ถอดคำประพันธ์มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี from Warodom Techasrisutee Show
ช่วยบอกคุณค่าด้านวรรณคดีหน่อยค่ะ ตั้งกระทู้ใหม่ ตั้งกระทู้ใหม่
สุดที่แม่จะติดตามเจ้าไปในยามนี้ ฝูงลิงค่างบ่างชะนีที่นอนหลับ ก็กลิ้งกลับเกลือกตัวอยู่ยั้วเยี้ย ทั้งนกหกก็งัวเงียเหงาเงียบทุกรวงรัง แต่แม่เที่ยวเซซังเสาะแสวงทุกแห่งห้องหิมเวศ ทั่วประเทศทุกราวป่า สุดสายนัยนาที่แม่จะตามไปเล็งแล สุดโสตแล้วที่แม่จะซับทราบฟัง สำเนียง สุดสุรเสียงที่แม่จะร่ำเรียกพิไรร้อง สุดฝีเท้าที่แม่จะเยื้องย่องยกย่างลงเหยียบดิน ก็สุดสิ้นสุดปัญญาสุดหาสุดค้นเห็นสุดคิด จะได้พานพบประสบรอยพระลูกน้อยแต่สักนิดไม่มีเลย จึ่งตรัสว่าเจ้าดวงมณฑาทองทั้งคู่ของแม่เอ๋ย หรือว่าเจ้าทิ้งขว้างวางจิตไปเกิดอื่นเหมือนแม่ฝันเมื่อคืนนี้แล้วแล"
ืnut 19 พ.ค. 62 เวลา 13:28 น.0 like 235 views Facebook Twitter รายชื่อผู้ถูกใจกระทู้นี้ คนยกเลิก หรือหากเพื่อน ๆ อยากเรียนในรูปแบบวิดีโอ ก็สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน StartDee ได้เลยนะ
ประวัติผู้แต่งเจ้าพระยาพระคลัง (หน) เกิดในช่วงปลายสมัยอยุธยา รับราชการในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน กรุงธนบุรี โดยมีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสรวิชิต ต่อมาในรัชสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นพระยาพิพิฒนโกษา ก่อนจะเลื่อนมาเป็นเจ้าพระยาพระคลัง เสนาบดีจตุสดมภ์กรมท่า ซึ่งนอกจากผลงานด้านราชการแล้ว เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ยังมีผลงานด้านการประพันธ์จำนวนมาก เช่น สามก๊ก (ฉบับแปล) ราชาธิราช บทมโหรีเรื่องกากี อิเหนาคำฉันท์ ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์กุมาร และกัณฑ์มัทรี ฯลฯ
ลักษณะคำประพันธ์
“...จึ่งตรัสว่าโอ้โอ๋เวลาปานฉะนี้เอ่ยจะมิดึกดื่น จวนจะสิ้นคืนค่อนรุ่งไปเสียแล้วหรือกระไรไม่รู้เลย พระพายรำเพยพัดมารี่เรื่อยอยู่เฉื่อยฉิว...”
