โครงงานเรื่อง มะขาม ขัดผิว

โครงงานการงานอาชีพ
เร่อื ง เกลอื สปาขดั ผิวสมุนไพรธรรมชาติ

จดั ทาโดย
น.ส. เขมิกา กกกลาง เลขท่ี 24
น.ส. ณัฐณิชา สดุ าเดช เลขท่ี 26
น.ส. นฐั ลดา ขนั ทอง เลขท่ี 30

ชน้ั มธั ยมศึกษาปีท่ี5/14

นาเสนอ
คุณครูวนิดา บุญพเิ ชฐวงศ์

ครู ชานาญการพเิ ศษ
โรงเรยี นสตรราชินูทิศ
สานกั งานเขตพ้นื ท่กี ารศึกษามธั ยมศึกษาเขต 20
สานกั งานคณะกรรมการศึกษาขน้ั พ้นื ฐาน

ช่ือโครงงาน เกลือสปาขดั ผวิ สมุนไพรธรรมชาติ
ผ้จู ดั ทา น.ส. เขมิกา กกกลาง เลขที่ 24
น.ส. ณฐั ณิชา สุดาเดช เลขที่ 26
ระดับ น.ส. นฐั ลดา ขนั ทอง เลขท่ี 30
ประเภท ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 5/14
ครูท่ีปรึกษา ผลติ ภณั ฑ์
โรงเรียน คุณครูวนิดา บุญพเิ ชฐวงศ์
สตรราชินูทิศ จงั หวดั อดุ รธานี
สานกั งานเขตพ้ืนท่ีการศกึ ษามธั ยมศกึ ษาเขต 20

บทคดั ย่อ

โครงงานการงานอาชีพ ประเภทผลติ ภณั ฑ์ เกลอื สปาขดั ผวิ จากสมุนไพรธรรมชาติ มีจดุ มงุ่ หมาย
เพื่อท่ีจะศึกษาวิธีที่จะนาวตั ถุดิบที่มีในทอ้ งถน่ิ มาใชใ้ หม้ มี ลู ค่าเพิ่มมากข้ึน นอกจากน้ียงั เป็นการใชส้ มนุ ไพร
ธรรมชาติในการบารุงผวิ เพราะวา่ ในปัจจุบนั น้ีครีมหรือสบู่ บางชนิดอาจมีสารเคมที ่ีปนเป้ื อนอยอู่ าจทาให้
ระคายเคืองกบั ผวิ ของเราได้ พวกเราจึงไดศ้ กึ ษาและหาวธิ ีในการทาผลติ ภณั ฑท์ ่ีทาจากสมุนไพรธรรมชาติ
เพือ่ ความปลอดภยั ต่อผใู้ ช้ จึงไดใ้ ชเ้ กลอื และผงขมิ้นเป็นส่วนผสมหลกั ในการทาโดยการนาเกลือมาผสมกบั
สมุนไพรต่างๆ และยงั มีน้าผ้งึ กบั ออยลท์ ี่ยงั มีส่วนช่วยใหผ้ วิ มีความชุ่มช้นื อกี ดว้ ยและพวกเราไดจ้ ดั ใส่บรรจุ
ภณั ฑท์ ี่เหมาะสมในการเกบ็ รักษาเกลอื สปาขดั ผวิ ใหค้ งสภาพไวเ้ พ่ือยดื อายใุ นการใชง้ านไดม้ ากข้ึนอีกดว้ ย

กติ ตกิ รรมประกาศ

โครงงานการงานอาชีพ ประเภทผลติ ภณั ฑ์ เกลือสปาขดั ผวิ จากสมุนไพรธรรมชาติ สาเร็จตาม
วตั ถปุ ระสงคข์ อขอบพระคณุ ผทู้ ี่สนบั สนุนและช่วยเหลือการทาโครงงานการงานอาชีพในคร้ังน้ี ดงั รายช่ือ
ผสู้ นบั สนุนต่อไปน้ี คุณครูวนิดา บุญพเิ ชฐวงศ์ ครูทปี่ รึกษาโครงงาน รวมถงึ นกั เรียนช้นั มธั ยมศึกษาปี
ท่ี5/14 ที่คอยใหค้ าแนะนาเก่ียวกบั การทดลองใชผ้ ลติ ภณั ฑ์ โครงงานฉบบั น้ีตลอดจนเสร็จสมบูรณ์

อน่ึงคณะผจู้ ดั ทาโครงงานหวงั วา่ โครงงานฉบบั น้ีจะมีประโยชน์ไมน่ อ้ ยสาหรับผศู้ กึ ษา
ขอ้ บกพร่องต่างๆ ท่ีอาจจะเกิดข้ึนน้นั ผจู้ ดั ทาขออภยั ไว้ ณ ที่น้ีดว้ ย และยนิ ดีท่ีจะรับฟังคาแนะนาจากทุก
ท่านท่ีไดเ้ ขา้ มาศกึ ษาเพอื่ เป็นประโยชนใ์ นการพฒั นาโครงงานต่อไป

