philip morris international Show Suggestions will appear below the field as you type 1-3 จาก 3 ตำแหน่งงาน Philip Morris Trading (Thailand) Co., Ltd. วัฒนา Solid
experience in planning and business analysis Experience in Sales & Distribution strategy Excellent in English and Thai language 21 ชั่วโมงที่ผ่านมา Philip Morris Trading (Thailand) Co., Ltd. วัฒนา A fast track program to take a Leader role 2-5 years of experience in Corporate Affairs Excellent in English and Thai language 6 วันที่ผ่านมา Philip Morris Trading (Thailand) Co., Ltd. วัฒนา A fast track program
to take Leader role in Sales 5 to 7 years of work experience in related field Excellent in English and Thai language 6 วันที่ผ่านมา
Philip Morris ธุรกิจสีเทาในยุคสมัยใหม่ บริษัท Philip Morris เป็นบริษัทที่ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากนิโคติน บุหรี่บรรจุซอง และผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้ากับบุหรี่ไร้ควัน โดยมีแบรนด์บุหรี่ที่เป็นที่รู้จักภายใต้ชื่อแบรนด์ Marlboro และ iQos ซึ่งเป็นบุหรี่ไฟฟ้า ยอดขายจากธุรกิจบุหรี่ของ Philip Morris หลัก ๆ แล้วจะมาจากผลิตภัณฑ์ 2 ชนิดครับ ได้แก่ Combustible Product หรือก็คือบุหรี่เผาไหม้แบบมวนตามที่เรารู้จักกัน) กับ RRP (Reduced-risk products หรือในอีกชื่อหนึ่งคือ Smoked-Free เป็นบุหรี่แบบไร้ควัน ปล่อยสารพิษน้อยกว่าบุหรี่แบบมวนจริง) ต่อมาในมิติด้านโครงสร้างต้นทุนขาย (Cost of Goods Sold) บริษัทมีค่าใช้จ่ายหลักจะเป็นเรื่องของต้นทุน Raw Material 42% แบ่งเป็นยาสูบ 19% และผลิตภัณฑ์เกี่ยวเนื่องอื่น 23% ต่อมาคือค่าขนส่งและจำหน่าย 11% ส่วนรายจ่ายอื่น ๆ 47% นี้หมดไปกับรายจ่ายจากการแปลงค่าสกุลเงินตรา ค่าใช้จ่ายสำหรับเครื่องจักรอุปกรณ์ และอื่น ๆ รวมกัน บริษัทมีงบการเงินย้อนหลังดังต่อไปนี้ ปี 2017 บริษัทมีรายได้ 28.69 พันล้านเหรียญ บริษัทมีกำไรขั้นต้น 18.17 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Gross Margin ที่ 63.33%) บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 6.02 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Net Margin ที่ 20.99%) ปี 2018 บริษัทมีรายได้ 29.61 พันล้านเหรียญ บริษัทมีกำไรขั้นต้น 18.77 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Gross Margin ที่ 63.39%) บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 7.89 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Net Margin ที่ 26.67%) ปี 2019 บริษัทมีรายได้ 29.78 พันล้านเหรียญ บริษัทมีกำไรขั้นต้น 19.20 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Gross Margin ที่ 64.48%) บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 7.17 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Net Margin ที่ 24.07%) ปี 2020 บริษัทมีรายได้ 28.70 พันล้านเหรียญ บริษัทมีกำไรขั้นต้น 19.05 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Gross Margin ที่ 66.38%) บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 8.04 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Net Margin ที่ 28.00%) ปี 2021 บริษัทมีรายได้ 31.35 พันล้านเหรียญ บริษัทมีกำไรขั้นต้น 21.22 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Gross Margin ที่ 67.70%) บริษัทมีกำไรสุทธิที่ 9.08 พันล้านเหรียญ (คิดเป็น Net Margin ที่ 28.98%) [ข้อมูลเพิ่มเติม บริษัท Philip Morris เป็นบริษัทที่มีตัวเลขการเงินในส่วน PBV และ ROE ติดลบทั้งคู่ เนื่องจากในงบดุลส่วนของทุนบริษัทนั้นติดลบ จากการบริษัทซื้อหุ้นคืน