การ ทำงาน ของ แอ พ พลิ เค ชั่ น

Application (แอปพลิเคชั่น) หรือที่ทุกคนเรียกกันสั้นๆ ว่า App (แอพ) มันคือ โปรแกรมที่อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ที่ออกแบบมาสำหรับ โทรศัพท์มือถือ Mobile (โมบาย) Tablet (แท็บเล็ต) หรืออุปกรณ์สื่อสารเคลื่อนที่ต่าง ๆ ที่เรารู้จักกัน ซึ่งในแต่ละระบบปฏิบัติการจะมีผู้พัฒนาแอปพลิเคชั่นขึ้นมามากมายเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งจะมีให้ดาวน์โหลดทั้งฟรีและจ่ายเงิน ทั้งในด้านการศึกษา ด้านกรสื่อสารหรือแม้แต่ด้านความบันเทิงต่างๆ เป็นต้น

โมบายแอพฯ จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ Native Application, Hybrid Applicationและ Web Application

1. Native App (เนทีฟ แอพ) คือ Application ที่ถูกพัฒนามาด้วย Library (ไลบรารี่) หรือ SDK (เอส ดี เค) เครื่องมือที่เอาไว้สำหรับพัฒนาโปรแกรมหรือแอปพิเคชั่น ของ ระบบปฏิบัติการบน โทรศัพท์มือถือ OS Mobile (Operating System Mobile) นั้นๆ โดยเฉพาะ อาทิเช่น:- Android (แอนดรอยด์) ใช้ Android SDK, iOS ใช้ Objective C และ Windows Phone  ใช้ C# (ซีฉาบ) เป็นต้น

2. Hybrid Application (ไฮบริด แอปพลิเคชั่น) คือ Application ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาด้วยจุดประสงค์ ที่ต้องการให้สามารถ รันบนระบบปฏิบัติการได้ทุก OS โดยใช้ Framework (เฟรมเวิร์ก) เข้าช่วย เพื่อให้สามารถทำงานได้ทุกระบบปฏิบัติการ

3. Web Application (เว็บแอปพลิเคชั่น) คือ Application ที่ถูกเขียนขึ้นมาเพื่อเป็น Browser (บราวเซอร์) สำหรับการใช้งานเว็บเพจต่างๆ ซึ่งถูกปรับแต่งให้แสดงผลแต่ส่วนที่จำเป็น เพื่อเป็นการลดทรัพยากรในการประมวลผล ของตัวเครื่องสมาร์ทโฟน หรือ แท็บเล็ต ทำให้โหลดหน้าเว็บไซต์ได้เร็วขึ้น อีกทั้งผู้ใช้งานยังสามารถใช้งานผ่าน อินเตอร์เน็ตและอินทราเน็ต ในความเร็วตํ่าได้

เป็นอย่างไรบ้างครับ พอจะเห็นถึงความหมายและความแตกต่างในด้านการใช้งานของแอพฯและโปรแกรมแล้วหรือยังครับ หวังว่าบทความนี้คงจะมีประโยชน์สำหรับคุณผู้อ่านนะครับ

ปัจจุบันการสถานการณ์แพร่ระบาดกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นจนภาครัฐและภาคเอกชนต้องออกมาตรการต่างๆ ควบคู่ไปกับการป้องกันตัว ไม่เว้นแม้แต่การอนุญาตให้พนักงานทำงานที่บ้านได้ซึ่งในปัจจุบันก็มี แอปพลิเคชัน ต่างๆไว้ใช้ประชุมติดต่อสื่อสารกันแบบตัวต่อตัวอย่างสะดวกสบายแต่ในบางองค์กรการ Work from Home ก็อาจจะมีอุปสรรคเรื่องการติดต่อสื่อสารกันในทีมเพราะทำงานต่างสถานที่ และอาจอยู่ไกลกันรวมถึงบางองค์กรก็มีพนักงานจำนวนมากจึงทำให้การสื่อสารติดขัด ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีผลต่อการเลือกตัวโปรแกรมประชุมออนไลน์ เพื่อให้สอดคล้องกับโจทย์ที่มี