คณะผจู้ ดั ทาโครงงาน

สารบญั ค

บทคดั ยอ่ หน้า
กิตตกิ รรมประกาศ
สารบญั ก
บทท่ี 1 บทนา ข
บทที่ 2 เอกสารที่เกี่ยวขอ้ ง ค
บทที่3 อุปกรณ์และการดาเนินงาน 1
บทที่4 ผลการดาเนินงาน 2
บทท่ี5 อภิปรายผลการดาเนินงาน 9
บรรณานุกรม 14
ภาคผนวก 15
16
17

1
บทที่1

ท่ีมาและความสาคญั
เนื่องจากในปัจจุบนั ผคู้ นส่วนใหญ่เห็นถึงความสาคญั กบั รูปลกั ษณภ์ ายนอกเป็นอยา่ งมากจึงไดม้ ี

ผลติ ภณั ฑด์ ูแลผวิ พรรณต่างๆ เช่น สบู่ โลชนั่ เป็นตน้ ทอี่ าจมีสารเคมีเป็นส่วนประกอบอาจทาใหเ้ กิด
อนั ตรายต่อผทู้ ี่ใชผ้ ลิตภณั ฑน์ ้นั ไดก้ ลุม่ ของดิฉนั จึงเลง็ เห็นถงึ ปัญหาในส่วนน้ีจึงจดั ทาโครงงาน เกลือสปา
ขดั ผวิ สมนุ ไพรธรรมชาติ ข้ึนเพอื่ เป็นผลิตภณั ฑท์ ี่ทาจากธรรมชาติและยงั ไม่ใชส้ ารเคมีเป็นส่วนผสมและยงั
สามารถช่วยผลดั เซลลผ์ วิ และบารุงผวิ ใหก้ ระจ่างใสไดอ้ ีกดว้ ย

เน่ืองจากเกลือและขม้นิ เป็นวตั ถดุ ิบพ้ืนบา้ นที่หาไดง้ ่ายในทอ้ งถิน่ และมีสรรพคุณในการบารุงใหผ้ วิ
กระจ่างใสข้ึน และยงั สะดวกต่อการหาวตั ถดุ ิบและยงั เป็นการสร้างมูลค่าเพมิ่ ของวตั ถดุ ิบอีกดว้ ยกลุม่ ของ
ดิฉนั จงั ลอื กท่ีจะใชว้ ตั ถดุ ิบน้ีในการทาโครงงาน

วตั ถุประสงค์
1.เพอ่ื ศึกษาคุณสมบตั ิของสมนุ ไพรท่ีใชใ้ นการขดั ผวิ
2.เพื่อนาวตั ถดุ ิบในทอ้ งถน่ิ มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชนม์ ากข้นึ
3.เพ่ือสร้างมลู ค่าเพิม่ ใหก้ บั วตั ถดุ ิบในทอ้ งถนิ่

ขอบเขตในการศึกษา
ศกึ ษาจากเวบ็ ไซตแ์ ละสอบถามบุคคลที่มีความรู้เรื่องการทาเกลือสปาขดั ผวิ

ประโยชน์ท่คี าดว่าจะได้รบั
1.เพื่อไดร้ ู้จกั คุณสมบตั ิของสมนุ ไพรท่ีใชใ้ นการขดั ผวิ เพม่ิ มากข้ึน
2.เพอื่ ไดร้ ้จกั การนาวตั ถุดิบในทอ้ งถน่ิ มาใชใ้ หเ้ กิดประโยชนม์ ากข้นึ
3.เพื่อไดร้ ู้จกั วธิ ีท่ีจะสร้างมลู ค่าเพ่ิมใหก้ บั วตั ถดุ ิบในทอ้ งถนิ่ เพม่ิ มากข้นึ

