กล่าวไว้ว่า การจัดองค์การ หมายถึง การจัดความสัมพันธ์ระหว่างส่วนต่างๆ คือ ตัวบุคคลและหน้าที่การงาน เพื่อรวมกันเข้าเป็นหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ สามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้ ธงชัย สันติวงษ์ ( 2537 : 63 ) กล่าวไว้ว่า การจัดองค์การ คือ การจัดระเบียบกิจกรรมให้เป็นกลุ่มก้อนเข้ารูป และการมอบหมายงานให้คนปฏิบัติเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ของงานที่ตั้งไว้ การจัดองค์การจะเป็นกระบวนการที่เกี่ยวกับการจัดระเบียบความรับผิดชอบต่างๆ ทั้งนี้เพื่อให้ทุกคนต่างฝ่ายต่างทราบว่า ใครต้องทำอะไร และใครหรือกิจกรรมใดต้องสัมพันธ์กับฝ่ายอื่นๆอย่างไรบ้าง สมคิด บางโม ( 2538 : 94 ) กล่าวไว้ว่า การจัดองค์การ หมายถึง การจัดแบ่งองค์การออกเป็นหน่วยงานย่อยๆให้ครอบคลุมภารกิจและหน้าที่ขององค์การ พร้อมกำหนดอำนาจหน้าที่และความสัมพันธ์กับองค์กรย่อยอื่นๆไว้ด้วย ทั้งนี้ เพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารให้บรรลุเป้าหมายขององค์การ Show
Organizing หมายถึง การจัดระเบียบงาน จัดโครงสร้างการบริหารงาน การประสานงานระหว่างบัคคลและหน่วยงานต่างๆอำนาจหน้าที่ในการบังคับบัญชา กับความรับผิดชอบของงาน ให้รู้ว่า วัตถุประสงค์ของการจัดองค์การ 1. เพื่อแบ่งงานกันทำ โดยแยกงานออกเป็นแต่ละงานส่วน แต่ละแผนก แต่ละหน่วย เป็นกลุ่มตามลักษณะงานเช่น 2. เพื่อมอบหมายงานและความรับผิดชอบให้แต่ละคนทำตามความรู้ ความถนัด 3. เพื่อกำหนดการประสานงานต่างๆให้ดำเนินไปอย่างสอดคล้องกันตั้งแต่เริ่มต้นจนงานเสร็จ 4. เพื่อกำหนดสายการบังคับบัญชา อำนาจ หน้าที่อย่างเป็นทางการ พื้นฐานของการจัดองค์การ การรวมกัน (Integration) ของความแตกต่างกัน (Differentiation) เข้าด้วยกันอย่างสอดคล้องกัน เพื่อก่อประโยชน์สูงสุดตามวัถตุประสงค์ขององค์การ ผังองค์การ (Organization Chart) - การแบ่งงาน - สายการบังคับบัญชา การจัดแผนกงานตามหน้าที่ (Departmentalization by function)เป็นการจัดรวมกลุ่มงานที่มีลักษณะหน้าที่เหมือนกันไว้เป็นหน่วยเดียวกัน เช่น ฝ่ายผลิต ฝ่ายตลาด ฝ่ายบัญชี ฝ่ายทรัพยากรบุคคลนิยมมากในบริษัทที่ผลิตสินค้าประเภทเดียว หรือน้อยประเภทการจัดแผนกงานตามผลิตภัณฑ์ (Departmentalization by products)การจัดรวมงานให้เป็นกลุ่มโดยใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น แผนกเครื่องซักผ้า แผนกเครื่องเสียง แผนกคอมพิวเตอร์ แผนกทีวี แผนกเครื่องปรับอากาศเหมาะสำหรับบริษัทที่ผลิตสินค้าหลายชนิด แต่ละชนิดมีปริมาณการผลิตค่อนข้างสูงคล้ายมีหลายบริษัท มีหลายแผนกในตัว การแบ่งงานมีส่วนพัฒนาผู้บริหารการจัดแผนกงานตามพื้นที่ (Departmentalization by territory)เหมาะ สำหรับองค์การที่มีกิจการกระจายไปในพื้นที่ที่ห่างไกล เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ ภาคกลาง แต่อาจเกิดการซ้ำซ้อนในการใช้ทรัพยากรการแบ่งแผนกงาน (Departmenttation)เป็นการจัดแบ่งโครงสร้างตามกระบวนการ : แบ่งตามสายงานการผลิต หรือเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้การจัดแผนกงานตามลูกค้า (Departmentalization by customer)การแบ่งตามความสนใจและความต้องการของลูกค้า เช่น ลูกค้าจ่ายสด ลูกค้าเครดิต ลูกค้าราชการ ลูกค้าองค์การ สามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้ดีขึ้นผจก.แต่ ละแผนกมักเรียกร้องเงื่อนไขพิเศษ เช่นค่าคอมมิทชั่น หรือเปอร์เซ็นต์ในการขาย เพื่อให้แผนกของตนตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น ทำให้แนวปฎิบัติเป็นไปอย่างไม่เสมอภาค การจัดแผนกงานตามโครงการ (Departmentalization by project)ใช้กับงานที่ค่อนข้างจะอิสระ มีช่วงเวลาจำกัดและมีเป้าหมายที่ชัดเจนเช่น โครงการที่ดินจัดสรร โครงการบ้านพักอาศัย โครงการอาคารพาณิชย์การมีผู้รับผิดชอบโดยตรงแต่ละโครงการทำให้ปัญหาต่างๆได้รับความสนใจ และแก้ไขได้ทันเวลาจัดแบ่งแผนกงานตามเวลา : มีเฉพาะในระดับล่างขององค์การทำงานสองหรือสามกะ หัวหน้าและพนักงานแต่ละชุดสำหรับงานแต่ละกะจัดแบ่งแผนกงานตามจำนวนคน : มักจะมีอยู่ในระดับล่างขององค์การ ใช้กับงานที่ต้องอาศัยแรงหรือกำลังของคนงานเป็นหลัก หัวหน้างานจะพิจารณาว่างานใดต้องใช้คนงานเท่าใด เช่นขุดลอกคลอง สายละ 20 คน หน.1คนองค์การโดยการจัดโครงสร้างแผนก1.การจัดโครงสร้างแผนก โดยยึดตามลักษระโครงสร้างของผลิตภัณฑ์ บริการหรือตลาดที่คล้ายกัน สายการบังคับบัญชา (Chain of Command)หมายถึง สายการสั่งการ และรายงานผลการปฏิบัติงานตามลำดับภายในองค์การตั้งแต่ระดับบนสุดจนถึงล่างสุดขอบเขต หรือขนาดการควบคุม (Span of Control)หมายถึง จำนวนของผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของผู้บริหารหนึ่งคน ผ่านบุคคลหลายระดับจำเป็นต้องสูงนักเนื่องจากต้องผ่านหลายระดับ ถ้าช่วงการบังคับบัญชาแคบมากๆ ทำให้ระดับการบริหารมีมากระดับ จำนวนผู้บริหารมาก รายจ่ายมาก สรุปได้ว่า การจัดองค์การ หมายถึง การจัดระบบความสัมพันธ์ระหว่างส่วนงานต่างๆ และบุคคลในองค์การ โดยกำหนดภารกิจ อำนาจหน้าที่และความรับผิดชอบให้ชัดแจ้ง เพื่อให้การดำเนินงานตามภารกิจขององค์การบรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ
|