“...อิมาตา โปกฺขรณี รมฺมา เจ้าเคยมาประพาสสรงสนานในสระศรี โบกขรณีตำแหน่งนอกพระอาวาส นางเสด็จลีลาสไปเที่ยวเวียนรอบ จึ่งตรัสว่าน้ำเอ๋ยเคยเปี่ยมขอบเป็นไร…”
การอ่านคำบาลีและร่ายยาวการอ่านคำบาลี
พินทุ (.) ซึ่งอยู่ใต้พยัญชนะ หากพยัญชนะตัวหน้ามีสระ จะนับเป็นตัวสะกด เช่น ราชปุตฺตี อ่านว่า รา-ชะ-ปุด-ตี แต่หากพยัญชนะตัวหน้าไม่มีสระจะใช้เป็นไม้หันอากาศ เช่น นีเจ โวลมฺพเก อ่านว่า นี-เจ-โว-ลัม-พะ-เก การอ่านร่าย
ความเป็นมาของมหาเวสสันดรชาดก
ตัวละครในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี
ถอดคำประพันธ์ มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรีคืนก่อนที่พระนางมัทรีจะออกจากอาศรมไปเก็บผลไม้ในป่า พระกุมารทั้งสองฝันร้าย ทำให้พระนางหวั่นวิตกนึกถึงลูกตลอดเวลาจนน้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้าง พลางสังเกตเห็นว่าต้นที่มีผลไม้กลับกลายเป็นดอกไม้ ส่วนต้นที่มีดอกไม้กลับกลายเป็นผลไม้ขึ้นแทน ส่วนดอกไม้ที่เคยเก็บไปร้อยให้ลูกก็ถูกลมพัดปลิวร่วงลงมา เมื่อมองไปรอบทิศก็มืดมัวทุกหนแห่ง ท้องฟ้ากลับกลายเป็นสีแดงคล้ายกับลางบอกเหตุร้าย สายตาของพระนางก็เริ่มพร่ามัว ตัวสั่นใจสั่น ของที่ถือก็หลุดจากมือ คานที่หาบไว้ก็ร่วงลงจากบ่าซึ่งเหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยิ่งพระนางคิดเท่าไร ก็ยิ่งทุกข์ใจมากขึ้นเท่านั้น ด้วยความหวั่นใจเรื่องลูก พระนางจึงรีบเก็บผลไม้เพื่อจะได้รีบกลับไปหาลูกที่อาศรม แต่ระหว่างทางกลับเจอ สิงโต เสือเหลือง และเสือโคร่ง ขวางทางไว้ นางกลัวจนใจสั่นร่ำไห้ คิดไปว่าเป็นกรรมของตนเอง นางจะหนีไปทางไหนก็ไม่ได้เพราะถูกสัตว์ทั้งสามกั้นไว้ทุกทิศทางจนฟ้ามืด พระนางมัทรีไม่รู้จะทำอย่างไร จึงยกมือไหว้อ้อนวอนขอให้สัตว์หิมพานต์ทั้งสามเปิดทางให้ตน โดยกล่าวว่า พระนางคือพระนางมัทรีเป็นภรรยาของพระเวสสันดร ตามมาอยู่ที่อาศรมในป่าด้วยความบริสุทธิ์ใจและกตัญญูต่อสามี นี่ก็เวลาย่ำค่ำแล้วลูกคงหิวนม โปรดเปิดทางให้พระนางกลับไปที่อาศรมแล้วตนจะแบ่งผลไม้ให้ จากนั้นไม่นานสัตว์หิมพานต์ทั้งสามจึงยอมเปิดทางให้ พระนางมัทรีก็รีบวิ่งกลับไปที่อาศรมด้วยแก้มที่อาบน้ำตา เมื่อถึงที่พักพระนางมัทรีก็ตกใจไม่เห็นลูกอยู่ในอาศรม ร้องเรียกหาเท่าไรก็ไม่มีใครตอบ ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะออกมาหาแม่กันพร้อมหน้า ทั้งกัณหาขอกินนม ส่วนชาลีจะขอกินผลไม้ พระนางมัทรีเสียใจมาก พร่ำบอกว่าที่ผ่านมาก็ดูแลลูกอย่างดีแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม หวังจะกลับมาพบลูกให้ชื่นใจ ก่อนหน้านี้ยังได้ยินเสียงลูกเล่นกันอยู่แถวนี้ นั่นก็รอยเท้าชาลี นี่ก็ของเล่นกัณหา แต่เมื่อลูกหายไปอาศรมกลับดูเงียบเหงาเศร้าหม่น