2

บทท่ี 2
เอกสารทเ่ี กยี่ วข้อง

2.1 เกลือ

เกลอื เป็นแร่ธาตุส่วนใหญ่ประกอบดว้ ยโซเดียมคลอไรด์ (NaCl) สารประกอบในระดบั สูงกว่าเกลือ
ชนิดต่าง ๆ เกลือในธรรมชาติก่อตวั เป็นแร่ผลกึ รูจ้ กั กนั วา่ เกลือหิน หรือแฮไลต์ เกลือพบไดใ้ นปริมาณ
มหาศาลในทะเลซ่ึงเป็นองคป์ ระกอบของแร่ท่ีสาคญั ในมหาสมทุ รมแี ร่ธาตุ 35 กรัมต่อลติ ร ความเค็ม 3.5%
เกลือเป็นส่ิงจาเป็นต่อชีวติ สตั ว์ ความเคม็ เป็นรสชาติพ้ืนฐานของมนุษย์ เน้ือเยอ่ื สตั วบ์ รรจุเกลือปริมาณ
มากกวา่ เน้ือเยอื่ พชื ดงั น้นั อาหารของชนเผา่ เร่ร่อนท่ีดารงชวี ิตในฝงู ตอ้ งการเกลอื เพียงเลก็ นอ้ ย หรือไม่
ตอ้ งการเกลอื เลย ขณะอาหารประเภทซีเรียลจาเป็นตอ้ งเพม่ิ เกลอื เกลือเป็นหน่ึงในเคร่ืองปรุงรสท่ีเก่าแก่ท่ีสุด
และหาไดง้ ่ายท่ีสุด และการดองเคม็ ก็เป็นวธิ ีการถนอมอาหารท่ีสาคญั วธิ ีหน่ึง หลกั ฐานการทาเกลอื ยคุ แรก
ที่สุดยอ้ นไปถึง 6,000 ปี ก่อนคริสตศ์ กั ราช เมื่อคนท่ีอาศยั ในประเทศโรมาเนียตม้ น้าเพือ่ สกดั เกลือ การทานา
เกลอื ในจีนก็เกดิ ข้ึนในเวลาไลเ่ ลีย่ กนั เกลือถูกชาวฮีบรู กรีก โรมนั ไบแซนไทน์ ฮิไทต์ และอยี ปิ ต์ ตรี าคาสูง
เกลือกลายเป็นวตั ถสุ าคญั และขนส่งทางเรือผา่ นทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ผา่ นทางทางเกลอื ท่ีสร้างข้ึนเฉพาะ
และผา่ นทะเลทรายซาฮาราในคาราวานอูฐ ความขาดแคลนและความตอ้ งการเกลอื ทวั่ โลกนาไปสู่สงคราม
ชิงเกลอื และใชเ้ กลอื เพ่อื เพิม่ ภาษีเงินได้ เกลือยงั ถูกใชใ้ นพธิ ีทางศาสนา และวฒั นธรรมต่าง ๆ ดว้ ย เกลือ
ผลติ จากเหมอื งเกลือ หรือจากการระเหยน้าทะเล หรือน้าซบั ท่ีอดุ มไปดว้ ยแร่ธาตุในบ่อต้ืน
ผลติ ภณั ฑอ์ ตุ สาหกรรมหลกั ของเกลอื คือโซดาไฟ และคลอรีน และใชใ้ นกระบวนการทางอุตสาหกรรมและ
ในการผลติ โพลีไวนิลคลอไรด์ พลาสติก เยอื่ กระดาษ และผลติ ภณั ฑอ์ ื่น ๆ จากการผลติ เกลือปริมาณสอง

3

ลา้ นตนั ต่อปี มีเพยี ง 6% ที่ใหม้ นุษยบ์ ริโภค ส่วนอืน่ ๆ ใชใ้ นการปรับสภาวะของน้า กาจดั น้าแข็ง
บนถนน และใชใ้ นการเกษตร เกลอื ที่กินไดม้ ขี ายในหลายรูปแบบ เช่น เกลือสมทุ รและเกลอื โตะ๊ ปกติจะ
บรรจุสารป้องกนั การรวมตวั เป็นกอ้ น และอาจเสริมไอโอดีนเพอ่ื ป้องกนั ภาวะพร่องไอโอดีน นอกจากจะใช้
ปรุงอาหารและวางบนโตะ๊ แลว้ เกลือยงั พบไดใ้ นอาหารแปรรูปจานวนมาก อาหารที่มโี ซเดียมมากเกินไปทา
ใหค้ วามดนั โลหิตสูง และอาจเพม่ิ ความเสี่ยงของกลา้ มเน้ือหวั ใจตายเหตุขาดเลอื ด และโรคหลอดเลือดสมอง
องคก์ ารอนามยั โลกแนะนาว่าผใู้ หญ่ควรบริโภคโซเดียมนอ้ ยกวา่ 2,000 มลิ ลิกรัม หรือเทียบเท่ากบั เกลือ 5
กรัมต่อวนั

2.2 ผงขมนิ้
ขมนิ้ ชนั (Turmeric) หรือขมนิ้ เป็นพชื ที่มเี หงา้ อยใู่ ตด้ ิน เน้ือของเหงา้ มีสีเหลืองเขม้ ไปจนถงึ สีแสด
เอกลกั ษณ์ท่ีเด่นชดั คือ รสชาติที่จดั จา้ น สีสนั มคี วามสวยงาม อกี ท้งั ยงั ไดม้ กี ารนาเอาสมุนไพรมาประยกุ ต์
ผสมผสานลงไปในอาหารไทย ทาใหไ้ ดร้ สชาติที่ดูแตกต่างแต่ลงตวั เมื่อพดู ถงึ เรื่อง สมนุ ไพร ที่คนไทยนิยม
นามาทาอาหาร เราคงจะพลาดที่จะเอ่ยถึง ขมน้ิ ชนั ไม่ได้ เพราะว่าเป็นอกี หน่ึงวตั ถุดิบที่ทาใหอ้ าหารมสี ีสนั
สะดุดตา ตลอดจนมสี รรพคุณทางยาท่ีเป็นประโยชน์ต่อร่างกายเพิ่มพนู เป็นลาดบั ถดั มาจากความอร่อย
ตอนน้ีเราจะมาทาความรูจ้ กั กบั สมุนไพรชนิดกนั ใหม้ ากข้นึ เพราะเหตุใดจึงเป็นท่ีนิยม และประโยชนท์ ่ีได้
จากสมุนไพรชนิดน้ีมีอะไรบา้ ง หากพร้อมแลว้ มาเริ่มเรียนรู้ไปพร้อมๆ กนั
วติ ามนิ และแร่ธาตุในขมนิ้ ชนั
นอกจากเราจะเราสามารถนาขม้นิ ชนั ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการประกอบอาหาร ใชย้ อ้ มสี หรือใชเ้ พ่ิม
กลนิ่ ใหก้ บั อาหารแลว้ ในขมนิ้ ชนั ยงั มวี ิตามนิ และแร่ธาตุมากมาย เช่น วติ ามินเอ วิตามนิ บีรวม วิตามนิ ซี

