ไม่มีอาการคนท้อง

  1. หน้าหลัก
  2. บทความสุขภาพ
  3. แบบนี้สิท้องแล้ว

แบบนี้สิท้องแล้ว

ไม่มีอาการคนท้อง

HIGHLIGHTS:

  • ความเครียดหรือความวิตกกังวล อาจทำให้ประจำเดือนผิดปกติ จนเข้าใจผิดว่ากำลังตั้งครรภ์
  • คลื่นไส้ – อาเจียน เหม็นไปหมดทุกอย่าง เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย ปัสสาวะบ่อย ท้องผูก เหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าคุณ “ท้อง”
  • หากมีการตั้งครรภ์ อาจเกิดการตกขาวได้เพราะการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน แต่ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ กับการตั้งครรภ์

คุณผู้หญิงหลายคน หากประจำเดือนขาดไปสัก 5-7 วัน รวมถึงมีอาการคลื่นไส้อาเจียนเล็กน้อย มักทึกทันทันทีว่า “ท้องแน่” ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว อาการของคนท้อง นั้นมีหลากหลายแตกต่างกัน

สัญญาณที่บ่งบอกว่า “ท้อง”

  • ประจำเดือนขาด หากประจำเดือนที่เคยมาอย่างสม่ำเสมอและค่อนข้างตรงเวลา แต่อยู่ๆ เกิดขาดไป นี่คือสัญญาณ เบื้องต้นที่จะทำให้เชื่อได้ว่าคุณแม่กำลังตั้งครรภ์ เพื่อให้แน่ใจแนะนำให้ซื้อเครื่องตรวจการตั้งครรภ์มาตรวจ เพราะการที่ประจำเดือนไม่มา อาจมาจากสาเหตุอื่น เช่น มีความเครียด หรือวิตกกังวลสูง รวมถึงอาการป่วย
  • คลื่นไส้ – อาเจียน เป็นสัญลักษณ์ของการตั้งครรภ์ก็ว่าได้ อาการคลื่นไส้อาเจียนมักเกิดขึ้นหลังจากที่ตัวอ่อนปฏิสนธิได้ 1 เดือน อย่างไรก็ตามอาการคลื่นไส้ไม่ใช่สูตรสำเร็จของการตั้งครรภ์เสมอไป บางคนอาจไม่มีอาการแพ้ท้องเลย ในขณะที่บางคนกลับแพ้ท้องอย่างหนักจนถึงเดือนสุดท้ายก่อนคลอด แต่ส่วนใหญ่แล้วอาการคลื่นไส้จะบรรเทาลงได้เมื่อการตั้งครรภ์เข้าสู่ระยะไตรมาสที่ 2 (ช่วงเดือนที่ 4-6)
  • ได้กลิ่นเหม็นรุนแรง ผลจากฮอร์โมนเอสโตรเจนที่เพิ่มขึ้นขณะตั้งครรภ์ อาจทำให้กลายเป็นคนจมูกไว ได้กลิ่นอะไรก็พานเหม็นจนอยากอาเจียน บางครั้งอาจถึงกับทนกลิ่นน้ำหอมเดิมของตัวเองไม่ได้
  • เจ็บหน้าอก คัดเต้านม การตั้งครรภ์ในไตรมาสแรก (ช่วงเดือนที่ 1-3) อาจทำให้หน้าอกมีอาการบวม เนื่องจากมีเลือดไปเลี้ยงบริเวณหน้าอกมากขึ้น จนบางครั้งเกิดการคัดเต้านม รวมถึงหน้าอกไวต่อสัมผัสหรือรู้สึกตึงคล้ายกับอาการช่วงมีประจำเดือน
  • เหนื่อยล้า รู้สึกเหนื่อยมากๆ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรเลย มีอาการง่วงเหงาหาวนอนตลอดทั้งวัน อาจเป็นผลจากระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่อาการดังกล่าวจะบรรเทาลงเมื่อเข้าช่วงไตรมาสที่ 2 (ช่วงเดือนที่ 4-6)
  • เลือดออกทางช่องคลอด คุณแม่บางท่านอาจมีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด ในช่วงหลังจากตัวอ่อนปฏิสนธิได้ 11-12 วัน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับประจำเดือนขาด เลือดที่ไหลออกมามักเป็นเลือดจางสีแดงหรือชมพู และจะหยุดไปเองภายใน 1-2 วัน แต่หากพบว่ามีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอดร่วมกับอาการปวดท้อง ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของภาวะท้องนอกมดลูกหรือการแท้งบุตรได้
  • ปัสสาวะบ่อย หลังจากประจำเดือนขาดไป 1-2 สัปดาห์ คุณแม่จะปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ เนื่องจากร่างกายผลิตเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ มากขึ้น ทำให้ไตขับของเสียในรูปของของเหลวมากขึ้นตามไปด้วย
  • ท้องผูก เมื่อตั้งครรภ์ ฮอร์โมนในร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง ทำให้การย่อยอาหารช้าลง รวมถึงมดลูกขยายตัว กดทับลำไส้ อาจทำให้คุณแม่หลายคนมีอาการท้องผูก ระหว่างตั้งครรภ์จึงควรรับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ดื่มน้ำมากๆ และออกกำลังกายเบาๆ สม่ำเสมอ
  • หงุดหงิด โกรธง่าย สตรีตั้งครรภ์มักมีอารมณ์หงุดหงิด โกรธง่าย ใจน้อยเป็นประจำ เนื่องจากร่างกายของคุณแม่กำลังพยายามปรับตัวเข้าสู่สมดุลใหม่ หากทำความเข้าใจ อารมณ์ของคุณแม่ก็จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ไม่ยาก
  • เกิดตกขาวเล็กน้อย เมื่อฮอร์โมนเอสโตรเจนมีการเปลี่ยนแปลง อาจทำให้มีเลือดมาคั่งบริเวณช่องคลอดตรงคอมดลูก ทำให้ต่อมต่างๆ ที่คอมดลูกทำงานมากขึ้น จึงมีน้ำไหลออกมาจากช่องคลอดมากขึ้น เมื่อมาเจอกับแบคทีเรียที่มีตามปกติที่ช่องคลอดก็จะย่อยน้ำบริเวณนี้ กลายเป็นตกขาวได้ แต่ไม่ได้เป็นอันตรายใดๆ