นางจึงไปถามพระเวสสันดรว่าลูกหายไปไหน เหตุใดจึงปล่อยให้คลาดสายตา หากมีสัตว์ป่าจับไปจะทำอย่างไร แต่พระเวสสันดรกลับไม่ตอบอะไร ทำให้นางกลุ้มใจยิ่งไปว่าเก่า ด้วยความกลุ้มใจ ตัวก็ร้อน น้ำตาก็ไหล กระวนกระวายพลางบอกว่า ไม่เคยมีครั้งใดที่นางรู้สึกแค้นเคืองใจขนาดนี้ เพราะนางออกจากเมืองมาก็หวังว่าอย่างน้อยจะได้สุขใจเพราะอยู่พร้อมหน้ากับลูกและสามี แต่เมื่อลูกหายตัวไป ความหวังนั้นก็คล้ายจะดับสิ้น พระนางมัทรีอ้อนวอนขอให้พระเวสสันดรตรัสกับนางบ้าง เพราะการนั่งนิ่งเหมือนโกรธเคืองพระนางมัทรีนั้นยิ่งทำให้ปวดใจราวกับมีคนเอาเหล็กรนไฟมาแทงที่หัวใจ หรือเป็นคนไข้ที่หมอนำยาพิษมาให้ดื่ม อีกไม่กี่วันคงสิ้นชีวิตอย่างแน่นอน เมื่อพระเวสสันดรได้ยินพระนางมัทรีดังนั้น ก็คิดว่าหากใช้ความหึงหวงคงเป็นวิธีคลายความโศกให้พระนางได้ จึงตรัสว่า ในป่าหิมพานต์แห่งนี้มีทั้งพระดาบสและนายพรานจำนวนมาก เจ้าออกไปเก็บผลไม้ตั้งแต่เช้าจนย่ำค่ำ หากไปทำอะไรในป่าแห่งนี้ก็คงจะไม่มีใครรู้เห็น เหตุใดจึงทิ้งลูกหนีเข้าไปในป่านานถึงเพียงนี้ พอกลับมายังห่วงแต่ลูก ไม่ห่วงสามีแต่อย่างใด หรือหากไม่นึกถึงสามีก็ไม่ควรหายเข้าไปในป่านานถึงเพียงนี้ จะให้เราเข้าใจได้อย่างไร เมื่อพระนางมัทรีได้ยินดังนั้น จึงกราบทูลว่า เหตุใดพระองค์จึงไม่ได้ยินเสียงของราชสีห์ เสือโคร่ง และเสือเหลือง เพราะสัตว์ทั้งสามนี้ทำให้ทำให้พระนางไม่สามารถกลับอาศรมได้ ทั้งยังเกิดเหตุร้ายหลายประการขณะที่นางเข้าไปในป่า ทั้งของที่ถือก็หลุดจากมือ คานที่หาบไว้ก็ร่วงลงจากบ่า ต้นไม้ที่เคยผลิดอกก็ออกผล ต้นไม้ที่เคยออกผลก็ผลิดอกออกมา ชวนให้หวาดกลัวจนตัวสั่น อธิษฐานภาวนาให้ลูกและสามีปลอดภัย แล้วรีบกลับมายังอาศรมแต่ถูกสัตว์ร้ายทั้งสามตัวนอนขวางทางเอาไว้ จึงต้องกราบอ้อนวอนสัตว์ทั้งสามให้เปิดทางให้จนพระอาทิตย์ตกดินสัตว์ทั้งสามจึงหลีกทาง แล้วพระนางมัทรีก็รีบวิ่งกลับมายังอาศรมนี้ มิได้ไปทำสิ่งใดที่ไม่เหมาะไม่ควรแต่อย่างใด ฝ่ายพระเวสสันดรเมื่อฟังคำตอบของพระนามัทรีก็เอาแต่นิ่งเงียบทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งเช้า ระหว่างนั้นพระนางมัทรีโศกเศร้าร่ำไห้ คร่ำครวญว่าตนปฏิบัติต่อสามีดั่งศิษย์ปฏิบัติต่อครู ดูแลลูกทั้งสองแบบยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม ทั้งบดขมิ้นไว้ให้อาบน้ำ จัดหาอาหารมาให้มิได้ขาด แล้วอ้อนวอนให้สามีเรียกลูกมากินอาหารที่ตนหามา ถามว่าลูกอยู่แห่งหนใดเหตุใดจึงยังไม่ยอมออกมา แต่ไม่ว่าจะร้องขออ้อนวอนอย่างไรสามีก็นิ่งเฉยไม่เอ่ยสิ่งใดออกมา พระนางจึงถวายบังคมลาออกไปตามหาลูกทั้งสองในป่าหิมพานต์ เมื่อออกตามหาจนทั่วแล้วไม่พบจึงกลับมาที่อาศรมพบว่าพระเวสสันดรยังคงนั่งนิ่งอยู่เหมือนก่อนหน้านี้ไม่มีผิด