4

วติ ามนิ อี แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหลก็ เกลือแร่ เสน้ ใยอาหาร คาร์โบไฮเดรต และโปรตีน เร่ิมเล่า
เทา้ ความถงึ ขมิ้นชนั น้นั เป็นไมล่ ม้ ลุกอายหุ ลายปี ความสูงของลาตน้ เพียง 30 – 90 เซนติเมตรเท่าน้นั มเี หงา้
ใตด้ ิน ส่วนตรงกลางมขี นาดใหญ่รูปไข่ มีแขนงแตกออกดา้ นขา้ ง 2 ดา้ น ท่ีอยตู่ รงขา้ มกนั คลา้ ยนิ้วมือ เน้ือใน
เหงา้ มสี ีเหลืองเขม้ กล่ินหอม คนไทยรู้จกั กนั ในฐานะของพชื สมุนไพรและเคร่ืองเทศ นิยมนามาใชป้ ระกอบ
อาหาร ปัจจุบนั ยงั ไดเ้ พิ่มการแต่งสี แต่งกลนิ่ เพิ่มรสชาติใหอ้ าหารมีความน่ารับประทานมากยง่ิ ข้ึน อาหารท่ี
นิยมใส่ขมิ้นชนั ไดแ้ ก่ แกงเหลือง ขา้ วหมกไก่ แกงกะหรี่ ขนมเบ้ืองญวน ไก่ทอด แกงไตปลา มสั ตาร์ด เนย
มาการีน เป็นตน้ จุดเร่ิมตน้ ของการท่ีคนเราหนั มารับประทานขมิ้นชนั น้นั เช่ือกนั ว่ามตี น้ ตอมาจากชาวอินเดีย
หรือที่เรียกวา่ ชาวภารตะ ทนี่ ิยมกินขมนิ้ ชนั กนั มานานกว่า 4,000 ปี แลว้ ส่วนคนไทยกม็ คี วามนิยมกิน
ขมนิ้ ชนั เช่นเดยี วกนั โดยเฉพาะทางภาคเหนือและภาคใตน้ ิยมใส่ขมิ้นชนั ลงไปในอาหารประเภทแกงเผด็
เป็นส่วนใหญ่ เพ่ือใหม้ สี ีเหลืองและยงั ช่วยดบั กล่ินคาวปลาไดอ้ กี ดว้ ย รวมท้งั การใส่ลงไปในอาหารกจ็ ะช่วย
ไม่ใหอ้ าหารบูดเสียง่าย เพราะในขมิ้นชนั มคี ุณสมบตั ิที่ช่วยต่อตา้ นเช้ือจุลินทรีย์ นอกจากน้นั การใชข้ มน้ิ ชนั
ในอาหารจะช่วยป้องกนั การเกิดอนุมูลอิสระ ป้องกนั การเหมน็ หืนของน้ามนั และไขมนั เมอ่ื ตอ้ งเกบ็ ไวเ้ ป็น
เวลานานๆ นบั ว่าเป็นอกี หน่ึงวตั ถดุ ิบในการช่วยถนอมอาหารและยงั มคี ุณค่าทางโภชนาการใหอ้ าหารไดอ้ กี
ดว้ ย

สรรพคณุ ทางยา

ขม้ินชนั นอกจากท่ีจะมคี ุณค่าทางอาหารแลว้ กย็ งั ถอื เป็นพชื ท่ีมคี ุณค่าทางยาอีกดว้ ย ซ่ึงชาวไทยนิยมนาส่วน
ต่างๆ มาใชเ้ ป็นยาเพอ่ื บรรเทาอาการที่เกิดข้ึนรับร่างกาย โดยสามารถดูรายละเอียดไดด้ งั น้ี

เหงา้ : เหงา้ รสฝาดหวานเอยี ด ใชส้ าหรับแกอ้ าการไขเ้ ร้ือรัง ผอมเหลอื ง แกโ้ รคผวิ หนงั แกเ้ สมหะและโลหิต
แกท้ อ้ งร่วง สมานแผล แกธ้ าตุพกิ าร ขบั ผายลม แกผ้ น่ื คนั ขบั กลิ่นและสิ่งสกปรกในร่างกาย คุมธาตุ หยอด
ตาแกต้ าบวม ตาแดง น้าค้นั จากเหงา้ สดทาแกแ้ ผลถลอก แกโ้ รคผวิ หนงั ผนื่ คนั ลดอาการอกั เสบ ทาให้
ผวิ พรรณผดุ ผอ่ ง นามาอดั เมด็ ทาเป็นยารักษาอาการทอ้ งอดื ทอ้ งเฟ้อ ธาตุพิการ อาหารไม่ยอ่ ย กระเพาะ
อาหารออ่ นแอ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร แกท้ อ้ งร่วง แกบ้ ิด

