วันนี้เราจะออกเดินทางไปดูภูเขาที่ดังที่สุดในประเทศสวิตเซอร์แลนด์กันค่ะ นั่นคือภูเขาที่ Matterhorn นั่นเอง ซึ่งเป็นภูเขาที่ขึ้นชื่อมากๆ ใครมาเที่ยวประเทศสวิตเซอร์แลนด์แล้วคือไม่ควรพลาดค่ะ Show วันนี้เป็นวันที่ 9 แล้วของทริป เที่ยว 14 วันที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ด้วยการขับรถเที่ยวด้วยตัวเอง โดยเดินทางจากประเทศเยอรมนีค่ะ ทริปของเราเป็นการเที่ยวแบบง่ายๆ ที่พักไม่เน้นเรียบหรู เที่ยวกันแบบสบายๆ ตามสไตล์ของเราสองคนค่ะ เมื่อวาน เราสองคนได้ไปเที่ยวที่ทะเลสาบ Oeschinensee กันมาค่ะอ่านได้จากลิงค์นี้
แพลนทริป 14 วันของเราได้จากลิงค์ตรงนี้ได้เลยค่ะ
และ รีวิวที่ที่พักทั้งหมดของทริปนี้ 4 ที่ 4 สไตล์จากลิงค์ตรงนี้
ทำไมไม่ขับรถไป?หลายคนอาจจะคิดว่า เออ แล้วทำไมไม่ขับรถไปกันเอง ในเมื่อก็ขับรถมาเที่ยวกันอยู่แล้ว ที่จริงตอนแรกเราสองคนก็อยากที่จะขับรถไปกันเองค่ะ แต่จากที่ดูข้อมูลแล้วจากเมือง ไปเมือง รถไม่สามารถที่จะเข้าถึงได้เพราะว่าเมือง Zermatt เป็นเมืองที่ปลอดรถยนต์ รถยนต์ส่วนตัวอนุญาตให้เข้าถึงได้จนถึงเมือง Täsch เท่านั้น จาก Täsch เราจะสามารถเดินทางต่อไปได้โดย รถไฟ แท็กซี่ หรือรถลีมูซีนเพื่อไปยังเมือง Zermatt ค่ะ (เมือง Täsch อยู่ห่างจาก Zermatt เป็นระยะทาง 5 กม.) และไม่ใช่แค่นั้นเพราะก่อนที่จะถึงเมือง Täsch ถ้าเราขับรถไปเราต้องเสียเงิน 2 รอบกับการที่ต้องเอารถขึ้นรถไฟ เพื่อที่จะทะลุอุโมงค์ทั้งไปทั้งกลับเลย แถมมันต้องนั่งเสียเวลาในการที่จะต่อคิวเอารถขึ้นรถไฟอีกต่างหากทำให้ดูยุ่งยากมาก และจากที่ใด้คุยกับพนักงานของเจ้าหน้าที่ขายตั๋วในเมือง Kansersteg แล้วเขาก็แนะนำว่า เราควรนั่งรถไฟไป Zermatt จะสะดวกที่สุดค่ะ แถมยังประหยัดกว่าด้วย แถมเราซื้อบัตร Erlebniss Card แล้วด้วยใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้นบัตรนี้จะรวมทั้งค่ารถไฟจากเมือง Kansersteg นี้ไปเมือง Zermatt ด้วยค่ะ นอกจากนั้นบัตร นี้ยังสามารถที่จะใช้ลดราคาขึ้นเขา Matterhorn ได้ด้วยอีกถึง 50% เลย ซึ่งถือว่าคุ้มมากๆเลย วิธีการเดินทางจากเมือง Kandersteg ไปเมือง Zermattวันนี้เป็นวันที่เราสองคนต้องตื่นแต่เช้าเป็นพิเศษ รถไฟรอบเช้าสุดคือ 7:41 น ซึ่งเป็นรอบที่เราเลือกที่จะนั่งกันในวันนี้ค่ะ เพราะ จากที่ดูใน Time Table แล้วถ้านั่งรถรอบนี้จะไปถึงที่เมือง Zermatt ประมาณ 09:50 น กว่าซึ่งถือว่าเวลากำลังพอดี และอีกอย่างหนึ่งที่อยากจะบอกคือ ตารางรถไฟต่างๆ เราสามารถดูได้จากเว็บไซต์ SBB ดูหรือจะให้ดีควรโหลด App ของ SBB มาไว้ที่มือถือก็ได้ สำคัญมาก +++บัตร Erlebniss Card ก่อนใช้เราต้องปั๊มบัตรเพื่อลงวันที่ วันที่ใช้บัตรก่อนนะ เผื่อเจ้าหน้าที่ตรวจ และปั๊มก็ตอนที่เราจะใช้ในวันนั้นๆ ถ้าเราปั๊มแล้วไม่ใช้ ถือว่าเราเสียสิทธิ์วันนั้นไปแล้วนะ เพราะฉะนั้นต้องระวังปั๊มเฉพาะวันที่ใช้เท่านั้นค่ะ ถ้าเราไม่ปั๊มบัตรก่อนใช้ แล้วเจ้าหน้าที่มาตรวจ เรามีโอกาสที่จะโดนปรับได้ค่ะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมโดยเด็ดขาด เหมือนในรูปพอเราปั๊มเสร็จแล้ว ที่ปั๊มจะแสดงให้เห็นวันเดือนปีและเวลาที่เราปั๊มในบัตร คือวันที่เราใช้งานค่ะ ที่ปั๊มจะอยู่แถวสถานีรถไฟทั่วไป การเดินทางของเราจากเมือง Kandersteg คือนั่งรถไฟไปเมือง Brig เปลี่ยนเครื่อง แล้วนั่งต่อไปเมือง Visp เปลี่ยนรถจากนั้นก็ถึง Zermatt ค่ะ สถานีรถไฟที่พูดถึงนี้ไม่ใหญ่มากเพราะฉะนั้นการต่อรถไฟคือไม่ยากเลยค่ะ ตามรูปข้างบนนี้เลยค่ะ พอมาถึงเมืองตอน 10:00 น พอเราออกจากสถานีรถไฟก็เห็นสถานีรถไฟที่จะขึ้นไปภูเขาตั้งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟปกติเลยซึ่งถือว่าสะดวกมาก เราเดินเข้าไปในสถานีรถไฟที่จะขึ้นเขาก็เดินไปต่อคิวเพื่อซื้อตั๋วกัน เรามีบัตร Erlebniss Card ด้วยเราก็ยื่นให้พนักงานดูด้วยระหว่างที่ซื้อบัตร เพื่อจะได้ลด 50 % จากราคาปกติ ซึ่งถือว่าดีแล้วก็คุ้มมากค่ะ ถ้าใครมี Swiss Travel Pass ก็ลด 50 % เหมือนกันค่ะ และระหว่างซื้อเราควรบอกเจ้าหน้าที่ด้วยว่าเราจะลงสถานีสูงสุดคือสถานี Gornergrat นะ ตั๋วราคาปกติราคาผู้ใหญ่ ราคา 88 ฟรังก์ (เราโชร์บัตร Erlebniss Card ได้ลด 50 % เป็น 44 ฟรังก์ค่ะ) เด็กอายุตั้งแต่ 6 ถึง 15.99 ปี ราคา 44 ฟรังก์ เด็กที่มีบัตรจูเนียร์ และสุนัข สามารถเดินทางได้ฟรี ในฤดูร้อน ถ้าเด็กอายุไม่เกิน 5.99 ปี และในฤดูหนาวอายุไม่เกิน 8.99 ปีสามารถเดินทางได้ ฟรี ค่ะ สามารถดูราคาอัปเดตได้ที่ https://www.gornergrat.ch/de/pages/preise-gornergrat-bahn ระหว่างที่ขึ้นควรเลือกนั่งทางด้านขวามือนะคะ (ถ้าเป็นไปได้) เพราะเราจะได้เห็นวิว Matterhorn ตลอดทางที่รถไฟวิ่งเลย และรถไฟก็จะวิ่งช้าๆ ซึ่งเป็นภาพที่สวยงามมากๆค่ะ จุดมุ่งหมายของนักท่องเที่ยวส่วนมากจะลงที่สถานี Rotenboden และสถานี Gornergrat (จุดสูงสุด) ซึ่งเป็นจุดที่เห็นเขาชัดและสวยที่สุด บางคนอาจจะขึ้นไปบนสถานีสูงสุดก่อน Gornergrat แล้วค่อยนั่งรถไฟลงมาสถานี Rotenboden