บริษัทฯ มีสิทธิที่จะเลือกจ่ายเงินปันผลจากกำไรสะสมก้อนใดก่อนหลังก็ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเฉลี่ยเงินปันผลตามสัดส่วนของกำไรสะสมในแต่ละอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล เพราะได้ทราบโดยชัดแจ้งว่า เงินปันผลจากกำไรสุทธิที่บริษัทฯ จะนำมาจ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นนั้น ได้มีการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลไปก่อนแล้วในอัตราเท่าใด เมื่อบริษัทฯ จ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิที่คำนวณได้จากเงินปันผลที่ได้รับมาจากบริษัทในเครือโดยระบุในหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย อย่างชัดเจนว่า เงินปันผลที่จ่ายนั้น จำนวนใดมาจากเงินปันผลที่เสียภาษีเงินได้นิติบุคคลในอัตราเท่าใดให้แก่ผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ผู้ถือหุ้นดังกล่าวย่อมมีสิทธิได้รับเครดิตภาษีเงินปันผลตามมาตรา 47 ทวิ แห่งประมวลรัษฎากร โดยอนุโลมตามข้อ 3 ของหนังสือตอบข้อหารือของกรมสรรพากรเลขที่ กค 0706/2156 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2549 Show บริษัทที่มีผลประกอบการเป็นเงินกำไร จะสามารถจ่ายเงินปันผล (Dividend) เพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นที่ได้ซื้อหุ้นลงทุนในบริษัท โดยสามารถจ่ายได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเงินสด สินทรัพย์ หรือเป็นจำนวนหุ้น นอกจากนี้เอง กรรมการยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้เป็นครั้งคราว เมื่อบริษัทมีผลกำไรที่เหมาะสม โดยอาศัยอำนาจของกรรมการบริษัท ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีมติจากที่ประชุมใหญ่ ซึ่งจะเรียกว่า เงินปันผลระหว่างกาล (Interim Dividend Payment) แต่ในทางปฏิบัติ แม้จะขาดทุนบางบริษัทมีมาตรการในการจ่ายเงินปันผล เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น โดยการจ่ายเงินปันผล ตามกฎหมายได้มีการระบุไว้ว่า จะต้องจ่ายภายใน 1 เดือนนับจากวันที่ประชุมหรือกรรมการมีมติ ซึ่งตามกฎหมาย ระบุว่าต้องลงประกาศในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นอย่างน้อย 1 ฉบับ เป็นเวลา 2 ครั้ง ได้แก่ การลงประกาศเชิญประชุมผู้ถือหุ้น และลงประกาศจ่ายเงินปันผล หรือ จดหมายบอกกล่าวไปยังผู้ถือหุ้นทุกคน ซึ่งมีชื่ออยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัท หากไม่ทำการลงประกาศในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น มีโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท (ตาม พ.ร.บ.กำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วน ฯ) [ มาตรา 19 ] บริษัทจำกัดใดจ่ายเงินปันผลโดยฝ่าฝืนมาตรา ๑๒๐๑ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ หรือแจกเงินปันผลโดยฝ่าฝืนมาตรา ๑๒๐๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องระวาง โทษปรับไม่เกินสองหมื่นบาท เงินใด ๆ ที่จ่าย หรือแจก ให้แก่ผู้ถือหุ้นในฐานะเป็นผู้ถือหุ้นนอกจากเงินค่าหุ้นให้ถือว่า เป็นเงินปันผลตามมาตรานี้ จะต้องลงประกาศหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นตอนไหน? จดทะเบียนบริษัท 1 คนบริษัทจำกัด เป็นกิจการตั้งขึ้นในรูปแบบนิติบุคคลด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้นมีมูลค่าหุ้นเท่า ๆ กัน โดยผู้ถือหุ้นต่างรับผิดจำกัดเพียงไม่เกินจำนวนเงินที่ตนยังส่งใช้ไม่ครบมูลค่าของหุ้นที่ตนถือ ทุนของธุรกิจแบ่งออกเปนจำนวนหุ้น มูลค่าหุ้นละเท่าๆ กัน โดยมีมูลค่าหุ้นจดทะเบียนไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 5 บาท โดยแบ่งหุ้นออกเป็น 2 ประเภท คือ 1) หุ้นสามัญ (Common stock) และ 2) หุ้นบุริมสิทธิ (Preferred stock) ผู้ที่ลงทุนซื้อหุ้นในบริษัทจำกัดเรียกว่า