ผงขมิน้ : (น้าเหงา้ แหง้ มาบดเป็นผง) นามาเคี่ยวกบั น้ามนั พชื ทาน้ามนั ใส่แผลสด

ขม้นิ สด : (ใชเ้ หงา้ สดลา้ งใหส้ ะอาด) ตากบั ดินประสิวเลก็ นอ้ ย ผสมน้าปูนใสพอกบาดแผลและแกเ้ คลด็ ขดั
ยอก เผาไฟ ตากบั น้าปูนใส รับประทานแกท้ อ้ งร่วง

5

2.3 ผงทานาคา
ทานาคา หรือ กาซาน่า(ชื่อทางพฤกษศาสตร์วา่ LICODIA ACIDISSIMA ) มที ่ีมาจากตน้ ทานาคาซ่ึง
มีมากในแถบตอนกลางของพมา่ ส่วนที่มีกล่นิ หอมและเป็นสมุนไพรสารพดั ประโยชน์ คือส่วนท่ีเป็นเปลอื ก
การนาทานาคามาใชจ้ ะเลอื กตน้ ทานาคาท่ีมอี ายรุ าวๆ 35 ปี ตดั เป็นท่อนๆ ขนาดพอดีมอื แลว้ ใชส้ ่วนของ
เปลอื กไมไ้ ปฝนหรือบดกบั หินขดั พร้อมพรมน้าเป็นระยะจะไดอ้ อกมาเป็นผงสีออกขาวเหลอื ง ใชท้ าหนา้ ทา
ตวั ถอื เป็นวธิ ีด้งั เดิม ทานาคามสี ารต่อตา้ นอนุมลู อสิ ระอยสู่ ูงมาก และมีสาร OPC และ Curcuminoid ทาให้
ทานาคามคี ุณสมบตั ิครบถว้ นที่จะต่อตา้ นความเสื่อมของเซลลแ์ ละยงั ช่วยป้องกนั การเกิดสิวดว้ ยคณุ สมบตั ิ
ฆา่ เช้ือแบคทีเรีย และช่วยลดผดผนื่ คนั ลดการเกิดจุดด่างดาและฝ้ามฤี ทธ์ิลดการสร้างเมด็ สีเมลานิน และยงั
ช่วยป้องกนั การทาลายผวิ จากรังสียวู ีอกี ดว้ ย
สรรพคุณของทานาคา
1. ปรับผวิ หมองคล้า ใหข้ าวผอ่ ง อยา่ งปลอดภยั เพราะเป็นสมุนไพรธรรมชาติ
2. หนา้ เนียน นุ่ม ลา้ งออกมาหนา้ ไม่แหง้ ตึง ลบู แลว้ สมั ผสั ไดถ้ ึงความเนียนของผวิ
3. สามารถนามาแตม้ หวั สิวได้ ช่วยลดการอกั เสบของสิวสิวจะยบุ และแหง้ เร็ว ควบคุมความมนั สิวใหม่ไม่
เกิด
4. ฝ้า กระ และจุดด่างดา จางลง อยา่ งเห็นไดช้ ดั
5. ลดผดผน่ื อาการคนั แดง แสบ จากการแพเ้ ครื่องสาอาง และสารเคมีหรืออืน่ ๆ
6. มีสารต่อตา้ นอนุมลู อิสระประสิทธิภาพสูง ช่วยลดริ้วรอย ร่องลึกไดด้ ีผวิ หนา้ ออ่ นเยาว์

6

2.4 นา้ ผงึ้
นา้ ผงึ้ (Honey) คือผลผลติ ของน้าหวานจากดอกไมแ้ ละจากแหลง่ อ่ืน ๆ ท่ีผ้งึ งานนามาเก็บสะสมไว้
โดยผา่ นข้นั ตอนการเปลย่ี นแปลงทางกายภาพและทางเคมแี ลว้ สะสมไวใ้ นรังผ้งึ ซ่ึงปกติแลว้ น้าผ้งึ จะมกี ล่นิ
รส สี ท่ีต่างกนั ออกไปตามชนิดของพืชน้นั ๆ จึงทาใหส้ ามารถระบุชนิดของน้าผ้งึ ตามชนิดของพชื น้นั ได้ ๆ
เช่น น้าผ้งึ จากดอกสม้ ดอกลาไย ดอกลิ้นจ่ี กจ็ ะแตกต่างกนั ออกไป ซ่ึงนิยมนามาใชเ้ ป็นสารใหค้ วามหวาน
ในอาหารหรือเครื่องด่ืมนานาชนิด น้าผ้งึ มสี ่วนผสมของน้าตาลและสารประกอบอนื่ ๆ ซ่ึงส่วนใหญ่จะเป็น
ฟรักโทสกบั กลูโคส และมีวิตามนิ และแร่ธาตุผสมอยดู่ ว้ ย เช่น วติ ามนิ เอ วติ ามนิ บี 2 วติ ามินบี 3 วติ ามนิ บี 5
วิตามนิ บี 6 กรดโฟลกิ วิตามนิ ซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุ
ฟอสฟอรัส ธาตุเหลก็ ธาตุทองแดง ธาตุสงั กะสี เป็นตน้ สาหรับสารประกอบอน่ื ๆ ที่มีอยใู่ นปริมาณเพยี ง
นอ้ ยนิดน้นั จะเป็นสารท่ีทาหนา้ ท่ีช่วยต่อตา้ นอนุมลู อิสระเป็นหลกั
ประโยชน์ของนา้ ผงึ้
1. ช่วยเพ่มิ ความสดช่นื ใหแ้ ก่ร่างกาย
2. มีสารต่อตา้ นอนุมลู อสิ ระ ช่วยชะลอวยั
3. ช่วยลดและป้องกนั การเกิดร้ิวรอยแห่งวยั
4. ช่วยบารุงผวิ พรรณใหเ้ ปลง่ ปลงั่ สดใส ดูมนี ้ามนี วลเป็นธรรมชาติ