ถึงอย่างนั้นแล้วบริษัทเองก็สามารถดำเนินกิจการได้อย่างดี จากการมีเงินทุนสำรองแข็งแกร่งเพียงพอจนไม่ถูกเลิกกิจการนั่นเอง จริง ๆ แล้วบริษัทหลายบริษัทที่มีการซื้อหุ้นคืน (โดยเฉพาะในฝั่งอเมริกา) ที่มีลักษณะแบบนี้ ดังนั้นหากจะกรองหุ้นโดยใช้ ROE อาจต้องปรับไปใช้ ROA หรือ ROIC แทน] ในมิติของตำแหน่งการแข่งขันของ Philip Morris นั้น หากเทียบกับทั่วโลกแล้ว ถือได้ว่าบริษัทนี้เป็นอันดับ 1 อยู่ ตามมาด้วยบริษัท British American Tobaccos ซึ่งเป็นบริษัทยาสูบเช่นกัน ซึ่งกลยุทธ์การขายหลัก ๆ ของ Philip Morris เองคือเน้นไปที่แบรนด์บุหรี่สายพรีเมียมอย่าง Marlboro เป็นเรือธงในการกวาดยอดขายเข้าบริษัทมากกว่า ภายในอนาคตอันใกล้นี้บริษัทได้คาดหวังว่าจะเพิ่มขนาดสัดส่วนยอดขายบุหรี่ไร้ควันให้มากกว่า 50 % ให้ได้เพื่อมาทดแทน ด้านการเติบโตแบบเป็นธรรมชาติ บริษัทจะจัด Product Mix 3.1% ตามมาด้วย การปรับราคาผลิตภัณฑ์อันได้แก่บุหรี่แบบมวน 2.4% และราคาบุหรี่แบบ HTU ในสัดส่วน 0.3% และสิ่งที่เป็นคู่แข่งที่บริษัทนี้ต้องเผชิญคือ “ยุคสมัย” นั่นเอง จากข้อมูลนำเสนอของบริษัทแสดงให้เราเห็นว่าแนวโน้มของอุตสาหกรรมบุหรี่นั้นมีแต่จะไปทางหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นอย่างชัดเจน ว่าบริษัทเองก็พยายามให้วิธีเพิ่มรายได้ผ่านทางการขึ้นราคาผลิตภัณฑ์และการร่วมลงทุนในหมวดหมู่ของผลิตภัณฑ์กัญชาที่จะมาเป็นว่าที่พืชเศรษฐกิจใหม่มากขึ้นนั่นเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่บริษัทที่ทำบุหรี่ทั่วโลกต้องพบเจอก็คงหนีไม่พ้นภาษีสรรพสามิตจากทางรัฐบาล โดยบริษัท Phillip Morris นั้นได้รับผลกระทบจากภาษีในส่วนนี้ในสัดส่วนประมาณ 62% ซึ่งส่วนนี้ทำให้ “รายได้ที่แท้จริง” ถูกลบหายไป 62% เลยทีเดียว [ถึงอย่างนั้นแล้วมองในนแง่ดีที่สุด ภาษีส่วนนี้ก็จะย้อนกลับเข้าไปสู่ประชาชนทุกคนในท้ายที่สุดอยู่ดี ไม่ว่าจะในรูปสวัสดิการที่เพียบพร้อม รวมถึงถนนหนทางที่ดีขึ้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับบทบาทหน้าที่ของกระบวนการรัฐสภาและการบริหารจัดการแผ่นดินว่ารัฐบาลของแต่ละประเทศจะใช้ทรัพยากรนี้ให้เกิดผลสัมฤทธิ์ให้ถึงที่สุดหรือไม่] นอกจากด้านภาษีแล้วก็มีเรื่องของมาตรการกฎหมายตามแต่ละประเทศ เช่นผลิตภัณฑ์ต้องมีการแสดง Health Warning ตามที่กำหนด, ผลิตภัณฑ์ห้ามออกสื่อโฆษณาในที่สาธารณะ , ผลิตภัณฑ์ต้องมีขนาดเกิดกว่าที่กฎหมายกำหนด เป็นต้น หน้าที่สำหรับผู้นำของ Philip Morris คือบริษัทได้นำงบประมาณ R&D กว่า 99% ทุ่มให้กับการวิจัยและพัฒนาออกแบบผลิตภัณฑ์บุหรี่รูปแบบ Smoke-Free รวมถึงดำเนินการส่งเสริมอัตลักษณ์องค์กรแบบ ESG อย่างสม่ำเสมอ เช่นการจ้างงานบุคลากรสร้างงานสร้างอาชีพ กว่า 70,000 อัตราทั่วโลก ในสัดส่วนเพศสภาพที่เท่า ๆ กัน เพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ, การ Lean ระบบ Supply Chain ให้เกิดการลด CO2 และใช้พลังงานไฟฟ้าลดน้อยลง เป็นต้น นับเป็นอีก 1 ในบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมเก่าที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงมากในประเทศไทย (น่าจะเป็นสาเหตุมาจากไม่มีบริษัทในไทยประกอบกิจการนี้แบบชัด ๆ ในตลาด) แต่อุตสาหกรรมยาสูบเองก็นับว่าเป็น Case Study ที่เราในฐานะนักลงทุนเพื่อเท่าทันการลงทุนในหุ้นต่างประเทศไม่มากก็น้อย และได้เห็นแง่มุมของบริษัทยาสูบเบอร์ 1 ของโลก ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ในช่วงที่โลกของเราใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ลดลง ลงทุนศาสตร์ – Investerestติดตามบทความดีดีกดที่นี่เลย FACEBOOK , OFFICIAL LINE และ WEBSITE พิเศษ! เข้ากลุ่มเรียนหุ้นออนไลน์ฟรีกับลงทุนศาสตร์แบบไม่มีเงื่อนไขได้ที่ : เรียนหุ้นฟรีกับลงทุนศาสตร์ อ้างอิง อัพเดทล่าสุดเมื่อ : 22 กุมภาพันธ์ 2022 |