดจากการเคลื่อนที่ของแผ่นธรณรี ูปแบบใด ตอบ......................................................................