Microsoft office 2010 ไม่มีสิทธิ์ใช้งาน วิธีแก้

Drive File Stream เท่านั้น

Microsoft office 2010 ไม่มีสิทธิ์ใช้งาน วิธีแก้

Microsoft office 2010 ไม่มีสิทธิ์ใช้งาน วิธีแก้

หมดปัญหาเรื่องเวอร์ชันไม่สอดคล้องกันเมื่อแก้ไขไฟล์ Microsoft Office การแสดงสถานะแบบเรียลไทม์จะช่วยให้คุณดูได้ว่ามีบุคคลอื่นกําลังแก้ไขไฟล์ Microsoft Word, Excel หรือ PowerPoint ที่จัดเก็บไว้ใน Google ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป อยู่หรือไม่

หมายเหตุ

  • ระบบจะเปิดใช้การแสดงสถานะแบบเรียลไทม์โดยอัตโนมัติใน ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป หากมีคนปิดไว้ คุณจะไม่เห็นว่าบุคคลนั้นอยู่ในไฟล์หรือไม่
  • ก่อนที่คุณจะใช้การแสดงสถานะแบบเรียลไทม์กับ Apple Mac คุณต้องเปลี่ยนสิทธิ์ของระบบ ดูวิธีการ
  • การแสดงสถานะแบบเรียลไทม์สามารถทำงานกับ Office 2010 หรือรุ่นที่ใหม่กว่าได้

ดูผู้ที่กำลังแก้ไขไฟล์ Office

  1. ใน ไดรฟ์สำหรับเดสก์ท็อป ให้เปิดไฟล์ Office ที่แชร์ใน Word, Excel, or PowerPoint

    สถานะแบบเรียลไทม์จะปรากฏขึ้นที่ด้านล่างขวา

  2. ตามสถานะ คุณจะเห็นหนึ่งในตัวเลือกต่อไปนี้
    • พร้อมสำหรับการแก้ไข - ไม่มีผู้อื่นกำลังแก้ไขไฟล์อยู่ คุณสามารถแก้ไขไฟล์ได้
    • โปรดรอสักครู่ก่อนทำการแก้ไข - มีผู้อื่นกำลังแก้ไขไฟล์อยู่
      • หากต้องการรับการแจ้งเตือนเมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว ให้เลือกช่องแจ้งฉันเมื่อสามารถแก้ไขได้อย่างปลอดภัย
      • หากต้องการดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้ที่กำลังแก้ไขหรือดูไฟล์ ให้คลิกบุคคลในรายการ
    • มีเวอร์ชันใหม่ - มีคนสร้างไฟล์เวอร์ชันใหม่ หากต้องการดูไฟล์เวอร์ชันใหม่ ให้คลิกดูเวอร์ชันล่าสุด

รวมเวอร์ชันต่างๆ

หากมีผู้บันทึกไฟล์เวอร์ชันใหม่ขณะที่คุณกำลังทำการแก้ไข คุณจะได้รับการแจ้งเตือน

คุณสามารถบันทึกเวอร์ชันของคุณในรูปแบบสําเนา หรือผสานการเปลี่ยนแปลงของคุณลงในไฟล์เวอร์ชันล่าสุดได้ด้วยตนเอง ในการแจ้งเตือน:

  1. คลิกเปรียบเทียบเวอร์ชัน
  2. คัดลอกการเปลี่ยนแปลงจากเวอร์ชันของคุณ (ด้านซ้าย) ไปที่เวอร์ชันล่าสุด (ด้านขวา)
  3. เมื่อทําเสร็จแล้ว ให้คลิกบันทึกในไฟล์เวอร์ชันล่าสุด

ระบบจะลบไฟล์เวอร์ชันที่ไม่ได้บันทึก (ด้านซ้าย)

เปลี่ยนสิทธิ์ของระบบใน Mac

ปิดการแสดงสถานะแบบเรียลไทม์


Google, Google Workspace และเครื่องหมายและโลโก้ที่เกี่ยวข้องเป็นเครื่องหมายการค้าของ Google LLC ชื่อบริษัทและชื่อผลิตภัณฑ์อื่นๆ ทั้งหมดเป็นเครื่องหมายการค้าของ บริษัทที่เกี่ยวข้อง

