เหล่านี้เป็นพื้นฐานเรื่องระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจวางระบบ Network ในองค์กร โดยคร่าว ๆ องค์กรและสำนักงานทั่วไปแทบทุกแห่งก็จะมีระบบเครือข่ายดังนี้ ซึ่งเมื่อคุณทราบแล้วก็ลองนำสิ่งเหล่านี้ไปปรับใช้กับองค์กรของคุณดู ก็จะเกิดความสะดวกในการทำงานของทุกคนในองค์กรมากขึ้นและจะได้ไม่ต้องเสียเวลากับการวางระบบเครือข่ายใหม่บ่อย ๆ Show ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือระบบเน็ตเวิร์ก คือ กลุ่มของคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่างๆ ที่ถูกนำมาเชื่อมต่อกันเพื่อให้ผู้ใช้ในเครือข่ายสามารถติดต่อสื่อสาร แลกเปลี่ยนข้อมูล และใช้อุปกรณ์ต่างๆ ในเครือข่ายร่วมกันได้"เครือข่ายนั้นมีหลายขนาด ตั้งแต่ขนาดเล็กที่เชื่อมต่อกันด้วยคอมพิวเตอร์เพียงสองสามเครื่อง เพื่อใช้งานในบ้านหรือในบริษัทเล็กๆ ไปจนถึงเครือข่ายขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อกันทั่วโลก ส่วน Home Network หรือเครือข่ายภายในบ้าน ซึ่งเป็นระบบ LAN ( Local Area Network) เป็นระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กๆ หมายถึง การนำเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ มาเชื่อมต่อกันในบ้าน สิ่งที่เกิดตามมาก็คือประโยชน์ในการใช้คอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ เช่น
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร สถาบันการศึกษาและบ้านไปแล้วการใช้ทรัพยากรร่วมกันได้ทั้งไฟล์ เครื่องพิมพ์ ต้องใช้ระบบเครือข่ายเป็นพื้นฐาน ระบบเครือข่ายจะหมายถึง การนำคอมพิวเตอร์ตั้งแต่ 2 เครื่องขึ้นไปมาเชื่อมต่อกันเพื่อจะทำการแชร์ข้อมูล และทรัพยากรร่วมกัน เช่น ไฟล์ข้อมูลและเครื่องพิมพ์ ระบบเครือข่ายสามารถแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ด้วยกันคือ 1. LAN (Local Area Network) 2. MAN (Metropolitan Area Network) 3. WAN (Wide Area Network) 4.2 ประเภทของระบบเครือข่าย
2. Client / Server
รูปแบบการเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย LAN Topology
2. แบบ Ring
3. แบบ Star
4. แบบ Hybrid
4.4 อุปกรณ์ที่ใช้ในการสื่อสารข้อมูลคอมพิวเตอร์
ที่มารูปภาพ: http://www.buycoms.com/buyers-guide/modem/index.asp
2.การ์ดเครือข่าย (Network Adapter) หรือ การ์ด LAN ที่มารูปภาพ: http://www.itdestination.com/articles/lancard1000base/
3. เกตเวย์ (Gateway) ที่มารูปภาพ: http://www3.ipst.ac.th/research/assets/web/mahidol/computer(10)/network/net_wan9.htm
4. เราเตอร์ (Router) ที่มารูปภาพ: http://forums.overclockzone.com/forums/showthread.php?t=417552
5. บริดจ์ (Bridge)
6. รีพีตเตอร์ (Repeater)