7

2.5 ออยล์ทาผวิ
ประโยชน์ของเบบอี้ อยล์ Baby Oil
1. ใช้เมคอพั ให้ผวิ ดูโกลว์
วนั ไหนอยากไดล้ คุ โกลวๆ์ หรือในวนั เร่งรีบท่ีมีเวลาเมคอพั นอ้ ย ลองหยดเบบ้ีออยลเ์ ลก็ นอ้ ยผสมกบั
รองพ้นื ดูสิคะ ผวิ จะเปล่งประกายและชุ่มชื่นไปพร้อมกนั เลยละ่
2. ใช้แทนแผ่นเช็ดเครื่องสาอาง
เวลาที่ตอ้ งการความสะดวก เช่น เวลาไปต่างจงั หวดั หรือไปฟิ ตเนส แผน่ เชด็ เครื่องสาอาง (makeup
remover sheets) ชว่ ยไดม้ ากทีเดียวค่ะ แต่หากใครอยากประหยดั ท่ี ลองเทเบบ้ีออยลล์ งแผน่ คอตตอนใหช้ ุ่ม
แลว้ เก็บใส่ถุงซิปลอ็ คเอาไว้ ก็พกพาไวล้ บเคร่ืองสาอางไดห้ มดจด+จดั กระเป๋ าง่ายข้นึ เยอะค่ะ
3.ใช้ทาผวิ ก่อนโกนขน
ปัญหาผวิ ระคายเคืองเวลาโกนขนจะหมดไป ดว้ ยการทาเบบ้ีออยลท์ ่ีผวิ ก่อนทุกคร้ัง ความลนื่ ของ
ออยลจ์ ะช่วยลดแรงเสียดสีระหว่างผวิ กบั มีดโกน ทาใหโ้ กนง่ายข้ึนและไมบ่ าดผวิ ค่ะ
4.ใช้ทาสครับลดปัญหาผวิ คลา้ หรือหยาบกร้าน
ไม่วา่ จะเป็นริมฝีปาก ขอ้ ศอก หวั เข่า หรือจุดหยาบกร้านอื่นๆ กใ็ ชส้ ูตรน้ีไดเ้ วริ ์คมากค่ะ วิธีคือ
ผสมเบบ้ีออยลก์ บั น้าตาล (แนะนาน้าตาลทรายแดง) ในอตั รา 2 : 1 แลว้ เติมน้ามะนาวลงไปเลก็ นอ้ ย สครับ
เบาๆ บริเวณท่ีตอ้ งการ ทิ้งไว้ 5-10 นาทีแลว้ ลา้ งออก ผวิ จะนุ่มชุ่มชื่นสุดๆ ส่วนบริเวณริมฝีปากสามารถทา
ก่อนนอนแลว้ ท้ิงไวไ้ ดถ้ งึ เชา้ นอกจากปากจะอวบอ่ิมแลว้ ยงั อมชมพูอกี ดว้ ยนะคะ

8

2.6 ผงไพล
ตน้ ไพล ลกั ษณะไพลเป็นไมล้ ม้ ลุกมีความสูงประมาณ 0.7-1.5 เมตร มเี หงา้ อยใู่ ตด้ ิน เปลอื กมสี ีน้าตาลแกม
เหลอื ง เน้ือดา้ นในมีสีเหลืองถงึ สีเหลืองแกมเขียว แทงหน่อหรือลาตน้ เทียมข้ึนเป็นกอ โดยจะประกอบไป
ดว้ ยกาบหรือโคนใบหุม้ ซอ้ นกนั อยู่ เหงา้ ไพลสดฉ่าน้า รสฝาด เอยี ด ร้อนซ่า มีกล่นิ เฉพาะ ส่วนเหงา้ ไพลแก่
สดและแหง้ จะมรี สเผด็ เลก็ นอ้ ย ขยายพนั ธุด์ ว้ ยวธิ ีการใชเ้ มลด็ แง่ง หรือเหงา้ แต่โดยทว่ั ไปแลว้ จะใชส้ ่วน
ของเหงา้ เป็นท่อนพนั ธุใ์ นการเพาะปลูก พรรณไมช้ นิดน้ีมถี ิน่ กาเนิดอยใู่ นเอเชียแถบประเทศอนิ เดีย
อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ปลกู กนั มากในจงั หวดั กาญจนบุรี สุพรรณบรุ ี ปราจีนบุรี และสระแกว้
ใบไพล ลกั ษณะของใบเป็นรูปขอบขนานแกมรูปหอก ใบเป็นใบเด่ียวเรียงสลบั กวา้ งประมาณ 3.5-5.5
เซนติเมตรและยาวประมาณ 18-35 เซนติเมตร
ดอกไพล ออกดอกเป็นช่อ แทงจากเหงา้ ใตด้ ิน กลบี ดอกมสี ีนวล มใี บประดบั สีมว่ ง
ผลไพล ลกั ษณะของผลเป็นผลแหง้ รูปกลม