พระนางจึงตัดพ้อว่า เหตุใดพระเวสสันดรจึงยังนั่งนิ่งอยู่ไม่ลุกมาผ่าฝืน ตัดน้ำใส่บ่อ หรือก่อไฟไว้อย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกวัน พร้อมกับบอกว่าพระเวสสันดรนั้นเป็นที่รักของพระนางมัทรีอย่างยิ่ง เมื่อกลับมาจากป่าเห็นพระพักตร์ของพระองค์และได้เห็นลูกทั้งสองวิ่งเล่น ก็คลายความเหนื่อยล้าเป็นปลิดทิ้ง แต่วันนี้กลับกลายเป็นความทุกข์ร้อน เศร้าโศก เพราะพระองค์ไม่ยอมตรัสสิ่งใดกับพระนาง แม้พระนางมัทรีจะได้ออกตามหาพระกัณหาและพระชาลีไปทั่วป่า ทั้งราตรี แล้วกลับมาหาพระเวสสันดรอย่างไรพระองค์ก็ไม่ยอมตรัสสิ่งใดอยู่เช่นเดิม นางมัทรีสะอื้นไห้จนหมดสติล้มลงกับพื้น พระเวสสันดรบรรพชาเป็นดาบสมากว่า 7 เดือน ไม่เคยได้แตะต้องตัวพระนางมัทรี แต่วันนี้ด้วยความเศร้าโศกและตระหนกตกใจเกรงว่าพระนางจะเป็นอะไรไป พระเวสสันดรจึงเข้าไปตรวจชีพจรดูแลนางจนได้สติตื่นฟื้นขึ้นมา ฝ่ายพระนางมัทรีเมื่อฟื้นขึ้นมาก็ทูลถามอีกครั้งว่าลูกทั้งสองอยู่แห่งหนใด กลับมาแล้วหรือไม่ พระเวสสันดรจึงตอบว่าตนได้ยกพระกัณหากับพระชาลีให้กับชูชกไปแล้ว แต่พระองค์มิได้บอกกับพระนางมัทรีตั้งแต่ต้นเกรงว่าพระนางจะเศร้าโศกเสียใจ เมื่อได้รู้ความจริงแล้ว พระนางมัทรีจึงคลายความทุกข์เศร้าลงแล้วอนุโมทนาบุญกับบุตรทานที่พระเวสสันดรได้ปฏิบัติในครั้งนี้ ชมคลิปมหาเวสสันดรชาดกทั้ง ๑๓ กันฑ์ได้ที่คลิปด้านล่างเลย มหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี สะท้อนอะไรบ้าง ?เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ได้ประพันธ์ร่ายยาวมหาเวสสันดรชาดก ขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ ร่ายยาวเรื่องมหาเวสสันดรชาดก จึงสะท้อนสังคมและค่านิยมในยุคสมัยนั้น ซึ่งบางเรื่องอาจเป็นเรื่องคลาสสิกที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เช่น
ขณะที่บางเรื่องอาจเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปแล้วในสังคมปัจจุบัน เช่น
สิ่งที่เราได้พูดถึงไปข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราได้เรียนรู้จากร่ายยาวมหาเวสสันกรชาดก กัณฑ์มัทรี ซึ่งถ้าเพื่อน ๆ อยากจะเรียนรู้เรื่องคุณค่าด้านวรรณศิลป์ หรือเกร็ดความรู้อื่น ๆ เพิ่มเติม ครูหนึ่งของเราพร้อมเล่าให้ฟังแล้วในแอปพลิเคชัน StartDee ! (ใครสนใจก็โหลดแอปฯ มาเรียนกันได้เลย) และสามารถอ่านบทความวิชาภาษาไทยสำหรับชั้น ม.5 เพิ่มเติมได้ในบทเรียนออนไลน์เรื่อง ลิลิตตะเลงพ่าย และโคลนติดล้อ ตอน ความนิยมเป็นเสมียน หรือถ้าอยากจะพักไปอ่านตำนานกระต่ายบนดวงจันทร์ กับเกร็ดความรู้เพลิน ๆ สำหรับทาสแมว ใน Blog ของเราก็สนุกไม่เบาแถมได้ความรู้กันด้วยน้า ขอบคุณข้อมูลจากครูธีรศักดิ์ จิระตราชู Did you know ?
