จัดแต่งร้านให้สวยงาม ออกแบบหน้าร้าน ใช้สีสันในการตกแต่งหน้าร้านที่สวยสะดุดตาไม่ตั้ง โชว์สินค้าปิดหน้าร้านจนลูกค้ามองไม่เห็นสินค้าภายในร้านหรือขวางทางเดิน เข้า ร้านไม่สะดวกของโชว์ควรเลือกเฉพาะตัวชูโรงก็พอ การออกแบบภายในร้านให้สวยงาม ใช้สีสันภายในร้านที่ช่วยทําให้ร้าน ดูสะอาดขึ้น สินค้าดูโดดเด่นขึ้น เช่น สีโทนเย็นอ่อนๆ สีขาวนวลหรือที่เรียกว่า สีเทาควันบุหรี่ เป็นต้น การจัดสรรพื้นที่วางสินค้าคือการทําให้พื้นที่ที่มีอยู่อย่างจํากัดเกิด ประโยชน์สูงสุด โดยพิจารณาจากยอดขายและความสะดวกของลูกค้าเป็นหลัก 1. การจัดสรรพื้นที่ให้สอดคล้องกับปริมาณการขาย จัดสินค้าให้เหมาะกับปริมาณการขายควรมีสินค้าขายดีจํานวนมาก พอที่จะไม่ขาดเวลาที่ลูกค้าต้องการ ในกรณีมีพื้นที่จำกัด ไม่สามารถจัดเรียงพอควรพิจารณาเลิกจําหน่าย สินค้าบางยี่ห้อ หรือบางขนาดที่ไม่ก่อให้เกิดรายได่้ จัดเรียงสินค้ารุ่นเก่า (สินค้าสั่งเข้ามาก่อน) ไว้ด้านหน้าให้ลูกค้าหยิบ ก่อน เพื่อป้องกันปัญหาสินค้าเก่าค้างสต๊อก 2. การวางตําแหน่งสินค้าให้เหมาะสม
3. การนําเสนอสนค้า
สิ่งที่ต้องตระหนัก :
จัดวางผังร้านค้า (Layout) ให้สวยงาม ให้ลูกค้าสามารถเดินได้รอบร้านให้มากที่สุด เพื่อที่สินค้าทุกแผนกจะได้มีโอกาสขายแต่ต้องให้ใช้เวลาสั้นที่สุด เพราะหากลูกค้าใช้เวลาในร้านค้านานจนเกินเหตุก็จะทําให้ เกิดการติดขัด ลูกค้าใหม่เข้าร้านไม่ได้ 1. เส้นทางเดิน ควรจัดให้ยาวที่สุดเท่าที่จะทําได้ให้ลูกค้าเดินผ่านสิวนต่างๆ ของร้าน วางผังเพื่อให้ลูกค้าเดินทางไปยังจุดที่เราต้องการให้เดินเข้าไป หรือเพื่อให้ลูกค้าเดินได้รอบทั้งร้าน ไม่ใช้จุดใดเพียงจุดเดียวเช่น บันไดเลื่อนขึ้นลงของห้างสรรพสินค้า มักจะวกวนขึ้นทางลงทาง เพื่อจะดึงให้ลูกค้าเดินดูในส่วนอื่นๆ ด้วย 2. การจัดวางสินค้าที่สร้างความประทับใจ สินค้าที่ถัดจากประตูทางเข้าจะต้องให้ความประทับใจและกระตุ้นลูกค้าให้อยากเดินเข้าไปชมในร้าน ผู้ที่เข้าไปในร้านด้วยความไม่ตั้งใจแต่เมื่อเกิดความประทับใจที่ได้เห็นหรือสัมผัสกับสินค้าในส่วนแรก ตัวอย่างเช่น ส่วนซุปเปอร์มาร์เก็ตก็มักจะพบผักและผลไม้ก่อน และร้านเบเกอรี่ก็จะได้กลิ่นหอมของขนมดึงดูดใจก่อนอยู่เสมอ 3. ชนิดของการให้บริการ ถ้าร้านค้าปลีกนั้นเป็นลักษณะการเลือกซื้อสินค้าแบบบริการตนเอง หลักสําคัญก็คือสินค้าจะต้องถูกนํามาจัดวางบนชั้นวางสินค้าหรือโต๊ะที่ลูกค้าสามารถหยิบดูลองดูได้ 4. การควบคุมดูแลภายในร้านค้า