7.สายสัญญาณ เป็นสายสำหรับเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ต่างๆในระบบเข้าด้วยกัน หากเป็นระบบที่มีจำนวนเครื่องมากกว่า 2 เครื่องก็จะต้องต่อผ่านฮับอีกทีหนึ่ง โดยสายสัญญาณสำหรับเชื่อมต่อเครื่องในระบบเครือข่าย จะมีอยู่ 2 ประเภท คือ สาย Coax ที่มารูปภาพ: http://en.wikipedia.org/wiki/Coaxial_cable สาย Coax มีลักษณะเป็นสายกลม คล้ายสายโทรทัศน์ ส่วนมากจะเป็นสีดำสายชนิดนี้จะใช้กับการ์ด LAN ที่ใช้คอนเน็กเตอร์แบบ BNC สามารถส่งสัญญาณได้ไกลประมาณ 200 เมตร สายประเภทนี้จะต้องใช้ตัว T Connector สำหรับเชื่อมต่อสายสัญญาณกับการ์ด LAN ต่างๆในระบบ และต้องใช้ตัว Terminator ขนาด 50 โอห์ม สำหรับปิดหัวและท้ายของสาย สาย UTP (Unshied Twisted Pair) ที่มารูปภาพ: http://www.digitalfocus.co.th/network.php 8. ฮับ (HUB) ที่มารูปภาพ: http://it.stoulaws.com/2008/12/hub/
4.5 ระบบเครือข่ายไร้สายระบบเครือข่ายไร้สาย หรือ ระบบเครือข่ายแบบ Wireless LAN หรือ WLAN เป็นการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เป็นเครือข่ายแบบไร้สาย (ไม่จำเป็นต้องเดินสายเคเบิ้ล) เหมาะสำหรับการติดตั้งในสถานที่ที่ไม่สะดวกในการเดินสาย หรือในสถานที่ที่ต้องการความสวยงาม เรียบร้อย และเป็นระเบียบ เช่น สนามบิน โรงแรม ร้านอาหาร เป็นต้นหลักการทำงานของระบบ Wireless LAN การทำงานจะมีอุปกรณ์ในการส่งสัญญาณ และกระจายสัญญาณ หรือที่เราเรียกว่า Access Point และมี PC Card ที่เป็น LAN card สำหรับในการเชื่อมกับ access point โดยเฉพาะ การทำงานจะใช้คลื่นวิทยุเป็นการรับส่งสัญญาณ โดยมีให้เลือกใช้ตั้งแต่ 2.4 to 2.4897 Ghzและสามารถเลือก configใน Wireless Lan (ภายในระบบเครือข่าย Wireless Lanควรเลือกช่องสัญญาณเดียวกัน) ระยะทางการเชื่อมต่อของระบบ Wireless LAN
ภายนอกอาคาร
การเชื่อมต่อของระบบเครือข่าย Wireless LAN มี 2 ลักษณะ ดังนี้
โครงสร้างการเชื่อมโยงระบบแบบ Ad-hoc หรือ Peer to Peer เป็นการสื่อสารข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายและอุปกรณ์ต่าง ๆ ตั้งแต่สองเครื่องขึ้นไป โดยที่ไม่มีศูนย์กลางควบคุมอุปกรณ์ทุกเครื่องสามารถสื่อสารข้อมูลถึงกันได้เอง ตัวส่งจะใช้วิธีการแพร่กระจายคลื่นออกไปในทุกทิศทุกทางโดยไม่ทราบจุดหมายปลายทางของตัวรับว่าอยู่ที่ใด ซึ่งตัวรับจะต้องอยู่ในขอบเขตพื้นที่ให้บริการที่คลื่นสามารถเดินทางมาถึงแล้วคอยเช็คข้อมูลว่าใช่ของตน หรือไม่ ด้วยการตรวจสอบค่า Mac Address ผู้รับปลายทางในเฟรมข้อมูลที่แพร่กระจายออกมา ถ้าใช่ข้อมูลของตนก็จะนำข้อมูลเหล่านั้นไปประมวลผลต่อไปการเชื่อมโยงเครือข่ายไวร์เลสแลนที่ใช้โครงสร้างการเชื่อมโยงแบบ Ad-hoc ไม่สามารถเชื่อมโยงเข้าสู่ระบบเครือข่ายอีเธอร์เน็ตได้ เนื่องจากบนระบบไม่มีการใช้สัญญาณเลย 2. การเชื่อมโยงระบบแบบ Infrastructure (Client/Server) โครงสร้างการเชื่อมโยงระบบแบบ Infrastructure หรือ Client / Server มีข้อพิเศษกว่าระบบแบบ Ad-hoc ตรงที่มีแอ็กเซสพอยน์เป็นศูนย์กลางการเชื่อมโยง (ทำหน้าที่คล้ายฮับ) และเป็นสะพานเชื่อมเครื่องคอมพิวเตอร์ไร้สายอุปกรณ์ไวร์เลสแลนเข้าสู่เคลือข่ายอีเธอร์เน็ตแลนหลัก (Ethernet Backbone) รวมถึงการควบคุมการสื่อสารข้อมูลอุปกรณ์ไวร์เลสแลน การติดตั้งระบบแลน วิธีการเดินสาย วิธีการเดินสายเชื่อมระหว่างอุปกรณ์ในระบบแลนนั้นเรียกว่า "การเดินสายแลน" โดยที่นิยมกันจะแบ่ง 3 วิธี คือ
การติดตั้งระบบ LAD แบบ 100 Baset ในระบบ 100 Baset นั้นมีอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
การเดินสายตามแนวนอน หมายถึง การเดินสายจากอุปกรณ์เน็ตเวิร์ค ปกติการเดินสายจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน คือ 1. จากอุปกรณ์เน็ตเวิร์คไปยังจุดปลาย 2. จาก Outlet ไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเรียกว่าสาย Patch Cord การเตรียมสายสัญญาณ เมื่อคุณเตรียมเครื่องตาม Spec ที่ต้องการได้แล้ว (ความต้องการของระบบ) จากนั้นให้คุณเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้และทำการต่อสายต่างๆ เข้ากับเครื่องเซิฟเวอร์ให้เรียบร้อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทำการติดตั้งในขั้นตอนต่อไป 1. การ์ดแลน (LAN Card) การ์ด LAN ต้องเตรียมไว้อย่างน้อย 2 PCI (Slot) สำหรับอินเทอร์เน็ต (WAN) และผู้ใช้งานในเครือข่าย (LAN) โดยคุณสามารถเพิ่ม WAN ได้สูงสุดถึง 4 เส้น เริ่มแรกให้คุณนำสาย LAN ทั้งจาก ADSL Router และ Switch Hub ต่อเข้ากับเครื่องเซิฟเวอร์ได้เลย ทั้งนี้ Bluebox จะทำการตรวจสอบให้โดยอัติโนมัติว่าสายไหนควรต่อเข้ากับการ์ด LAN ใบไหน ในขั้นตอนการติดตั้งที่ 3 (ตรวจสอบการเชื่อมต่อเครือข่าย) 4. หน้าจอ คีย์บอร์ด และเครื่องเล่น CD อุปกรณ์เหล่านี้สำคัญมากในขั้นตอนการติดตั้ง แต่เมื่อทำการติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว Bluebox สามารถทำงานได้ด้วยดีโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์เหล่านี้ ดังนั้นเมื่อติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณสามารถถอดอุปกรณ์เหล่านี้ออกไปได้ทันทีช้เป็น WDS (Wireless Distribution System) แทน การเรียกใช้งาน Control Panel บน Windows 10 การเรียกใช้งาน Control Panel บน Windows 10 ที่จะรวมตัวเลือกในการปรับแต่งส่วนต่างๆของระบบ จะแตกต่างไปจาก Windows เวอร์ชั่นก่อนหน้ากันก็ตรงที่ Windows เวอร์ชั่นก่อนหน้านี้เราสามารถเรียกใช้งานจากการคลิกที่เมนูสตาร์ทก็จะพบกับปุ่ม Control Panel