ในช่วงเวลาวิกฤตแบบนี้ การทำงานที่บ้าน ดูจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดในสถานการณ์COVID-19 แต่ความจริงเเล้วการทำงานที่บ้านก็ไม่ต้องทำงานที่บ้านเพียงอย่างเดียว สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา เช่น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ศูนย์การค้า ช้อปปิ้งมอลล์ แต่ก็จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือที่มีความครบเครื่องและครบครันมากที่สุด ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้เราทำงานได้อย่างราบรื่น หลายคนก็ชอบการทำงานเเบบ Work From Home แต่บางคนก็ไม่ชอบเอาเสียเลยเราลองมาดู ข้อดี-ข้อเสียของ Work From Home กันดีกว่าว่ามีข้อไหนบ้างแล้วอาการของเรานั้นตรงกับข้อไหน
ข้อดีของการ Work from Home

1. ลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของไวรัส
2. ประหยัดค่าใช้จ่าย
3. ช่วยพัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ของพนักงานภายในองค์กร
4. เพิ่มความสะดวกสบายและทางเลือกใหม่ ๆ ในการทำงาน
5. ไม่ต้องเดินทาง
6. มีความสุขและผ่อนคลายมากกว่า

ข้อเสียของการ Work from home
1. ติดต่องานยาก
2. สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมกับการทำงาน
3. ทำงานได้ช้าลง
4. ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น
5. เสียสมาธิค่อนข้างง่าย
6. ปัญหาด้านประชุมออนไลน์ถี่มากกว่าเดิม

ทำให้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานเต็มเวลาอีกต่อไปแต่การทำงานก็ยังคงมีประสิทธิผลเช่นเดิมหรืออาจมากกว่าการทำงานรูปแบบเดิมที่ต้องนั่งประจำที่สำนักงานด้วยซ้ำไป

การ ทำงาน ของ แอ พ พลิ เค ชั่ น

ก่อนจะ Work From Home มีอะไรบ้างที่องค์กรต้องทำ

ในช่วงเวลาแพร่ระบาดของโรคนี้หลายๆคนก็อาจไม่ได้มีเวลาเตรียมตัวมาก่อน แต่ด้วยปัจจุบันมีแอปพลิเคชันและโปรแกรมมากมายที่เป็นประโยชน์สำหรับการ Work from Home ในการสื่อสารและการประชุมก็สามารถทำได้ง่ายขึ้น ซึ่งองค์กรหลายๆองค์กรทั่วโลกต่างก็นำมาใช้ หากคุณต้อง Work From Home แล้วล่ะก็ แอปพลิเคชัน Work From Home เหล่านี้คือสุดยอดแอปที่ใช้ทำงานได้

Slack
เป็นแอพพลิเคชั่นสำหรับ ‘team communication’ หรือการสื่อสารกันภายในทีม สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้หลายรูปแบบทั้งข้อความธรรมดา ไฟล์ภาพ วิดีโอ ลิงก์
Zoom
แอพพลิเคชั่นที่ใช้สำหรับการประชุม คุยงาน อบรม สัมมนา หรือเปิดคอร์สสอนออนไลน์ รองรับผู้เข้าใช้งานได้ 50 คน
Skype
โปรแกรมติดต่อสื่อสารแบบ Real Time จุดเด่นของแอพพลิชันนี้คือ คุณภาพของภาพและเสียงที่คมชัด
Line Meeting
ประชุมพร้อมกันสูงสุด 200 คนรองรับการใช้งานทุกอุปกรณ์สร้างและสามารถแชร์หน้าจอ / ไฟล์ต่างๆร่วมกันได้
Microsoft Teams
คล้ายกับ Slack และเป็นส่วนหนึ่งของ Office 365 Microsoft Teams เป็นอีกทางเลือกที่สามารถใช้แทน Slack ได้
Cisco Webex Meetings
จำกัดการประชุม 50 นาทีสำหรับบัญชีฟรี และจำกัดจำนวนผู้ใช้งาน 100 คนเป็นที่นิยมเนื่องจากกลยุทธ์ในการให้บริการฟรี จึงมีการขยายตัวของการใช้งานมากขึ้น ด้วยฟังก์ชั่น active view
Google Meet
จำกัดการประชุม 60 นาทีสำหรับบัญชีฟรี ถ้าประชุมแบบ 1:1 สามารถใช้งานได้ 24 ชั่วโมง และจำกัดจำนวนผู้ใช้งาน 100 คน
Trello
เพื่อติดตามงานของคุณและประสานกับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Time Doctor
ตรวจสอบติดตามการทำงานและติดตาม จัดการ และรายงานประสิทธิภาพการทำงาน