สรรพคุณของไพล
1. ดอกไพล สรรพคุณช่วยขบั โลหิตและกระจายเลอื ดเสีย กระจายเลอื ดท่ีเป็นลิ่มเป็นกอ้ น (ดอก)
2. ช่วยแกธ้ าตุพกิ าร (ตน้ ไพล)
3. ช่วยแกอ้ าเจียน อาการอาเจียนเป็นโลหิต (หวั ไพล)
4. ช่วยแกอ้ าการปวดฟัน (หวั ไพล)
5. ไพลกบั สรรพคุณทางยา เหงา้ ช่วยขบั โลหิต (เหงา้ )
6. ช่วยแกเ้ ลือดกาเดาไหลออกทางจมกู (ราก)
7. ช่วยรักษาโรคท่ีบงั เกดิ แต่โลหิตออกทางปากและจมกู (เหงา้ )

9

บทท่ี 3
อุปกรณ์และการดาเนินงาน

1. เกลือจากทอ้ งถ่ิน

2. ผงขมิน้ ชนั
3. ทานาคา

10

4. ผงไพล
5. น้าผ้งึ
6.ออยล์

11

7.ชามสาหรับคนส่วนผสม
8.ไมพ้ าย
9.บรรจุภณั ฑ์

12

วธิ ีการดาเนินการ

1. นาผงขมิ้น ผงไพลและผงทานาคา ชนิดละ 4ชอ้ นโตะ๊ มา
ผสมน้า1/3ถว้ ยตวง ใส่ชามผสม

2. จากน้นั นาน้ากบั ผงสมุนไพรมาคนใหผ้ งละลายจนไม่เหลือ
เศษตะกอน

3. เทเกลือปริมาณ2/3ถว้ ยตวง ลงชามผสม หากยงั เหลวให้
เทเกลอื เพม่ิ แต่ถา้ มนั ไม่จบั ตวั กนั เป็นกอ้ นใหเ้ ทเกลือลงไปเพม่ิ

13

4. ราดนน้าผ้งึ และเบบ้ีออยลล์ งไป

5.ใส่ส่วนผสมลงบรรจุภณั ฑท์ ่ีเป็นสุญกาศ ปิดใหม้ ดิ ชิด หา้ มโดนแดด

14

บทที่4

ผลการดาเนินงาน

หลงั จากที่กลมุ่ ของเราไดท้ าการศกึ ษาหาขอ้ มลู เพม่ิ เติมเก่ียวกบั สมนุ ไพรที่ชว่ ยในการบารุงผวิ
ผา่ นทางเวบ็ ไซตท์ ่ีน่าเช่ือถอื ทางอินเตอร์เน็ตโดยสืบหาจากหลายๆเวบ็ ไซตม์ ารวมกนั และเห็น
พอ้ งตอ้ งกนั แลว้ วา่ ขมิน้ เหมาะท่ีจะเป็นสมุนไพรท่ีจะนามาทาเป็นส่วนผสมในสครับ จากน้นั เรา
กเ็ ร่ิมจดั หาวตั ถุดิบต่างๆในการทดลองทาผลิตภณั ฑ์ เกลอื สปาขดั ผวิ โดยไดม้ อบหมายใหส้ มาชิกท่ี
พกั อาศยั ติดหา้ งสรรพสินคา้ หรือตลาด เป็นคนไปซ้ือส่วนผสม และสมาชิกท่ีมีอปุ กรณ์ในการทา
ท่ีบา้ น กไ็ ดน้ าอุปกรณ์เหลา่ น้นั มาที่สถานท่ีทดลองทาผลติ ภณั ฑ์ โดยสถานท่ีในการทดลองทา
ผลติ ภณั ฑก์ ค็ ือหอพกั ของสมาชิกในกลุ่มตามที่ไดก้ ลา่ วขา้ งตน้ ไว้ เมือ่ ถงึ เวลาทา เราไดแ้ บ่ง
หนา้ ท่ีใหแ้ ต่ละคนรับผดิ ชอบในแต่ละข้นั ตอนของตนเอง เพ่ือใหผ้ ลติ ภณั ฑเ์ สร็จออกมาเร็วและ
มีประสิทธิภาพ เม่ือผลติ ภณั ฑเ์ สร็จแลว้ เราไดล้ องใชผ้ ลติ ภณั ฑเ์ องก่อนท่ีจะนาไปใหเ้ พ่ือน
ในหอ้ งทดลองใช้ จากการทดลองของพวกเราเองพบว่า เกลอื สปาขดั ผวิ จากขม้นิ ช่วยทาใหผ้ วิ ดู
นุ่มนวล เปล่งปลงั่ ดูสุขภาพดีมากยง่ิ ข้ึน ช่วยผลดั เซลลผ์ วิ และกาจดั ความสกปรกออกจาก
ผวิ หนงั ไดจ้ ริงๆ เม่ือนาไปใหเ้ พอื่ นๆในหอ้ งใช้ กไ็ ดร้ ับความคิดเห็นว่า หลงั จากใชเ้ ป็นระยะเวลา
1 สปั ดาห์ รู้สึกว่าผวิ เนียนและนุ่มยง่ิ ข้ึน แต่มขี อ้ เสียคือ กลิน่ สมนุ ไพรแรงจึง แนะนาใหเ้ ติมสาร
สกดั จากสมุนไพรอนื่ ที่มกี ล่ินหอมลงไปดว้ ย เช่น มะลิ และ ใบเตย ซ่ึงเม่อื เราไดรับคาแนะนา
และคาชื่นชมต่างๆ จากผทู้ ดลองใชแ้ ลว้ เราก็จะลงมือคิดคน้ วธิ ีเพ่อื ใหผ้ ลิตภณั ฑข์ องเรามี
ประสิทธิภาพยง่ิ ข้ึนและเป็นประโยชน์ต่อผใู้ ชต้ ่อไป