ข้อมูลนี้มีประโยชน์ไหม

เราจะปรับปรุงได้อย่างไร

บ่อยครั้งที่ผู้ใช้งานได้สั่งซื้อ Office 365 ไปแล้ว แต่ไม่สามารถ Activate license ได้ โดยมักจะมีเหตุการณ์ ดังต่อไปนี้

  1. ลบโปรแกรม Microsoft Office เดิม และติดตั้ง Office 365 แต่ไม่สามารถ Activate ได้
  2. มีการปรับเปลี่ยน License บางประการแต่ไม่สามารถ Activate license ได้ทำให้เกิดปัญหาการใช้งาน
  3. ปรับเปลี่ยนจาก Office 365 Business เป็น Office 365 Proplus แต่ไม่สามารถ Activate license ได้ หรือสลับกัน

และด้วยเหตุผลอื่นๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการ Activate license เพื่อใช้งาน

ซึ่งปัญหาดังกล่าว จะมีวิธีการแก้ไขดังต่อไปนี้

วิธีที่ 1 ทำการซ่อมแซมโปรแกรม Microsoft Office 365 Business/Proplus ในส่วนของ Control Panel

1. เข้าสู่หน้า Control Panel > Program and features

2. เลือกโปรแกรม Office 365 ที่ติดตั้ง และเลือก Change ด้านบน

Microsoft office 2010 ไม่มีสิทธิ์ใช้งาน วิธีแก้

3. จากนั้นเลือก Quick Repair เพื่อซ่อมแซม Office 365 หลังจากเสร็จสิ้นแล้วให้ Restart เครื่อง 1 ครั้งและทดลองใช้งาน

Microsoft office 2010 ไม่มีสิทธิ์ใช้งาน วิธีแก้

4. หากยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ แนะนำให้แก้ไขโดย Online Repair อีกครั้งหนึ่ง และ Restart เครื่อง 1 ชั้น และทดลองการใช้งาน
    (การแก้ไขประเภทนี้จะมีระยะเวลา นานกว่าปกติ เนื่องจากต้องดาวน์โหลดข้อมูลจาก Internet อีกครั้ง)

วิธีที่ 2 ใช้ Tools ช่วยโดยจะเป็น Tool ชื่อ Microsoft Support and Recovery Assistant

Link การ Download : https://aka.ms/SARA-OfficeActivation-OF

วิธีการ

1. ดาวน์โหลดโปรแกรมตาม Link ด้านบน และเปิดโปรแกรมบนเครื่องที่มีปัญหา

2. จะมีหน้าต่างโปรแกรมแสดงขึ้น เพื่อให้เข้าสู่ระบบ ให้เข้าสู่ระบบด้วย Account ที่ต้องการ Activate license

3. จากนั้น ระบบจะทำการตรวจสอบเบื้องต้น

4. ระบบจะทำการแจ้งเตือนการดำเนินการต่างๆ ให้ทำตาม และปิดไฟล์ให้เรียบร้อย จากนั้นกด Next

5. จากนั้น ระบบจะทำการตรวจสอบ ให้ดำเนินการต่อไปได้จนกว่าขั้นตอนจะจบ และลอง Restart 1 ครั้ง

หากเรียบร้อย ระบบจะแจ้งว่า Activated และทดลองเข้าใช้งาน Microsoft Office เพื่อทดสอบ

วิธีที่ 3 ลบแบบ Complete Uninstall (ลบแบบสมบูรณ์) และติดตั้งใหม่

1. Download โปรแกรมสำหรับการช่วยลบตาม Link: https://aka.ms/SaRA-officeUninstallFromPC

2. เมื่อเปิดโปรแกรมมาแล้วระบบจะทำการตรวจสอบ และจะให้เลือก Microsoft Office ที่ต้องการลบ ให้ทำการลบทุกๆ Version ที่ตรวจเจอ

3. ระบบอาจจะทำการ Restart เครื่อง 1 ครั้ง

4. รอจนขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้น และ Restart เครื่องเป็นรอบสุดท้าย หลังจากนั้น ให้ทำการติดตั้งใหม่อีกครั้ง และลอง Activate โปรแกรมดูอีกครั้งหนึ่ง

จากขั้นตอนทั้งหมดที่กล่าวมา ถือว่าเป็นขั้นตอนในการแก้ไขปัญหาที่มีเกี่ยวกับ Office 365 ได้อย่างดี แต่ถ้าหากท่านทำตามคู่มือแล้วไม่สามารถแก้ไขได้ สามารถติดต่อเราผ่านช่องทางต่างๆ ได้เพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป