กําไรจากการขายหุ้น เสียภาษี นิติบุคคล

   ���ҧ�á�� �ҡ�繡�â����ѡ��Ѿ��������鹢ͧ����ѷ��訴����¹㹵�Ҵ��ѡ��Ѿ����觻������ �ѡŧ�ع����繺ؤ�Ÿ����Ҩ����Ѻ¡�������Ѻ�Թ�������Ѻ�ҡ��â����ѡ��Ѿ��㹵�Ҵ��ѡ��Ѿ����觻������ �������з�ǧ ��Ѻ��� 126 (�.�. 2509) ��� 2 (23) �����������Թ���Ѻ¡����������� ������Թ�������ͧ�١�ѡ�����Թ�� � ������ ����ҵ�� 50(2)(�) ��觻�������ɮҡ� �����ҧ�

กำไรจากการลงทุนในหลักทรัพย์ที่เกิดขึ้นจากการขายหุ้นออกไปในราคาที่สูงกว่าราคาที่ซื้อมา ปัจจุบันนักลงทุนชาวไทยประเภทบุคคลธรรมดา ได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีเงินได้สำหรับกำไรจากการขายหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่หากเป็นนักลงทุนประเภทนิติบุคคล จะต้องนำเงินกำไรดังกล่าวรวมคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล สำหรับนักลงทุนต่างประเทศที่ได้รับกำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ หากเป็นบุคคลธรรมดาได้รับยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี แต่หากเป็นนิติบุคคลต่างชาติที่ไม่ได้ประกอบกิจการในประเทศไทย จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ในอัตรา 15% เว้นแต่เป็นกำไรจากการขายหน่วยลงทุนของกองทุนรวมไม่ต้องเสียภาษี สำหรับบางประเทศที่มีอนุสัญญาภาษีซ้อนกับประเทศไทย อาจได้รับการลดหย่อนหรือยกเว้นภาษีเงินได้เพิ่มเติมตามเงื่อนไขที่กำหนดในอนุสัญญาภาษีซ้อนของแต่ละประเทศ


ใครที่กำลังคิดอยากจะเข้าสู่วงการหุ้น กลายเป็นนักเทรดหุ้นมืออาชีพ มาทำความรู้จักกับ “ภาษีหุ้น” กันเสียก่อน ว่าจะต้องเสียภาษีแบบไหนบ้าง ต้องเสียภาษีกี่รอบ และบทสรุป “ภาษีขายหุ้น” จะต้องเสียหรือไม่

หากเปรียบ “ภาษี” เป็นดั่งสึนามิที่ซัดเข้าหาผู้คนบนฝั่งอย่างถาโถมก็คงไม่ผิดนัก เพราะช่วงต้นปีแบบนี้เป็นเวลาที่ผู้มีรายได้ต้องยื่นภาษีกันแล้ว 

แถมด้วยกระแสภาษีอื่นๆ ที่เริ่มมีการปรึกษาหารือปรับเปลี่ยน เพื่อเก็บภาษีเพิ่มอีกหลายรายการ อย่างเช่น “ภาษีคริปโตฯ” ที่กำลังมาแรง และตามมาติดๆ แบบไม่ยอมกันอย่าง “ภาษีขายหุ้น” เรียกว่าทำเอานักลงทุน นักเทรดหุ้นเริ่มหวาดหวั่นไม่น้อย

ดังนั้น ใครที่กำลังคิดอยากจะเข้าสู่วงการหุ้น กลายเป็นนักซื้อขายหุ้นมืออาชีพ มาทำความรู้จักกับ “ภาษีหุ้น” กันเสียก่อน ว่าจะต้องเสียภาษีแบบไหนบ้าง ต้องเสียภาษีกี่รอบ 

และบทสรุปภาษีขายหุ้นจะต้องเสียหรือไม่ อย่ารอช้าไปทำความรู้จักกัน

  •  ภาษีหุ้น 2 แบบ ที่คุณต้องเสีย 

เรื่องแรก ก่อนเข้าสู่วงการหุ้นที่นักลงทุนต้องรู้คือ เมื่อมีการขายหุ้นหรือมีกำไรจะต้องเสียภาษี ซึ่งภาษีหุ้นจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ

1. Capital Gain Tax ภาษีกำไรจากเงินลงทุน คือภาษีเงินได้จากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ที่เกิดจากส่วนต่างของราคาหุ้น หรือพูดง่ายๆ ก็คือกำไรที่ได้รับจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง 

2. Financial Transaction tax ภาษีขายหุ้น หรือภาษีธุรกิจเฉพาะ คือภาษีที่เก็บจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าหากมีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษี 0.1% ของมูลค่าขาย แต่ภาษีขายหุ้นนี้ได้รับยกเว้นไม่ต้องเก็บมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2534