ตําแหน่งแคชเชียร๋หรือพนักงานเก็บเงิน ควรอยู่ในตําแหน่งที่สามารถมองเห็นประตูทางเข้าออกได้ชัดเจนที่สุด เพราะถ้าโต๊ะแคชเชียร์อยู่ด้านในอาจไม่สามารถเห็นลูกค้าที่เข้า-ออกร้าน โอกาสที่สินค้าจะสูญหายก็จะเป็นไปได้มากควรตั้งโชว์สินค้าวางในแนวขนานของร้าน เพราะจะได้สามารถสังเกตการเคลื่อนไหว 5. อุปนิสัยในการซื้อสินค้าของผู้ซื้อ การจัดผังภายในของร้านค้ายังขึ้นกับอุปนิสัยในการซื้อสินค้าของผู้ซื้อด้วยเช่น ของใช้บุรุษมาไว้ชั้นล่างหรือใกล้ๆ ส่วนของสตรีและเด็กจัดไว้ชั้น 2 หรือลึกเข้าไป เพราะคุณสุภาพบุรุษมีนิสัยไม่ใช้เวลานานกับการซื้อสินค้า ส่วนคุณสุภาพสตรีนิยมการช้อปปิ้ง โดยร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจะได้รับการติดป้ายร้านติดดาว และมีวัสดุตกแต่งร้านที่เหมือนกันทั่วประเทศ เพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค นอกจากนี้ยังมีการทำ In-Store Media, ทำคาราวาน วิทยุชุมชน, โฆษณาโทรทัศน์, ทำสื่อสนับสนุนนอกร้าน รวมไปถึงการทำบิลบอร์ดและโปสเตอร์ ดังนั้น ร้านโชห่วยไหนที่ยังเรียงสินค้าประเภทตามใจคนขาย คนซื้อหาสินค้าไม่เจอต้องถามคนขาย หรือให้คนขายเดินไปหยิบสินค้าให้จะต้องรีบปรับแก้อย่างเร่งด่วนโดยทั่วไปแล้วสินค้าในร้านโชห่วยสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มหลัก คือ 1. สินค้าบริโภค ได้แก่ เครื่องปรุงรส, เครื่องประกอบอาหาร, เครื่องดื่ม, ขนมขบเคี้ยว ฯลฯ 2. สินค้าอุปโภค ได้แก่ สินค้ากลุ่มความงาม, ของใช้ส่วนตัว, ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ฯลฯ 3. ของใช้ภายในบ้าน ได้แก่ บรรจุภัณฑ์, เครื่องใช้พลาสติก, เครื่องเขียน ฯลฯ#วิธีการเรียงสินค้าก็ควรจัดวางตามกลุ่มหลักของสินค้า แล้วถึงจะเรียงสินค้าตามหมวดย่อยอีกทีหนึ่ง โดยมีหลักการวางสินค้าง่ายๆ คือ มีสินค้าอะไรที่ต้องใช้ด้วยกันก็วางใกล้กัน เช่น ผงซักฟอกกับน้ำยาปรับผ้านุ่ม แชมพูกับครีมนวดผม เป็นต้นส่วนวิธีการเรียงสินค้าอาจจะใช้การเรียงตามสรีระร่างกาย เช่น จัดวางสินค้าลงมาจากใบหน้า, ศีรษะ, ลำตัว เป็นต้นอีกหนึ่งความสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามก็คือ พื้นที่บริเวณหัวเชลฟ์ หรือชั้นวางสินค้า ซึ่งเป็นพื้นที่ทลูกค้าจะมองเห็นก่อนก็ควรจัดวางสินค้าที่ขายดี, เพิ่งจะวางตลาดหรือเพิ่งออกโฆษณา เพราะจะเป็นที่ต้องการของลูกค้า ส่วนสินค้าที่มีขนาดเล็ก เช่น ซองก็สามารถแขวนให้โดดเด่นแต่สามารถหยิบได้สะดวก |