2. การเตรียมการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง , การดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง , การเตรียมการของเจ้าหน้าที่เพื่อออกกฎ, การดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อออกกฎ คือวิธีปฏิบัติราชการทางการปกครอง 3. การออกระเบียบ ไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง 4. การประกาศเตือน ไม่ใช่คำสั่งทางปกครอง 5. พระราชบัญญัติไม่ใช่กฎ 6. การเตรียมการและดำเนินการของเจ้าหน้าที่เพื่อจัดให้มีคำสั่งทางปกครอง คือการพิจารณาทางปกครอง 7. เจ้าหน้าที่จะทำการพิจารณาทางปกครองไม่ได้ถ้า คู่หมั้นหรือคู่สมรสของคู่กรณี , ญาติของคู่กรณี , นายจ้างของคู่กรณี หรือเป็นคู่กรณีเองไม่ได้ 8. ถ้ากรณีเคยเป็นลูกจ้างของคู่กรณี เจ้าหน้าที่ทำการพิจารณาทางปกครองได้ 9. คู่กรณีไม่มีสิทธินำทนายความของตนเข้ามาในการพิจารณาทางปกครองได้ 10. คู่กรณีไม่มีสิทธิแต่งตั้งบุคคลหนึ่งบุคคลใดแทนตนในการพิจารณาทางปกครอง 11. เจ้าหน้าที่ไม่มีสิทธิห้ามการปฏิบัติหน้าที่ของผู้แทนของคู่กรณีที่ไม่ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องที่พิจารณาทางปกครองอย่างพียงพอ 12. เมื่อมีการแต่งตั้งตัวแทนร่วมของคู่กรณีๆ จะยกเลิกการให้ตัวแทนร่วมดำเนินการแทนตนมิได้ 13. ในการพิจารณาทางปกครองเจ้าหน้าที่จะต้อง แจ้งสิทธิและหน้าที่ในกระบวนการพิจารณาทางปกครองให้คู่กรณีทราบ , ให้คู้กรณีมีโอกาสที่จะได้รับทราบข้อเท็จจริงอย่างเพียงพอ , ให้คู่กรณีมีโอกาสได้โต้แย้งและแสดงหลักฐานของตนเอง , ไม่อนุญาตให้ตรวจดูเอกสารหรือพยานหลักฐานได้ ในกรณีที่ต้องรักษาไว้เป็นความลับ 14. คำสั่งทางปกครองที่อาจอุทธรณ์หรือโต้แย้งต่อไปได้ ให้ระบุกรณีที่อาจอุทธรณ์หรือโต้แย้งไว้ในคำสั่งด้วย 15. คำสั่งทางปกครองที่ทำเป็นหนังสือ ต้องจัดให้มีเหตุผลไว้ด้วย 16. คำสั่งทางปกครองที่มีข้อผิดพลาดเล็กน้อย เจ้าหน้าที่อาจแก้ไขเพิ่มเติมได้เสมอ 17. คำสั่งทางปกครองที่ต้องให้เจ้าหน้าที่อื่นให้ความเห็นชอบก่อน จะไม่เสียไปถ้าเจ้าหน้าที่นั้นได้ให้ความเห็นชอบในภายหลังถือว่าใช้ได้ 18. การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองที่ไม่ออกโดยรัฐมนตรี ต้องยื่นต่อเจ้าหน้าที่ผู้ทำคำสั่งทางปกครองภายใน 15 วัน 19. คำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่ต้องอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครอง คู่กรณีสามารถฟ้องต่อศาลปกครองได้ 20. คำสั่งของคณะกรรมการวินิจฉัยข้อพิพาท ไม่สามารถอุทธรณ์ได้แต่สามารถฟ้องศาลปกครองได้ 21. หากได้รับการวินิจฉัยความผิดถึงที่สุด และเห็นว่าคำสั่งทางปกครองที่ได้รับไม่เป็นธรรม สามารถฟ้องศาลปกครองภายใน 90 วันนับแต่วันรับทราบคำสั่ง 22. เจ้าหน้าที่ต้องพิจารณาคำอุทธรณ์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์ 23. การอุทธรณ์ไม่เป็นเหตุให้ทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครอง 24. กรณีเห็นด้วยกับอุทธร์ให้ดำเนินการเปลี่ยนแปลงคำสั่งทางปกครองตามความเห็นของตน 25. กรณีไม่เห็นด้วยกับอุทธรณ์ ให้รายงานความเห็นพร้อมเหตุผลไปยังผู้มีอำนาจพิจารณาอุทธรณ์ 26. การเพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่ลักษณะเป็นการให้ประโยชน์ต้องกระทำภายใน 90 วัน นับแต่รู้ถึงเหตุที่จะเพิกถอนคำสั่งนั้น 27. ผู้ที่ไม่รู้ถึงความไม่ชอบด้วยกฎหมายของคำสั่งทางปกครองในขณะที่รับคำสั่งทางปกครอง สามารถอ้างความเชื่อโดยสุจริตได้เมื่อถูกเพิกถอนคำสั่งทางปกครอง 28. ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเพิกถอนคำสั่งทางปกครองต้องร้องขอค่าทดแทนภายใน 180 วันนับแต่ได้รับแจ้งให้ทราบถึงการเพิกถอนนั้น 29. การยื่นขอให้พิจารณาใหม่ ต้องกระทำภายใน 90 วัน นับแต่วันผู้นั้นได้รู้ถึงเหตุซึ่งอาจขอให้พิจารณาใหม่ 30. เจ้าหน้าที่อาจยึดอายัดทรัพย์สินของผู้ที่ไม่ชำระเงินตามกำหนดของคำสั่งทางปกครอง 31. คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้ละเว้นกระทำ หากฝ่าฝืนต้องชำระค่าปรับทางปกครองไม่ต่ำกว่า 20,000 บาทต่อวัน 32. คำสั่งทางปกครองที่กำหนดให้กระทำแล้วไม่ปฏิบัติตาม เจ้าหน้าที่สามารถเข้าดำเนินการด้วยตนเองได้ 33. เจ้าหน้าที่อาจใช้กำลังเข้าดำเนินการเพื่อให้เป็นไปตามมาตราการบังคับทางปกครองได้ หากมีการต่อสู้ขัดขวาง 34. การแจ้งคำสั่งทางปกครอง เจ้าหน้าที่จะกระทำด้วยวาจาก็ได้ 35. การแจ้งทางไปรษณีย์ต้องแจ้งโดยไปรษณีย์ตอบรับเท่านั้น 36. การแจ้งภายในประเทศให้ถือว่าได้รับเมื่อครบกำหนด 7 วันนับตั้งแต่วันส่ง 37. การแจ้งคำสั่งทางปกครองจะกระทำได้โดยการประกาศในหนังสือพิมพ์ ในกรณี ไม่รู้ตัวผู้รับ กรณีรู้ตัวแต่ไม่รู้ภูมิลำเนา กรณีมีผู้รับเกิน 100 คนขึ้นไป 38. ในกรณีประกาศหรือลงหนังสือพิมพ์ให้ถือว่าได้รับแจ้งเมื่อพ้น 15 วันนับแต่วันได้แจ้ง 39. ในกรณีที่เจ้าหน้าที่กระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด ให้นับวันสิ้นสุดของระยะเวลานั้นรวมเข้าด้วยกัน แม้วันสุดท้ายจะเป็นวันหยุดการทำงาน 40. นายกองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่สามารถจะเป็นพยานในการส่งหนังสือเพื่อแจ้งคำสั่งทางปกครองในกรณีผู้รับไม่ยอมรับห รือไม่มีผู้รับ 41. ค่าปรับทางปกครองมี 4 ระดับคือ 20,000 บาทสำหรับคณะกรรมการ และรัฐมนตรี 42. 15,000 บาทสำหรับปลัด อธิบดี ผู้ว่าฯ 43. 10,000 บาทสำหรับนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการประจำจังหวัด ผู้บริหารท้องถิ่น ผู้แทนของรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานรัฐอื่นๆ 44. 5,000 บาทสำหรับพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายอื่นๆ ส่วนเอกชนที่ใช้อำนาจทางปกครองต้องเสนอให้รัฐมนตรีพิจารณาเป็นรายไปทั้งนี้ไม่เกิน 1.000 บาท 45. ชั้นศาลปกครองได้แก่ ศาลปกครองชั้นต้น และศาลปกครองสูงสุด 46. ศาลปกครองชั้นต้นแบ่งออกเป็นสองประเภท ได้แก่ศาลปกครองกลาง และศาลปกครองส่วนภูมิภาค 47. ในวาระแรกกฎหมายได้กำหนดให้จัดตั้งศาลปกครองในรูปภูมิภาคจำนวน 16 แห่ง 48. การเปิดทำการของศาลปกครองในภูมิภาค กฎหมายกำหนดให้เปิดทำการไม่น้อยกว่าปีละ 7 ศาล 49. คดีที่ไม่อยู่ในศาลปกครองมี ,การดำเนินการเกี่ยวกับวินัยทหาร , คดีที่อยู่ในอำนาจศาลแรงงาน , คดีที่อยู่ในอำนาจศาลภาษีอากร , คดีที่อยู่ในอำนาจศาลล้มละลาย |