  • “กำไร” จากการขายหุ้นต้องเสียภาษีเงินได้​

เรื่องที่ 2 คือ เมื่อนักลงทุนมีกำไรจาการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะต้องเสียภาษี ทั้งแบบที่เป็นบุคคลธรรมดา และอยู่ในรูปแบบนิติบุคคล ซึ่งสามารถอธิบายได้ดังนี้  

1. บุคคลธรรมดา แม้ว่าในหลายประเทศจะมีการเก็บภาษีในส่วนนี้อยู่ แต่สำหรับประเทศไทยกำไรจากการขายหุ้น ยังได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษี แต่ต้องเป็นไปตามเงื่อนไขคือ มีการซื้อขายหุ้นที่เกิดขึ้นในตลาดหลักทรัพย์เท่านั้น จึงจะได้รับการยกเว้นภาษี

ส่วนกรณีที่มีการขายหุ้นหรือโอนหลักทรัพย์นอกตลาดหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่อยู่ในประเทศไทยมากกว่าหรือเท่ากับ 180 วันในปีภาษีนั้น จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ตามอัตราภาษีก้าวหน้า และต้องนำเงินได้ไปรวมคำนวณตอนสิ้นปีด้วย​ 

2. นิติบุคคล กำไรจากการขายหุ้นที่อยู่ในรูปแบบบริษัท หรือห้างหุ้นส่วนที่เป็นนิติบุคคล เมื่อมีการลงทุนในหุ้นและได้กำไรจากการขาย ไม่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษี จะต้องนำไปรวมเป็นรายได้เพื่อคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลทั้งหุ้นในตลาดหักทรัพย์และนอกตลาดหลักทรัพย์

  • “เงินปันผล” ต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%

​สัญญาณเตือนที่ 3 คือ เมื่อนักลงทุนมีการถือครองหุ้นก็จะต้องมีการจ่ายเงินปันผลให้ ดังนั้น นักลงทุนที่ได้รับเงินปันผล จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% แยกตามประเภทดังนี้

1. บุคคลธรรมดา เงินปันผลที่ได้รับจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไว้ 10% แต่จะได้รับการยกเว้นภาษี หากได้รับเงินปันผลจากบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

แต่ในกรณีที่เงินปันผลถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายไป ผู้ได้รับเงินปันผลสามารถเลือกได้ว่าจะให้หักภาษี ณ ที่จ่ายแล้วจบ (ใช้สิทธิ Final tax) หรือนำมารวมเป็นเงินได้คำนวณภาษีบุคคลธรรมดาตอนสิ้นปี จากนั้นใช้สิทธิเครดิตภาษีเงินปันผล เพื่อขอคืนเงินภาษีที่จ่ายไปคืน (หากภาษีที่ถูกหักไประหว่างปี มากกว่ายอดภาษีที่ต้องชำระจริง)

โดยวิธีการนี้นักลงทุนต้องคำนวณให้ดี เพราะถ้าหากนำเงินปันผลที่ได้มารวม แล้วมีเงินได้สุทธิสูงจนต้องเสียภาษีเพิ่ม แทนที่จะได้ภาษีที่หัก ณ ที่จ่ายไปคืน ก็อาจไม่คุ้มหากตัดสินใจใช้สิทธิเครดิตภาษีเงินปันผล

​2. นิติบุคคล เงินปันผลที่บริษัท หรือห้างหุ้นส่วนที่อยู่ในรูปแบบนิติบุคคล จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% เช่นกัน แต่อาจจะได้รับสิทธิยกเว้นภาษี ถ้ามีการถือครองหรือเข้าเงื่อนไขตามที่กฎหมายกำหนดไว้ ดังนี้ 

​- ผู้ได้รับเงินเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ถือหุ้นเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือนก่อน และ 3 เดือนหลังจากวันที่ได้รับเงินปันผล

​- ผู้ได้รับเงินได้ถือหุ้นในบริษัทผู้จ่ายเงินปันผล ไม่น้อยกว่า 25% ของหุ้นทั้งหมดที่มีสิทธิออกเสียง โดยถือหุ้นเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือนก่อน และ 3 เดือนหลังวันที่ได้รับเงินปันผล และบริษัทผู้จ่ายเงินปันผลไม่ได้ถือหุ้นในบริษัทผู้ได้รับเงิน

​- ได้รับเงินปันผลจากบริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI)

  •  ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% 

เรื่องที่ 4 คือ เมื่อนักลงทุนมีการซื้อขายจะต้องมีค่าธรรมเนียมเกิดขึ้น ซึ่งค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปตามที่บริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการนั้นเรียกเก็บ 

แต่ค่าธรรมเนียมนี้จะถูกบวกภาษีมูลค่าเพิ่มเข้าไปอีก 7% ทำให้นักซื้อขายหุ้นต้องเสียค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้นจากค่าธรรมเนียมปกติอีก 7% นั่นเอง ส่วนการขายหุ้นไม่ถือว่าเป็นการขายสินค้า จะไม่เสียภาษีมูลค่าเพิ่ม​​

  •  ต้องเสียภาษีขายหุ้น (ภาษีธุรกิจเฉพาะ) 0.1% ? 