แม้อาการตั้งครรภ์ของคุณแม่ส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกัน แต่ก็มีอีกหลายอาการที่อาจเกิดกับบางคนเท่านั้น ในขณะที่ บางรายแทบไม่มีอาการใดเลย ทั้งนี้หากพบและมั่นใจว่าตั้งครรภ์ คุณแม่ควรดูแลสุขภาพในระยะแรกของการตั้งครรภ์ โดยรับประทานอาหารที่ มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ และออกกำลังกายที่เหมาะสม รวมถึงไปฝากครรภ์เพื่อรับคำแนะนำจากแพทย์

นต.พญ. ณัฐยา รัชตะวรรณ

อนุสาขาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์

ดูประวัติ

คุณแม่บางรายมีการตั้งครรภ์ โดยไม่มีอาการผิดปกติของร่างกายอย่างอื่นแสดงออกมาเลย นอกจากการที่ประจำเดือนขาดเท่านั้น ซึ่งก็ทำให้เกิดความสงสัยและเป็นกังวลว่า ท้องแต่ไม่มีอาการแบบนี้ จะผิดปกติไหม วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจให้กับคุณแม่กันค่ะ

ท้องแต่ไม่มีอาการ ผิดปกติไหม

สำหรับคุณแม่บางคนที่ท้องแต่ไม่มีอาการ ดูเหมือนปกติทุกอย่าง ไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียนหรือเวียนหัวเหมือนคุณแม่ท่านอื่นๆ นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณจะผิดปกติ เพราะการตั้งครรภ์อาจจะเกิดอาการแพ้ท้องหรือไม่ก็ได้ บางคนก็แพ้ท้องหนักมาก ในขณะที่บางคนแพ้ท้องเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการอะไรเลย นอกจากประจำเดือนขาดเท่านั้น ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องดีที่คุณแม่ไม่ต้องทรมานกับอาการแพ้ท้อง แต่ทั้งนี้ก็ต้องดูแลสุขภาพให้ดี และรีบไปฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าท้องเช่นกัน

อาการแพ้ท้อง เกิดจากอะไร

อาการเริ่มต้นของคนท้องเกิดจากการที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากการปฏิสนธิเกิดขึ้น ซึ่ง….

1. ทำให้ระบบฮอร์โมนในร่างกายมีการหลั่งออกมามากผิดปกติ เพื่อเตรียมความพร้อมให้ร่างกายมีพลังงานมากพอที่จะให้ตัวอ่อนได้เจริญเติบโตนั่นเอง

2. ช่วงนี้อุณหภูมิในร่างกายจะปรับตัวสูงขึ้น หัวใจทำงานสูบฉีดโลหิตมากขึ้น เพื่อให้มีการไหลเวียนของเลือดและลำเลียงสารอาหารได้มากพอที่จะหล่อเลี้ยงร่างกายทารก ร่างกายต้องทำงานหนัก ความร้อนในร่างกายมีมาก ทำให้คุณแม่เหนื่อยง่าย มีอาการอ่อนเพลีย ระบบย่อยอาหารและลำไส้มีการแปรปรวน จึงเกิดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ และคลื่นไส้อาเจียนได้