ก็ได้ค่ะ เราสองคนเลือกลงสถานี Rotenboden กันก่อนค่ะ เนื่องจากอยากไปถ่ายรูปกับทะเลสาบ Riffelsee และ Matterhorn ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะมากันเยอะ ควรเลือกมาวันที่อากาศดีๆนะคะจะได้เห็นวิวภูเขาทั้งลูก แต่บางทีก็ใช้ว่าอากาศดีแล้วจะโชคดีเห็นนะคะเพราะบางทีก็มีเมฆตรงยอดเขาทั้งวันเหมือนกันค่ะ เราถ่ายรูปตรงนั้นจนพอใจ ไม่ไกลจาก Matterhorn ก็จะเห็นวิวอลังการงานสร้างอยู่ข้างๆ ตรงนี้ก็ wowwww สุดๆ!!! นักเดินเขาก็มีมาเดินเยอะมากเลยค่ะ โดยเฉพาะซึ่งสามารถเดินได้หลายเส้นทางถ้าจะนิยมมากในแถวนี้ก็คือเส้น Gornergletscher และก็เส้น จากสถานี Rotenboden ไปสถานี Gornergrat ค่ะ ถ่ายรูปรัวๆจนแบตเกือบจะหมด สถานี Gornergrat จากสถานีนี้จะเห็น Matterhorn แบบชัดเจนอีกที่ค่ะ Matterhorn จะอยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 4478 เมตร เป็นหนึ่งในภูเขาที่สูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ เนื่องจากรูปร่างที่โดดเด่นและประวัติการปีนเขา Matterhorn จึงเป็นภูเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก สำหรับสวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นแลนด์มาร์กและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีการถ่ายภาพมากที่สุดแห่งหนึ่ง พากันนั่งดื่มเครื่องดื่มชิวๆนั่งดูวิวภูเขากันค่ะ ร้านอาหารตรงนี้เป็นแบบบริการตัวเองนะคะ ราคาถือว่าไม่แพงมากจนเกินไป ถ้าเทียบกับวิวที่เห็นข้างหน้าแล้ว คือคุ้มมากค่ะ เราอยู่ข้างบนกันจนถึง 15:00 น เราก็ตัดสินใจที่จะลงกันแล้วค่ะ เพื่อจะไปเดินเล่นที่ในเมือง Zermatt กันต่อ ก่อนที่จะนั่งรถไฟกลับที่พักกัน โชคดีมากช่วงที่เราลง ไม่ค่อยมีคนเหมือนตอนช่วงที่ขึ้น เนื่องจากเป็นช่วงบ่ายมากแล้วนักท่องเที่ยวไม่ค่อยมีแล้วทำให้เราได้นั่งเลือกมุมที่เรานั่งได้ และถ่ายรูปได้สบายๆค่ะ เดินเที่ยวในเมือง Zermattลงมาจากเที่ยวบนเขาเสร็จก็พากันแวะเดินเที่ยวในเมือง Zermatt กันต่อค่ะ เมืองนี้คือเมืองดังอีกเมืองในสวิตเซอร์แลนด์ที่นักท่องเที่ยวจะมากัน เพราะเป็นจุดที่ขึ้นเขาชื่อดังอย่าง Matterhorn นั่นเอง เพราะฉะนั้นไม่แปลกใจเลยที่เมืองจะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว ที่ส่วนมากเดินทางมาเพื่อเดินเขา ปีนเขา ปั่นจักรยาน(ภูเขา) หรือไม่ก็เพื่อยลโฉม Matterhorn (เหมือนเราสองคน)กันก็ตาม ก็จะแวะมาเที่ยวเมือง Zermatt กันต่อ หรือบางคนก็เลือกที่จะพักกันที่เมืองนี้เลย เพื่อความสะดวกต่อการเดินทาง ….