ใบรับรองแพทย์ ลาป่วย คลินิก

เช็กเลย กำหนดปิดแหล่งท่องเที่ยว-พักแรม อุทยานแห่งชาติ 69 จังหวัด ประจำปี 2565

รักษาโควิดหายแล้ว ต้องตรวจหาเชื้อซ้ำไหม ยังแพร่เชื้อได้หรือไม่?

เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2565 กระทรวงสาธารณสุขร่วมมือกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงแรงงาน และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พัฒนาระบบออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัลผ่าน “หมอพร้อม” ทั้งในสถานพยาบาลรัฐและเอกชนเพิ่มความสะดวกการสมัครงาน ลาป่วย และเบิกประกัน

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายพัฒนา “หมอพร้อม” ให้เป็น Digital Health Platform ของประเทศไทย เพื่อให้บริการด้านสุขภาพแบบดิจิทัลแก่ประชาชน

ใบรับรองแพทย์ ลาป่วย คลินิก

ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนใช้งานแพลตฟอร์มหมอพร้อมกว่า 28 ล้านคน ทั้ง LINE OA และแอปพลิเคชัน โดยบริการที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น การให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 การตรวจหาเชื้อโควิด-19 การให้บริการเอกสารรับรองโควิดตามมาตรฐานของสหภาพยุโรป (EU DCC) เป็นต้น โดยจะพัฒนาระบบเพื่อให้บริการด้านดิจิทัลสุขภาพเต็มรูปแบบในอนาคต เริ่มจากการพัฒนาระบบออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล เพื่อสนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์ทำงานและบริการประชาชนได้อย่างสะดวกรวดเร็ว

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข  กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขจึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พัฒนาการออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัลที่มีความปลอดภัย รัดกุม และมีมาตรฐานสูงสุด รวมถึงผลักดันให้เกิดการนำไปใช้ในการดำเนินการหรือประกอบธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ เช่น การใช้ใบรับรองแพทย์ดิจิทัลประกอบการสมัครงาน ลาป่วย และการเบิกจ่ายประกันสุขภาพต่าง ๆ เป็นต้น

ด้านนพ.สุระ วิเศษศักดิ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ระบบออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัลเป็นระบบที่สนับสนุนการทำงานของบุคลากร ช่วยลดการใช้กระดาษ ลดขั้นตอน ลดค่าใช้จ่าย และลดเวลาในการเข้ารับบริการหรือการประกอบธุรกรรมต่างๆ ได้ ซึ่งการดำเนินการในครั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขได้จัดหา License สำหรับสร้างลายเซ็นดิจิทัลให้กับโรงพยาบาลรัฐทุกสังกัด โดยไม่จำกัดจำนวนลายมือชื่อผู้ลงนาม และได้พัฒนาระบบรองรับการเชื่อมต่อกับระบบสารสนเทศของโรงพยาบาลทั้งรัฐและเอกชน เพื่อให้สามารถออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัลผ่านระบบของโรงพยาบาลโดยตรง อีกทั้งพัฒนา “หมอพร้อม Station” เป็นทางเลือกให้กับโรงพยาบาล รองรับการใช้งานสำหรับคลินิกต่าง ๆ ด้วย ปัจจุบันได้ทดสอบระบบและนำมาใช้งานจริงในโรงพยาบาลแล้ว 1,028 แห่ง ออกใบรับรองแพทย์ไปแล้วกว่า 125,000 ใบ นอกจากนี้ ยังได้จัดหา License เพิ่มเติม เพื่อรองรับการใช้งานสำหรับคลินิกเวชกรรม คลินิกทันตกรรม คลินิกเทคนิคการแพทย์

ศบค.ปรับรายงานสัปดาห์ละครั้ง สงกรานต์นี้ขอปชช.คัดกรองก่อนเดินทาง

รู้จัก“โรคใหลตาย”อาการนอนหลับไม่ตื่น อันตรายถึงชีวิต

ทั้งนี้ประชาชนสามารถขอใบรับรองแพทย์ดิจิทัลได้ที่โรงพยาบาลที่เข้าร่วม และใช้งานผ่านหมอพร้อมได้ทั้ง LINE OA และแอปพลิเคชัน รวมถึงสามารถดาวน์โหลดไฟล์ใบรับรองแพทย์ดิจิทัลไปใช้งานได้ด้วย หน่วยงานที่ใช้ใบรับรองแพทย์ดิจิทัลสามารถตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารและความถูกต้องของลายมือชื่อได้ จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยป้องกันการปลอมแปลงข้อมูล และมีความมั่นคงปลอดภัยสูง ดังนั้น ขอเชิญชวนโรงพยาบาลทุกสังกัดทั้งรัฐ เอกชน และคลินิกต่างๆ เข้าร่วมใช้งานระบบออกใบรับรองแพทย์ดิจิทัล เพื่อรองรับการให้บริการประชาชนทั่วประเทศ สามารถศึกษารายละเอียดของระบบเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์หมอพร้อม https://mohpromt.moph.go.th/mpc/mophcertificate/

หลากปัญหาหลายความข้องใจ เกี่ยวกับสวัสดิการ ระเบียบบริษัท และข้อบังคับต่างๆ ในออฟฟิศของเรา แบบนั้นทำได้จริงมั้ย มันแฟร์หรือเปล่า? แต่ไม่ได้เอ่ยถามไปเพราะกลัวโดนตอกกลับมาว่าบริษัทกำหนดมาแบบนี้ จะไม่ทำตามหรอ? เลยได้แต่เงียบไม่กล้าถามกันตรงๆ เราเลยอยากหยิบยกปัญหาคาใจยอดฮิตของชาวออฟฟิศที่เจอกันอยู่บ่อยๆ โดยไม่ได้นึกคำตอบลอยๆ ตามความต้องการ แต่ยึดตามพรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตอบคำถามยอดฮิตให้กระจ่างว่าเราควรได้รับประโยชน์ในเรื่องไหน มีสิทธิ์มีเสียงทำอะไรได้บ้าง 

โดยเนื้อหาหลักๆ นี้ อิงมาจากเว็บบอร์ดไซต์ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่เราบังเอิญไปเจอเนื้อหาที่น่าสนใจมา ในหมวดคำถามที่พบบ่อย เต็มไปด้วยประเด็นที่น่าสนใจ และเป็นประโยชน์กับเหล่าคนทำงานอย่างมาก แต่คำตอบอาจจะดูเป็นทางการและเป็นภาษาที่เข้าใจยากเกินกว่าจะอ่านแล้วร้อง อ๋อ! ในครั้งเดียว เลยหยิบเอา 4 คำถามยอดฮิตที่น่าจะใกล้ตัวชาวออฟฟิศมาเสนอ เป็นเนื้อหาที่เข้าใจง่ายและยังคงอ้างอิงตามกฎหมาย

ใบรับรองแพทย์ ลาป่วย คลินิก

พนักงานมาสาย นายจ้างมีสิทธิ์หักเงินหรือเปล่า?

ฝนตก รถติด น้ำรอการระบาย จะขยับไปเลนไหนก็มีค่าเท่ากัน หรือแม้แต่วันธรรมดาๆ ที่รถอยากจะติดขึ้นมาแบบไม่มีเหตุผลก็เกิดขึ้นให้เห็นบ่อยๆ จะกี่เหตุผลของการมาสายก็ไม่อาจสู้ระเบียบของบริษัทได้ เพราะหลายแห่งมีข้อกำหนดมาว่า หากมาสายจะถูกหักเงิน เท่านั้น เท่านี้ จนการมาสายกลายเป็นยารสขมที่พนักงานไม่อยากจะกลืนลงคอ จึงต้องตระเตรียมตัวเองให้พร้อมเพื่อมาทำงานตรงเวลาเสมอ (ซึ่งมันก็ควรเป็นอย่างนั้นนั่นแหละ) 

การมาทำงานให้ตรงเวลา เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าใจเหมือนกันว่าควรปฏิบัติตาม แต่การหักเงินเพราะมาสายล่ะ อันนี้ทำได้จริงตามกฎหมายหรือเปล่านะ จึงเกิดคำถามที่ว่า พนักงานมาสาย นายจ้างมีสิทธิ์หักเงินหรือเปล่า?