อย่างไรก็ตามใช่ว่าอาการเหล่านี้จะเกิดกับทุกคน บางคนก็ท้องแต่ไม่มีอาการได้เหมือนกัน

อาการคนท้องส่วนใหญ่ เป็นแบบไหน

สำหรับคุณแม่ที่ท้องแต่ไม่มีอาการ ก็คงจะสงสัยกันใช่ไหมว่า แล้วอาการคนท้องส่วนใหญ่เป็นแบบไหน ดังนั้นเรามาดูกัน

1.ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน

อาการแพ้ท้องที่จะเกิดได้บ่อยอย่างแรกคือ อาการเวียนศีรษะ ในบางรายอาจปวดศีรษะมากขึ้น เนื่องจากร่างกายมีความร้อนเพิ่มขึ้น โดยคุณแม่ควรดูแลสุขภาพของตัวเองดังนี้

  • ดื่มน้ำมากๆ กินผักผลไม้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผักผลไม้ที่มีฤทธิ์เย็น เช่น แตงกวา แตงโม สับปะรด ชมพู่ แก้วมังกร
  • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน เช่น ขนมเบเกอรี่ทุกชนิด ของทอด เพราะจะทำให้ความร้อนในร่างกายเพิ่มมากขึ้นจนทำให้มีอาการปวดศีรษะนั่นเอง
  • กินผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เพราะสามารถบรรเทาอาการคลื่นไส้ อาเขียนได้ดี โดยอาจจะชงน้ำมะนาวผสมน้ำแข็งดื่มเป็นเครื่องดื่มเย็นๆ หลังจากมื้ออาหารที่ประกอบไปด้วยข้าวต้มปลาโรยขิงซอยและใบคึ่นช่าย หรือจะกินผลไม้รสเปรี้ยว เช่นมะยม มะม่วง หรือส้มโอก็ได้เช่นกัน

2.อ่อนเพลีย เป็นลมได้ง่าย

ในคุณแม่ตั้งครรภ์ช่วงไตรมาสแรก อาจจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะขณะที่อยู่ในที่แออัด อากาศไม่ถ่ายเท เนื่องจากร่างกายมีการเปลี่ยนแปลง เลือดน้อยเนื่องจากต้องใช้การนำพาออกซิเจนการไหลเวียนเลือด นอกจากนี้ในคุณแม่หลายรายอาจจะมีอาการง่วงนอนตลอดเวลาเพราะร่างกายต้องการพักผ่อน

3.เบื่ออาหาร กินได้น้อย หรือรู้สึกขมในปาก

ในช่วงแรกที่เริ่มตั้งครรภ์คุณแม่อาจจะรู้สึกเบื่ออาหาร ได้กลิ่นเหม็นกินอาหารไม่ได้ โดยช่วงนี้หากกินอาหารคาวไม่ได้ก็อาจกินผลไม้หรือผักสดแทนไปก่อน โดยมื้อไหนกินได้ก็กิน มื้อไหนกินไม่ได้ก็ไม่ต้องฝืน เพราะการสร้างร่างกายของทารกในครรภ์ยังไม่ได้จำเป็นต้องใช้สารอาหารจากที่คุณแม่กินเข้าไปในช่วงนี้ แต่เกิดจากการใช้พลังงานและสารอาหารที่สะสมอยู่ในร่างกายของคุณแม่ช่วงก่อนตั้งครรภ์ จึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของทารกเท่าไหร่ รอจนอาการดีขึ้นแล้วค่อยกินก็ยังทัน

4.อยากกินอาการแปลกๆ กินจุ กินได้บ่อยขึ้น

สำหรับคุณแม่บางรายเมื่อตั้งครรภ์ อาจจะรู้สึกอยากกินอาหารแปลกที่ไม่เคยกิน หากเป็นอาหารชนิดที่มีประโยชน์และไม่เคยกิน เมื่ออยากกินมากก็ลองกินดูพอหายอยาก ก็คงไม่เป็นไร สำหรับคุณแม่บางรายในช่วงตั้งครรภ์และแพ้ท้องแต่กลับกินอาหารได้มากขึ้น กินจุขึ้น ก็ควรเลือกอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงการกินของหวาน มัน หรือรสจัดจนเกินไปด้วย

5.ปัสสาวะบ่อยขึ้น

อาการเริ่มต้นของคนท้องจะมีอาการปวดปัสสาวะได้บ่อยขึ้น เนื่องจากมีการขยายตัวของมดลูกไปเบียดกระเพาะปัสสาวะ จึงทำให้มีอาการปวดบ่อยๆ  เมื่อขับถ่ายปัสสาวะแล้วควรล้างทำความสะอาดให้ดี และไม่ควรกลั้นปัสสาวะ เพราะจะทำให้เกิดอาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบได้นั่นเอง