มีมาให้บนเมนูสตาร์ทเลย แต่สำหรับ Windows 10 ก็จะเปลี่ยนมาใช้ปุ่ม Settings แทน หลายท่านที่เปลี่ยนมาใช้ก็คงจะงงกันไปเล็กน้อย แต่ทั้งนี้การจะเรียกใช้งาน Control Panel ก็ยังไม่ยุ่งยากเสียทีเดียว ก็ยังสามารถเรียกใช้งาน Control Panel ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้ ด้วยการกดปุ่มคีย์ลัด Windows + X เพื่อเปิด Power Menu (หรือจะคลิกขวาที่ปุ่ม Start ก็ได้) หรือจะเรียกใช้ Control Panel จากการเปิดหน้าต่าง Computer หรือ This PC แล้วเลือกเมนูย่อย หรือจะเรียกจากการเปิดหน้าต่าง Computer หรือ This PC แล้วคลิกแท็บ View -> Tiles -> Navigation Pane -> แล้วติ๊กถูกหน้าหัวข้อ Show all folders ก็จะโชว์ไอคอน Control Panel ขึ้นมาตรงเมนูด้านซ้าย เมื่อหน้าต่าง Control Panel ถูกเปิดขึ้นมาแล้ว ในส่วนของ View by: เราก็สามารถเลือกการแสดงผลให้เป็นในรูปแบบที่ต้องการ เช่น Category, Large icons และ Small icons ดังรูปด้านล่างครับ ขั้นตอนการปฏิบัติ> 1. ระบุการตั้งค่าเครื่องพิมพ์ที่นำมาแชร์ใน print server ทำการระบุการตั้งค่าเพื่อให้เครื่องพิมพ์ที่เชื่อมต่อกับ print server สามารถใช้งานร่วมกันอยู่บนระบบเครือข่าย 1-1. ทำการติดตั้งไดร์เวอร์เครื่องพิมพ์ใน print server 1-2. คลิกที่สัญลักษณ์ของเครื่องพิมพ์ที่ถูกแชร์ 1-3. กดปุ่ม Alt key บนแป้นพิมพ์ จากนั้นเลือก Run as administrator -> Sharing... จากเมนู File 1-4. เลือก Share the printer ในแถบ Sharing เพื่อระบุ share name ที่ท่านต้องการ จากนั้นคลิก OK 1-5. ตรวจดูเครื่องหมายที่แสดงว่าเครื่องพิมพ์ได้ถูกแชร์แล้วบนเครื่องพิมพ์ที่ท่านต้องการให้สามารถใช้งานได้ร่วมกันได้ 2. ใส่เครื่องพิมพ์ที่ต้องการแชร์ลงใน client ให้เป็น new printer ใส่เครื่องพิมพ์ที่ต้องการแชร์บนระบบเครือข่ายลงใน client ให้เป็น new printer 2-1. ติดตั้งไดร์เวอร์เครื่องพิมพ์ใน client 2-2. จากเมนู Start ให้เลือก Network -> Add a printer 2-3. เลือก Add a network, wireless หรือ Bluetooth printer 2-4. คลิกที่สัญลักษณ์เครื่องพิมพ์ที่กำหนดการตั้งค่าให้สามารถใช้งานร่วมกันได้ใน print server จากนั้นคลิก Next (ข้อควรจำ) หากสัญลักษณ์ของเครื่องพิมพ์ไม่แสดงขึ้นบนจอภาพ ให้ตรวจดูการเชื่อมต่อระหว่าง print server และเครื่องพิมพ์ 2-5. เมื่อหน้าต่างนี้ปรากฏขึ้นให้คลิกที่ Finish 2-6. สัญลักษณ์ของเครื่องพิมพ์ที่ต้องการแชร์จะถูกสร้างไว้ในหน้าต่าง Printers ตอนนี้ ท่านสามารถสั่งพิมพ์จาก client โดยใช้เครื่องพิมพ์ที่ใช้งานร่วมกัน ที่มาของเว็บ 2.https://sites.google.com/site/tcecomputerpvc/bth-thi-8-kar-xxkbaeb-laea-tid-tang-kherux-khay-khxmphiwtexr-1-computer-network-design-and-set-up |