ซึ่งแอปพลิเคชันเหล่านี้ทำให้คุณสามารถ Work from Home ได้ดียิ่งขึ้นไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเข้าเว็บไซต์ หรือการประชุมต่างๆก็ทำได้อย่างสะดวกและองค์กรดัง ๆ หลายที่เขาใช้กันแพร่หลาย

ในแอปด้านบนก็รวมเเอปประชุมออนไลน์และapplication ช่วยในการทำงาน Work from Home เพราะการทำงานสมัยนี้ ไม่ได้จำกัดว่าต้องนั่งทำงานอยู่แค่ออฟฟิศไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหาร ร้านกาแฟ ศูนย์การค้า ช้อปปิ้งมอลล์ ซึ่งประโยชน์ของแอปพลิเคชัน Work From Home ก็มีมากหลายอย่างเช่น
1.ยืดหยุ่นในการทำงาน
2.ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
3.ช่วยให้ทำงานง่ายขึ้น
4.เข้าถึงการทำงานได้มากขึ้น
5.ได้ทดลองใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ
6.เกิดการพัฒนาผลงานด้วยไอเดียใหม่ ๆ

และทั้งหมดนี้ก็คือแอปพลิเคชั่น ที่ช่วยทำให้การทำงานแบบ Work from Home มีประสิทธิภาพเหมือนยังทำงานอยู่ออฟฟิศ แต่สุดท้ายเเล้วเราก็คงต้องเลือกตามความสะดวกของคุณและคนในทีมที่ต้องใช้ร่วมกันว่าจะเลือกใช้แอปตัวไหนและวิธีการไหน

Application คืออะไร มีความสำคัญอย่างไร

Application (แอพพลิเคชั่น) หรือที่ทุกคนเรียกกันสั้นๆ ว่า App (แอพ) มันคือ โปรแกรมที่อำนวยความสะดวกในด้านต่างๆ ที่ออกแบบมาสำหรับ Mobile (โมบาย) Teblet (แท็บเล็ต) หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ ที่เรารู้จักกัน ซึ่งในแต่ละระบบปฏิบัติการจะมีผู้พัฒนาแอพพลิเคชั่นขึ้นมามากมายเพื่อให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน ซึ่งจะมีให้ดาวน์โหลด ...

ลักษณะการใช้งานของแอปพลิเคชันมีกี่ประเภท

โมบายแอพพลิเคชั่น จะแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ Native Application,Hybrid Application และ Web Application.

แอปพลิเคชั่นสามารถใช้งานในระบบปฏิบัติการใด

ซึ่งความแตกต่างของแอปพลิเคชัน คือมันได้ถูกย่อส่วนลงมา และเป็นส่วนหนึ่งของซอฟต์แวร์ที่ใช้ทำงานเฉพาะทาง นอกจากนี้แอปพลิเคชันจำเป็นต้องมีระบบปฏิบัติการมารองรับถึงทำงานได้เช่นระบบปฏิบัติการ Windows, MacOS, iOS และ Android เป็นต้น ขณะที่ซอฟต์แวร์ไม่จำเป็นต้องทำงานผ่านระบบปฏิบัติการเสมอไป

แอพพลิเคชั่นคืออะไรฃ

เว็บแอพลิเคชั่น หรือที่รู้จักกันในชื่อสั้น ๆ ว่า “เว็บแอป (Web App)" เป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์หนึ่งที่ทำหน้าที่เฉพาะ โดยใช้เว็บเบราว์เซอร์เป็นไคลเอนต์ (Client) ซึ่งไคลเอนต์นี้เป็นระบบหรือแอพลิเคชั่น ที่สามารถเชื่อมต่อเข้ากับระบบคอมพิวเตอร์อื่นที่เรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ได้