ท้องแต่ไม่มีอาการ จะมั่นใจได้อย่างไรว่าลูกปลอดภัย

ถึงแม้จะท้องแต่ไม่มีอาการหากคุณแม่สังเกตุตัวเองโดยจดจำวันประจำเดือนมาครั้งสุดท้ายได้ และได้รับการบำรุงด้วยอาหารที่มีโฟเลตสูงในช่วงไตรมาสแรก อีกทั้งการหลีกเลี่ยงอาหารที่เป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ และรีบฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าท้อง ก็มั่นใจได้เลยว่าทารกในครรภ์จะปลอดภัยแน่นอน

การตั้งครรภ์ถึงแม้ว่าจะไม่มีอาการแสดงออกมาให้เห็น ก็ถือเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นคุณแม่ไม่ต้องกังวลเลย เพียงแต่จะต้องรีบฝากครรภ์ทันทีที่รู้ว่าท้อง พักผ่อนเยอะๆ เน้นทานอาหารที่มีประโยชน์ และหลีกเลี่ยงอาหารที่อาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ เท่านี้ก็ตั้งครรภ์ได้อย่างปลอดภัย และมีสุขภาพกาย สุขภาพจิตที่ดีตลอดการตั้งครรภ์แล้วล่ะ

อ้างอิง pobpad, paolohospital

= = = = = = = = = = = =

ติดตามความรู้ดี ๆ  และสาระดี ๆ เพิ่มเติม สำหรับแม่ตั้งครรภ์ และลูกน้อย ได้ที่ www.konthong.com หรือ ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกัน ได้ที่
https://www.facebook.com/teamkonthong/

We promise to provide the knowledge and know-how for new mom. More and more solutions about how can you grow up your baby. Feel free to contact us if any problems have occurred or have any questions you would like to know. Don’t forget to follow and keep in touch with us on Facebook

https://www.facebook.com/teamkonthong/

บทความน่ารู้ เพิ่มเติม คลิกเลย …..

1.7 อาหารแก้แพ้ท้อง สยบอาการคลื่นไส้ อาเจียนอย่างได้ผล

2.แพ้ท้องระดับไหน เช็คสิ อาการแพ้ท้องของคุณ รุนแรงหรือไม่

ไม่มีอาการ ท้องได้ไหม

ได้มีสูตินรีแพทย์ออกมายืนยันแล้วว่า “อาการท้องไม่รู้ตัว” สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยหรือบางคนไม่มีอาการใด ๆ ทำให้ว่าที่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ไม่สงสัยหรือรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องอยู่ในช่วงแรก และใช้ชีวิตประจำวันปกติ โดยจะเริ่มรู้ตัวว่าท้องเมื่อเข้าสู่ช่วงสัปดาห์ที่ 6 แล้วบางรายพบว่ากว่าจะรู้ตัว ...

ทำไมท้องแต่ตรวจไม่เจอ

โดยปัจจัยที่อาจส่งผลต่อการตรวจการตั้งครรภ์ทางปัสสาวะเช่นช่วงเวลาในการตรวจเร็วเกินไป โดยบางครั้งการตรวจในเลือดอาจจะพบได้ไวกว่าการตรวจปัสสาวะ ค่าความไวในการตรวจของชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ความเข้มข้นของปัสสาวะเช่นถ้าปัสสาวะเจือจางเกินไปอาจตรวจไม่เจอ หรือการรับประทานยาบางประเภทที่อาจมีผลต่อชุดตรวจ

จะรู้ได้ไงว่าท้อง 1 อาทิตย์

เช็กเลย!.
ประจำเดือนขาด ... .
มีตกขาวมากผิดปกติ ... .
มีเลือดซึมออกทางช่องคลอด ... .
เต้านมมีการเปลี่ยนแปลง ... .
ปวดหัว/ เวียนศีรษะ ... .
คัดเต้าและเจ็บหัวนม ... .
ปวดหลัง ... .
ปัสสาวะบ่อย.

อาการคนท้องไม่รู้ตัว เป็นยังไง

อาการที่ควรสังเกต เพราะอาจเป็นสัญญาณของการตั้งครรภ์ ดังนี้ ประจำเดือนขาด หากเพิ่งมีเพศสัมพันธ์โดยที่ไม่ได้คุมกำเนิดไปไม่นาน และประจำเดือนขาดหรือไม่มาเกิน 1 สัปดาห์ อาจหมายความกำลังเริ่มการตั้งครรภ์ อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่ประจำเดือนมาไม่ปกติบ่อยครั้งอาจไม่ทันสังเกตอาการ และอาจทำให้เข้าใจผิดได้