เมืองนี้เป็นเมืองปลอดมลพิษ เพราะเค้าใช้รถไฟฟ้ากันค่ะ เพราะฉะนั้นพอมาถึงเมืองนี้ก็จะเห็นรถบัสไฟฟ้าคันเล็กๆของโรงแรมต่างๆในเมือง Zermatt รอขับรับ-ส่งนักท่องเที่ยวและแขกผู้เข้าพักของโรงแรมของตัวเองอยู่ทั่วไป (โดยเฉพาะแถวสถานีรถไฟ)…. นอกจากนั้น ในเมืองยังเต็มไปด้วยโรงแรมสวยๆ แหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหารน่านั่งมากมาย เมืองนี้ช่างมีทุกอย่างจริงๆ ทั้งที่นักท่องเที่ยวเยอะขนาดนี้ แต่เมืองก็สวยและสะอาดตา แถมยังมีดอกไม้ตามมุมเมือง ตามตึกต่างๆดูสดใสงดงามยิ่งนัก จัดได้ว่าเป็นเมืองที่มีสีสัน มีชีวิตชีวา และน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นเมืองที่น่าพักมากๆค่ะ เพราะมีทุกอย่างจริงๆ เดินเที่ยวในเมืองเกือบ 2 ชั่วโมงก็พากันกลับ วันนี้เป็นวันที่เราสองคนใช้เวลาได้คุ้มมาก โชคดีที่อากาศเป็นใจด้วย เป็นอีกหนึ่งวันที่ประทับใจมากเลยค่ะ 🙂 ขึ้น Matterhorn ทาง ไหนดี pantipแนะนำว่าให้นั่งทางฝั่งขวาของขบวนนะคะ จะได้ชมวิวรัวรัว หลังจากนี้จะบอกเส้นทางการนั่งรถไฟ ต่อกระเช้าทีละ route เลยนะคะ 🚞 Route 1 : รถไฟ Zermatt - Riffelberg - Gornergrat. รถไฟค่อยๆไต่ระดับขึ้นมาเรื่อยๆ ระหว่างทางจะผ่านสถานีหลัก Riffelberg และไปสุดสายที่ Gornergrat.
ไป Zermattต้องลงสถานีไหนการขึ้นไปชมยอดเขาแหลม มัตเธอร์ฮอห์น ต้องไปขึ้นรถไฟที่ สถานี Gornergrat Bahn รถไฟระบบล้อฟันเฟืองไฟฟ้าขบวนแรกของสวิส แต่จะไปเที่ยว Zermatt แบบ Unseen ลองแวะลงที่สถานี Rotenboden ก่อนถึงยอดเขา Gornergrat เพื่อตามหายอดเขามัตเธอร์ฮอห์น (Matterhorn) ก่อนสิ
Matterhorn ไปช่วงไหนดีMatterhorn โดยเฉพาทาง Gonergrat เปิดทั้งปีอยู่แล้วครับ เหลือคือไปลุ้นสภาพอากาศวันนั้น ถ้าฟ้าเปิดแจ่ม ๆ นี่สวยมาก ช่วงแนะนำก็หน้าร้อน สค กย หรือถ้าชอบใบไม้เปลี่ยนสีก็สัก ตค ต้น พย แต่ก็แล้วแต่ดวงด้วยว่าฟ้าจะเปิดไหม จัดตารางให้หมุน ๆ วันได้เข้าไว้ มีผู้สูงอายุไป อย่าย้ายที่พักบ่อยครับ เหนื่อยเก็บของ อีกทั้งทำให้หมุนวัน ...
Gorenergrat นั่งรถไฟฝั่งไหนสถานีรถไฟ Gronergrat Bahn คือ สถานีเริ่มต้นที่จะพาเราขึ้นไปชมวิว Matterhorn จากยอดเขา Gronergrat รถไฟสีส้มขบวนนี้จะพาเราไต่ภูเขาขึ้นไปเรื่อยๆ ระหว่างทางจะเริ่มเห็นวิวของยอดเขา Matterhorn แทบจะตลอดทาง แนะนำว่าให้นั่งทางฝั่งขวาของขบวนจะได้ชมวิวเต็มๆ หลังจากนี้จะบอกเส้นทางการนั่งรถไฟ ต่อกระเช้าทีละ route.
|