15

บทท่ี5

อภปิ รายผลการดาเนินงาน

ประโยชน์ทไี่ ด้รับจากการทาโครงงาน
1.ไดฝ้ ึกการทางานร่วมกนั กบั ผอู้ ื่น สร้างความสามคั คีกนั ในกล่มุ
2.ฝึกการทางานที่เป็นช้ินเป็นอนั ฝึกความรับผดิ ชอบ
3.ไดเ้ รียนรู้ถึงประโยชน์ของขมิน้ และส่วนประกอบสาคญั อืน่ ๆในเกลอื สปาขดั ผวิ
4.ฝึกการเขียน การใชภ้ าษาในการทารายงาน
ข้อเสนอแนะ
1.ควรใชเ้ กลอื ท่ีมขี นาดเลก็ กว่าน้ี
2.ควรเติมน้าผ้งึ มากข้ึน เพ่อื ความออ่ นนุ่มและความกระจ่างใสของผวิ
3.หลงั จากใชส้ ครับขดั ผวิ เรียบร้อย สามารถนามาพอกผวิ ไดด้ ว้ ย
ขอ้ ควรรู้เก่ียวกบั อาเซียน ผา่ นการทาโครงงาน
ขมน้ิ หรือท่ีรู้จกั กนั ดีในอีกช่ือวา่ "ขมิ้นชนั " เป็นสมนุ ไพรพ้ืนบา้ นท่ีพบมากในไทย และยงั
ข้ึนชื่อมากอกี ดว้ ย แต่ขมิน้ ชนั ก็ไมไ่ ดพ้ บแค่ในประเทศไทยเท่าน้นั ยงั พบอกี มากในภูมภิ าคอนื่ ๆ
ของเอเชียตะวนั ออกเฉียงใต้
ขมิน้ ชนั เป็นสมนุ ไพรท่ีข้ึนช่ือเรื่องการบารุงผวิ ,พอกผวิ ใหก้ ระจ่างใส ผหู้ ญิงไทยและ
ผหู้ ญิงจากชาติในเอเชียตะวนั ออกเฉียงใตน้ ิยมใชข้ มน้ิ มาต้งั แต่โบราณ ถงึ แมว้ า่ ยคุ สมยั จะ
เปล่ยี นไป เทคโนโลยใี หม่ๆเขา้ มามบี ทบาทต่อผลติ ภณั ฑเ์ สริมความงามของคณุ ผหู้ ญิง แต่
สมุนไพรที่แลดูบา้ นๆอยา่ ง "ขมน้ิ " กย็ งั ไดร้ ับความนิยมไมน่ อ้ ยลงกว่าเดิม

16

บรรณานุกรม

ประโยชนข์ องขมน้ิ ชนั . (2562) . (ออนไลน)์ . แหล่งท่ีมา: https://atherbth.com/2019/09/03
วนั ที่สืบคน้ ขอ้ มลู 17 ตุลาคม 2563

ข้นั ตอนวิธีการทาสครับ. (2561) . (ออนไลน)์ . แหลง่ ที่มา: https://sites.google.com/site/fruitscrub343/khan
วนั ที่สืบคน้ ขอ้ มลู 17 ตุลาคม 2563

รวมสูตรสครับขดั ผวิ สวย. (2561) . (ออนไลน์). แหลง่ ท่ีมา: https://www.tescolotus.com/blog/view/1073
วนั ที่สืบคน้ ขอ้ มูล 17 ตุลาคม 2563

ภาคผนวก

ภาพวตั ถุดบิ และอุปกรณ์ในการทา

ข้นั ตอนในการทาเกลือสปาขดั ผวิ