ผู้ถือหุ้นทุนคนไม่มีสิทธิเข้ามาจัดการงานบริษัทเว้นแต่ได้รับตั้งแต่จากที่ประชุมให้เป็นกรรมการ เนื่องจากหน้าที่บริหารงานบริษัทกระทำการโดยคณะกรรมการชุดหนึ่งที่แต่งตั้งจากผู้ที่หุ้นในที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และในการเปลี่ยนหุ้นนั้น กระทำการได้โดยการจำหน่ายหรือโอนหุ้นให้ผู้ลงทุนรายอื่นต่อไปโดยไม่ต้องเลิกบริษัท การจัดตั้งบริษัทปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่า การประกอบกิจการในรูปแบบจดทะเบียนนิติบุคคลที่เป็นรูปแบบบริษัทจำกัดนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะการประกอบธุรกิจส่วนใหญ่มักต้องใช้เงินทุนจำนวนมากการระดมเงินทุนกิจการในรูปแบบนี้จัดทำได้ง่ายและได้จำนวนมาก นอกจากเงินทุนที่ได้จะได้จากเจ้าของกิจการผู้เริ่มก่อตั้งแล้ว บริษัท คือยังมีการระดมเงินทุนจากบุคคลทั่วไปด้วยบริหารงานที่มีประสิทธิภาพโดยผู้บริหารที่มีความสามารถร่วมกันดำเนินกิจการ ส่งผลให้เป็นกิจการที่มีความมั่นคงและน่าเชื่อถือมากประเภทหนึ่ง การจัดตั้งบริษัทแบ่งเป็น 2 ขั้นตอน ใหญ่ ๆ ดังนี้
1. ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท
2. ขั้นตอนการจัดตั้งบริษัท
วิธีการจดทะเบียนบริษัท
เมื่อดำเนินการจดทะเบียนบริษัทแล้วได้หนังสือบริคณห์สนธิแล้ว
ข้อมูลที่ใช้ในการจดทะเบียนบริษัท
เอกสารหลักที่ต้องใช้ในการจดทะเบียนบริษัท
หมายเหตุ : สำเนาเอกสารประกอบคำขอจดทะเบียนทุกฉบับ ต้องให้ผู้ขอจดทะเบียนอย่างน้อยหนึ่งคนรับรอง ความถูกต้อง ยกเว้นสำเนาบัตรประจำตัวหรือหลักฐานกำรเป็นผู้รับรองลายมือชื่อผู้ขอจดทะเบียน ให้ผู้เป็นเจ้าของบัตรหรือผู้ขอจดทะเบียนอย่างน้อยหนึ่งคนเป็นผู้ลงลายมือชื่อรับรองความถูกต้อง ลักษณะของบริษัทจํากัด มีอะไรบ้างตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 มาตรา 1096 ได้บัญญัติว่า บริษัทจํากัด คือ บริษัทประเภทที่จัดตั้งขึ้นด้วยการแบ่งทุนเป็นหุ้น มีมูลค่าเท่า ๆ กัน ผู้ถือหุ้นต่างรับผิดชอบจำกัดไม่เกินจำนวนเงินที่ตนส่งใช้ให้ครบมูลค่าหุ้นที่ตนถือ ซึ่งแบ่งลักษณะของบริษัทจำกัดได้ ดังนี้ ลักษณะบริษัทจำกัด1. ลักษณะความเป็นเจ้าของเนื่องจากลักษณะของบริษัทมีการแบ่งทุนออกเป็นหุ้น ผู้ซื้อหุ้นของบริษัทเรียกว่า “ผู้ถือหุ้น” จะมีฐานะเป็นเจ้าของหุ้นไม่ใช่เจ้าของกิจการแต่มีสิทธิได้รับประโยชน์ตอบแทนจากบริษัทคือ “เงินปันผล” ผู้เป็นเจ้าของกิจการก็คือนิติบุคคลที่เป็นบริษัทจำกัด 2. ลักษระการก่อตั้งมีขั้นตอนในการก่อตั้งตามกฎหมาย ดังนี้
3. จำนวนเงินทุนที่ต้องใช้ในการเปิดบริษัททุนของบริษัทจำกัดจะได้มาเนื่องจากการนำใบหุ้นออกจำหน่าย กฎหมายระบุว่ามูลค่าหุ้นจะต้องมีมูลค่าหุ้นละเท่า ๆ กัน เงินทุนของบริษัท แบ่งได้ดังนี้
4. ลักษณะของบริษัทจำกัด ทั่ว ๆ ไป
หน้าที่และความรับผิดชอบและการบริหารงานในที่ประชุมจัดตั้งบริษัท ที่ประชุมใหญ่จะต้องออกเสียงเลือกตั้งคณะกรรมการของบริษัทซึ่งจะต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน โดยที่ประชุมผู้ถือหุ้น เป็นผู้มีสิทธิแต่งตั้งและถอดถอนคณะกรรมการได้ โดยแต่งตั้งกรรมการคนใดคนหนึ่งเป็นกรรมการผู้จัดการความรับผิดชอบของกรรมการ มีดังนี้
ผลตอบแทนจากการลงทุนในบริษัทผลประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับคือส่วนแบ่งจากกำไร เรียกว่า เงินปันผล หรือผลประโยชน์อื่นใดตามที่ระบุไว้ในหนังสือบริคณห์สนธิโดยปกติผลกำไรของบริษัทจะไม่นำมาแบ่งเป็นเงินปันผลทั้งหมด ส่วนหนึ่งจะกันสะสมไว้เพื่อบริษัทนำไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อไว้ขยายโรงงาน เพื่อซื้อเครื่องจักรใหม่ เพื่อผลขาดทุนในภายหน้า กำไรส่วนที่กันสะสมไว้นั้นเรียกว่า เงินสำรอง (Reserves) การควบคุมการบริหารงานการบริหารงานของบริษัทจะอยู่ในรูปของคณะกรรมการซึ่งจะมีการบริหารงานที่กระจายงานตามหน้าที่และความรับผิดชอบเป็นระบบและมีขั้นตอนที่ถูกต้อง โดยกฎหมายกำหนดให้จะต้องมีการตรวจสอบบัญชีของบริษัทปีละครั้ง โดยมีผู้สอบบัญชีรับอนุญาตรับรองงบดุล และบัญชีกำไรขาดทุน ยื่นต่อนายทะเบียนบริษัท |