เวลาเจ้านายจะหักเงินพนักงานเนี่ย มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นกรณี 1 2 3 4 ดังนี้เท่านั้นจึงจะหักได้ นอกนั้นห้ามหักนะ พรบ.คุ้มครองแรงงาน ชี้ทางมาที่มาตรา 76 ใจความดังนี้ “ห้ามมิให้นายจ้างหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด และค่าล่วงเวลาในวันหยุด” แล้วจะหักได้กรณีไหนบ้าง? ก็อยู่ในมาตรานี้เช่นกัน เช่น หนี้สินสหกรณ์ออมทรัพย์  ค่าบำรุงสหภาพแรงงาน เงินประกันตามมาตรา 10 เป็นต้น แต่ใดๆ ก็ตาม มันไม่มีข้อ “มาสาย” กำหนดอยู่ในนั้น การหักเงินด้วยข้อหามาสาย แม้จะเป็นกฎของบริษัทแต่ก็ถือว่าขัดกับพรบ.คุ้มครองแรงงานด้วย

สรุป บริษัทไม่สามารถหักเงินค่าจ้างของพนักงานด้วยเหตุผลมาสาย หากต้องการลงโทษ ให้หามาตรการอื่นในระเบียบบริษัทลงโทษแทน

ลาป่วยนอนซมที่บ้าน ไม่มีใบรับรองแพทย์ ทำไงดี?

บางวันที่เราเจออาการป่วยกระเสาะกระแสะเล่นงาน เป็นไข้ ท้องเสีย ปวดท้องประจำเดือน แม้จะดูเป็นเรื่องเล็กน้อยในสายตาคนนอก แต่คนที่ป่วยเองนั้น เขาเป็นคนที่ต้องหมดแรง ขยับตัวไม่ไหว จนรู้แล้วว่าร่างกายตัวเองไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะออกไปทำงาน ลาป่วยจึงเป็นตัวเลือกสำหรับเรื่องนี้ แต่ทีนี้การลาป่วยแต่ละทีช่างยากเย็น ‘ป่วยแค่เองนี้หรอ?’ ‘อย่าลืมใบรับรองแพทย์นะ’ สารพัดคำถามที่โจมตีเข้ามาราวกับว่าอาการป่วยของเรานั้นไม่มีอยู่จริง 

กลายเป็นว่าหากไม่มีใบรับรองแพทย์ไปให้ในวันที่ไปทำงานอีกครั้ง อาจทำให้โดนตั้งคำถามถึงวันหยุดที่เราใช้ไป ใบรับรองแพทย์จึงกลายเป็นท่าไม้ตายจากฝั่ง HR และเป็นหนามแทงใจให้เราต้องมี hard feeling กับการลาป่วยเสมอ อาจคิดว่าก็ไม่แปลกนี่ ป่วยจริงๆ ก็ต้องมีใบรับรองแพทย์มายืนยัน แต่ถ้าวันนั้นเราป่วยด้วยอาการเป็นไข้ ปวดท้องประจำเดือน ท้องเสีย หรืออะไรก็ตามที่เราอาจต้องการเพียงแค่พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เราจำเป็นต้องออกไปเอาใบรับรองแพทย์เพื่อการป่วยหนึ่งวันหรือไม่?

งั้นมาดูนี่กัน พรบ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 32  ระบุไว้ว่า “ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง การลาป่วย ตั้งแต่สามวันทำงานขึ้นไป นายจ้างอาจให้ลูกจ้างแสดงใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งของสถานพยาบาลของทางราชการ ในกรณีที่ลูกจ้างไม่อาจแสดงใบรับรองของแพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งหรือของสถานพยาบาลของทางราชการได้ ให้ลูกจ้างชี้แจงให้นายจ้างทราบ”

สรุป เราต้องลาป่วย 3 วันขึ้นไปเท่านั้น นายจ้างจึงจะมีสิทธิ์ขอใบรับรองแพทย์จากเรา รวมทั้งระหว่างที่เราลา เราต้องได้ค่าจ้างตามปกติ ไม่เกิน 30 วันต่อปี สมมติว่าลาป่วยไป 35 วัน แม้กฎหมายกำหนดให้นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้างตามปกติ แต่จ่ายให้ไม่เกิน 30 วันเท่านั้น อีก 5 วันที่เหลือนายจ้างจะไม่จ่ายก็ไม่ผิดอะไร โดยพรบ.นี้กำหนดใช้กับทุกห้างร้าน ไม่ว่าข้อกำหนดของบริษัทเป็นยังไงก็ตาม หากเรารู้สึกไม่สบายใจหรือถูกเอารัดเอาเปรียบ สามารถหยิบประเด็นนี้ไปพูดคุยกับทางบริษัทได้เช่นกัน

ในหนึ่งปีลากิจได้กี่วัน?