Reference : ธรรมะไทย. (n.d.). เทศน์มหาชาติ. Retrieved July 29, 2020, from http://www.dhammathai.org/newspr/thesanachadok.php เรื่องมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์มัทรี มีคุณค่าในทางวรรณศิลป์อย่างไรคุณค่าด้านวรรณศิลป์
1.1 ใช้ถ้อยคาไพเราะ มีการเล่นคา เล่นสัมผัสอักษร มีการใช้โวหารภาพพจน์ และการพรรณนาให้เกิดความรู้สึกที่ละเอียดอ่อน รวมทั้งเกิดจินตภาพชัดเจน 1.2 เนื้อหาของกัณฑ์มัทรีแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์
มหาเวสสันดรชาดกมีคุณค่าในด้านใดบ้าง อย่างไรเวสสันดรชาดก จึงจัดเป็นวรรณคดีทางพุทธศาสนาที่ส าคัญ เพราะดีพร้อมทั้งเนื้อหาศิลปะการ ประพันธ์กวีใช้ส านวนโวหารประณีตลึกซึ้งและมีคุณค่ามากทั้งในด้านอักษรศาสตร์สังคมวัฒนธรรมและ คติธรรม ด้วยเหตุนี้เวสสันดรชาดก จึงมีความส าคัญประดุจเพชรเม็ดงามที่สามารถนาไปประยุกต์เข้ากับ ชีวิตประจ าวันได้ทุกระดับ เป็นตัวอย่างแห่งการปฏิบัติ ...
เพราะเหตุใดพระนางมัทรีจึงเสด็จกลับอาศรมในเวลามืดค่ำตัดความทุกข์โศกด้วยการแกล้งกล่าวหาพระนางว่าคิดนอกใจไปคบชายอื่น จึงได้กลับมาถึง อาศรมในเวลากลางคืน พระนางมัทรีทรงคร่ำครวญหาลูกด้วยความวิปโยคจนสิ้นสติไป เมื่อฟื้นขึ้นและพระเวสสันดรตรัสเล่าความจริงว่าได้ประทานพระกุมารทั้งสองให้แก่ชูชกไปแล้ว พระนางจึงทรงค่อยหายโศกเศร้าและอนุโมทนาในการบำเพ็ญทานบารมีของพระเวสสันดร วรรณคดีวิ ...
พญาพาฬมฤคราช ที่มาสกัดขัดขวางพระนางมัทรีขณะกลับจากป่า คืออะไรพระยาพยัคฆราช (เทวดาที่แปลงเป็นเสือโคร่ง)
พระอินทร์ให้เทวดาแปลงกายเป็นเสือโคร่ง เสือเหลืองและราชสีห์ มาขวางทางพระมัทรีไว้ เพราะ เกรงว่าหากพระมัทรีกลับมาแต่กลางวันจะเที่ยวติดตามสองกุมาร และอาจติดตามไปทันจะเป็นการขัดขวาง การบริจาคปุตตทานของพระเวสสันดรได้
|