เรื่องที่ 5 คือ เมื่อนักลงทุนมีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะต้องเสียภาษี (Financial Transaction tax) หรือเรียกว่า “ภาษีธุรกิจเฉพาะ”ซึ่งเดิมทีกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าหากมีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษี 0.1% ของมูลค่าขายก่อนหักรายจ่ายใดๆแต่ก็ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะไม่ต้องเก็บมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2534

​และภาษีธุรกิจเฉพาะนี้เองที่เป็นประเด็นโด่งดังอยู่ตอนนี้ ว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่นักลงทุนทั้งหลายเมื่อมีการขายหุ้นจะต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะนี้โดยแนวทางที่กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาเลือกมีอยู่ 3 กรณี ที่ถ้าหากมูลค่าขายหุ้นเกินจะต้องเสียภาษี 0.1% ซึ่งประกอบด้วย

​1.เก็บจากมูลค่าขายเกิน 1 ล้านบาท/เดือน (ล้านละ 1,000 บาท)

​2.เก็บมูลค่าการขายเกิน 1.5 ล้านบาท/เดือน (ล้านละ 1,500 บาท) 

​3.เก็บมูลค่าการขายเกิน 2 ล้านบาท/เดือน (ล้านละ 2,000 บาท)

และบริษัทหลักทรัพย์ที่ให้บริการจะเป็นผู้จัดเก็บภาษีขายหุ้นนี้ไว้ พร้อมนำส่งให้กรมสรรพากรแทนผู้ขายหุ้นเอง

แต่การจะกลับมาเก็บภาษีขายหุ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะทางกระทรวงการคลังยังต้องพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัย โดยเฉพาะเรื่องของเวลาที่เหมาะสม แต่อย่างน้อยที่สุดอยากให้นักลงทุนเบาใจได้อย่างหนึ่งว่า สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่มีอยู่ถึง 85% จะไม่ได้รับผลกระทบจาการเรียกเก็บภาษีขายหุ้นนี้อย่างแน่นอน

กําไรจากขายหุ้น เสียภาษีไหม

เป็นภาษีจากธุรกรรมการขายหุ้น (Transaction Tax) ในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งคำนวณจากรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น โดยจะต้องเสียภาษีในอัตรา 0.10% (อัตราตามมาตรา 91/6(1)) ของมูลค่าที่ขาย แต่ภาษีดังกล่าวได้รับการยกเว้นมาตั้งแต่ปี 2534 ตามพระราชกฤษฎีกาฯ (ฉบับที่ 240) พ.ศ.2534 จนถึงปัจจุบัน

ขายหุ้นบริษัทนอกตลาดหลักทรัพย์ เสียภาษีไหม

กำไรจากการขายหุ้นนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ แม้จะมี TSD เป็นนายทะเบียนก็ตาม ผู้มีเงินได้จากการขายมีหน้าที่เสียภาษีเงินได้ (Capital Gain) ตามปกติ (มาตรา 40 (4) (ช) ตามประมวลรัษฎากร)

ขายหุ้นนอกตลาดเสียภาษียังไง

1.1 กรณีผู้โอน/ผู้ขายมีกำไร ผู้โอน/ผู้ขายจะต้องนำกำไรที่ได้รับ เสียภาษีเงินได้ ตามมาตรา 40 (4) (ช) แห่งประมวลรัษฎากร ส่วนผู้รับโอน/ผู้ซื้อมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราก้าวหน้าตามมาตรา 50 (2) แห่งประมวลรัษฎากร และนำส่งให้กรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของ เดือนถัดจากเดือนที่มีการหักภาษี ณ ที่จ่าย

ขายหุ้นโดนหักกี่เปอร์เซ็น

เรื่องที่ 5 คือ เมื่อนักลงทุนมีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์จะต้องเสียภาษี (Financial Transaction tax) หรือเรียกว่า “ภาษีธุรกิจเฉพาะ”ซึ่งเดิมทีกฎหมายได้กำหนดไว้ว่าหากมีการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ 1 ล้านบาทขึ้นไป จะต้องเสียภาษี 0.1% ของมูลค่าขายก่อนหักรายจ่ายใดๆแต่ก็ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะไม่ต้องเก็บมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2534.