วันนี้มีธุระ ลากิจ เลยเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของการลา บางคนก็ธุระเยอะลากิจบ่อย บางคนธุระน้อยไม่ค่อยใช้วันลากิจนี้เท่าไหร่ แม้จะเป็นอีกหนึ่งในวันลาสากลที่ทุกคนรู้จักและเข้าใจตรงกันว่ามันคืออะไร แต่ความชัดเจนในตัวมันน้อยมากว่ามันมีข้อบังคับอะไรไหม ลาได้กี่วัน เมื่อธุระปะปังในชีวิตแต่ละคนไม่เท่ากัน จะจัดการวันลานี้ยังไงดี 

แม้แต่พรบ.คุ้มครองแรงงาน ก็ไม่ได้กำหนดจำนวนวันที่ชัดเจนเอาไว้ ตามรอยไปที่มาตรา 34 “ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาเพื่อกิจธุระอันจำเป็นได้ตามข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน” ไม่กำหนดจำนวนวัน แถมไม่กำหนดด้วยว่านายจ้างจะต้องจ่ายค่าจ้างหรือไม่ เรื่องนี้เลยอาจขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทว่าจะกำหนดวันลามาให้กี่วัน แบ่งเป็นวันลาป่วย ลากิจ ลาพักร้อน อย่างละเท่าไหร่ รวมถึงการจ่ายค่าจ้างด้วย อาจจะต้องพูดคุยกับนายจ้างเพื่อความกระจ่าง

ค่าโอทีตามกฎหมาย คำนวณยังไง?

นั่งทำงานเสียจนล่วงเลยเวลา บางวันหยุดก็ยังอุตส่าห์มาทำงาน เพราะคำว่าโอทีแท้ๆ เลย ที่ดึงดูดให้เราลุกขึ้นมาทำงานในช่วงเวลาที่ไม่ใช่เวลางานปกติได้ แต่ละบริษัทก็มีนโยบายแตกต่างกันไป บางที่ก็มีโอทีให้ บางที่ก็ทำไปเถอะ ไม่มีจ้า (กุมมือ) แล้วทีนี้ได้เงินมาแต่ละที เคยสงสัยไหมว่าเงินที่ได้จากการทำงานล่วงเวลานี้เนี่ย บริษัทเขาให้ยังไง แต่ที่สำคัญไปกว่านั้น มาดูกันดีกว่าว่าตามกฎหมายบอกไว้ว่าต้องให้ค่าล่วงเวลาเท่าไหร่? คำนวณยังไง? แล้วมาดูกันว่าค่าล่วงเวลาที่ได้ทุกวันนี้มันแฟร์ตามกฎหมายหรือเปล่านะ

เรื่องนี้เราได้คำตอบจากเอกสารของ คุณพวงทอง โชคบุญเจริญ นักวิชาการแรงงานชำนาญการ

กองคุ้มครองแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ได้ให้สูตรคำนวณโอทีมาแบบเข้าใจง่าย โดยวิธีคำนวณเนี่ย แบ่งเป็นสองแบบ คือ ค่าล่วงเวลาในวันทำงาน และค่าล่วงเวลาในวันหยุด

สำหรับวันทำงาน ไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า

รายได้ต่อชั่วโมง x จำนวนชั่วโมง x 1.5 = โอทีวันทำงาน

สำหรับวันหยุด ไม่น้อยกว่า 3 เท่า

รายได้ต่อชั่วโมง x จำนวนชั่วโมง x 3 = โอทีวันหยุด

จาก 4 ปัญหายอดฮิตของชาวออฟฟิศนี้ เป็นเพียงการหยิบปัญหาที่เจอบ่อยๆ ขึ้นมาเป็นตัวอย่าง ยังมีเรื่องอีกมากมาย ทั้งเรียบง่ายแต่สงสัยมานาน อย่างวันลาต้องมีกี่วัน เลื่อนวันลาได้มั้ย ไปจนถึงเรื่องซับซ้อนอย่างสัญญาจ้าง ที่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญมาให้คำตอบ โดยเราสามารถหยิบเพียงเรื่องเล็กน้อยที่เข้าใจง่ายๆ มาขยายความให้ชาวออฟฟิศหลายคนเข้าใจ เพื่อหวังให้ทุกคนรักษาสิทธิประโยชน์ของตนเอง

หากใครมีเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อน อยากปรึกษา ทำไงดี สามารถโทรสายด่วน 1506 กด 3 หรือกรอกแบบฟอร์มในเว็บไซต์ของกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้ที่ https://s97.labour.go.th/pub_request/ContactForm.php

อ้างอิงข้อมูลจาก 

Boi.go.th

Labour.go.th

Illustration by Krittaporn Tochan

You might also like

Share this article