กฤษณา เป็นชื่อของสิ่งใดในโลกนิติคำโคลง

        คนที่พูดจาสุภาพไพเราะย่อมมีเพื่อนมาก เปรียบได้กับดวงจันทร์ที่มีดาวจำนวนมากรายล้อมประดับ ต่างกับคนพูดจากระด้างหยาบคาย ทำให้มีไม่ใครปรารถนาจะคบหรือสมาคมด้วย เปรียบได้กับดวงอาทิตย์แสงร้อนแรงที่บดบังแสงของดาวดวงอื่น ดังที่ว่า

หมายเหตุ:ก = สำนวนเก่า (สมุดไทย)เลข = ลำดับบท∞ = เป็นสำนวนเก่าแต่เดิมด = สมเด็จฯ กรมพระยาเดชาดิศร (ศิลาจารึกวัดพระเชตุพนฯ)เลข = ลำดับบท(   ) = ซ้ำกับ , คล้ายกับ , ต่อเนื่องกับ, ดูเพิ่มที่ว = กรมวิชาการ (ประชุมโคลงโลกนิติ)เลข = ลำดับกำกับชุด๐ = โคลงนำ , โคลงส่งท้าย- = ไม่มีบทนี้ในสำนวนนั้น มีแต่ในสำนวนอื่น¿ = ต้องการให้ผู้เขียนอื่นช่วยตรวจ


ก ¿ · ด ๑ · ว ๐๏ อัญขยมบรมนเรศเรื้องรามวงศ์พระผ่านแผ่นไผททรงสืบไท้แสวงยิ่งสิ่งสดับองค์โอวาทหวังประชาชนให้อ่านแจ้งคำโคลง ฯก ¿ · ด ๒ · ว ๐๏ ครรโลงโลกนิตินี้นมนานมีแต่โบราณกาลเก่าพร้องเป็นสุภสิตสารสอนจิตกลดั่งสร้อยสอดคล้องเวี่ยไว้ในกรรณ ฯก ¿ · ด - · ว ๐๏ ทศนัขนอบน้อมมิ่งอุตมางค์ไตรรัตน์จัดเบญจางค์แจ่มพร้อมจักพร้องโลกนิติปางสดับแต่ เดิมพ่ออรรถอื่นอ้างเลศล้อมต่างต้องคัมภีร์ ฯก ¿ · ด - · ว ๐๏ ถวายกรกรรพุ่มเพี้ยงบวรมาลย์มิ่งแฮไตรรัตน์เรียบไตรทวารเวียดเกล้าโลกนิติสืบสารของเก่าเตือนจิตสาธุชนเช้าค่ำค้ำชูใจ ฯก ¿ · ด - · ว ๐๏ โลกนิติในโลกล้วนแก่นสารคือบิดามารดาอาจารย์เจี่ยวแล้เชาเจ้าจ่อมใจบาณทิตร่ำ เรียนแฮเบิกศิลปปรีชาแท้เลิศแล้วเมธี ฯก ¿ · ด ๓ (๔) · ว ¿๏ ปลาร้าพันห่อด้วยใบคาใบก็เหม็นคาวปลาคละคลุ้งคือคนหมู่ไปหาคบเพื่อน พาลนาได้แต่ร้ายร้ายฟุ้งเฟื่องให้เสียพงศ์ ฯก ¿ · ด ๔ (๓) · ว ¿๏ ใบพ้อพันห่อหุ้มกฤษณาหอมระรวยรสพาเพริศด้วยคือคนเสพเสน่หานักปราชญ์ความสุขซาบฤาม้วยดุจไม้กลิ่นหอม ฯก ¿ · ด ๕ (๖) · ว ¿๏ ผลเดื่อเมื่อสุกไซร้มีพรรณภายนอกแดงดูฉันชาดบ้ายภายในย่อมแมลงวันหนอนบ่อนดุจดังคนใจร้ายนอกนั้นดูงาม ฯก ¿ · ด ๖ (๗) · ว ¿๏ ขนุนสุกสล้างแห่งสาขาภายนอกเห็นหนามหนาหนั่นแท้ภายในย่อมรสาเอมโอชสาธุชนนั้นแล้เลิศด้วยดวงใจ ฯก ¿ · ด ๗ (๘) · ว ¿๏ ยางขาวขนเรียบร้อยดูดีภายนอกหมดใสสีเปรียบฝ้ายกินสัตว์เสพปลามีชีวิตเฉกเช่นชนชาติร้ายนอกนั้นนวลงาม ฯก ¿ · ด ๘ (๗) · ว ¿๏ รูปแร้งดูร่างร้ายรุงรังภายนอกเพียงพึงชังชั่วช้าเสพสัตว์ที่มรณังนฤโทษดังจิตสาธุชนกล้ากลั่นสร้างทางผล ฯก ¿ · ด ๙ (๑๐) · ว ¿๏ คนพาลผู้บาปแท้ทุรจิตไปสู่หาบัณทิตค่ำเช้าฟังธรรมอยู่เนืองนิตย์บ่ทราบ ใจนาคือจวักตักเข้าห่อนรู้รสแกง ฯก ¿ · ด ๑๐ (๙) · ว ¿๏ ผู้ใดใจฉลาดล้ำปัญญาได้สดับปราชญ์เจรจาอาจรู้ยินคำบัดเดี๋ยวมาซับซาบ ใจนาคือมลิ้นคนผู้ทราบรู้รสแกง ฯก ¿ · ด ๑๑ (๑๒) · ว ¿๏ หมูเห็นสีหราชท้าชวนรบกูสี่ตีนกูพบท่านไซร้อย่ากลัวท่านอย่าหลบหลีกจาก กูนาท่านสี่ตีนอย่าได้วากเว้วางหนี ฯก ¿ · ด ๑๒ (๑๑) · ว ¿๏ สีหราชร้องว่าโอ้พาลหมูทรชาติครั้นเห็นกูเกลียดใกล้ฤามึงใคร่รบดนูมึงมาศ เองนากูเกลียดมึงกูให้พ่ายแพ้ภัยตัว ฯก ¿ · ด ๑๓ · ว ¿๏ กบเกิดในสระใต้บัวบานฤาห่อนรู้รสมาลย์หนึ่งน้อยภุมราอยู่ไกลสถานนับโยชน์ ก็ดีบินโบกมาค้อยค้อยเกลือกเคล้าเสาวคนธ์ ฯก ¿ · ด ๑๔ · ว ¿๏ ใจชนใจชั่วช้าโฉงเฉงใจจักสอนใจเองไป่ได้ใจปราชญ์ดัดตามเพลงพลันง่ายดุจช่างปืนดัดไม้แต่งให้ปืนตรง ฯก ¿ · ด ๑๕ · ว ¿๏ ไม้ค้อมมีลูกน้อมนวยงามคือสัปปุรุษสอนตามง่ายแท้ไม้ผุดั่งคนทรามสอนยากดัดก็หักแหลกแล้ห่อนรื้อโดยตาม ฯก ¿ · ด ๑๖ · ว ¿๏ เป็นคนควรรอบรู้สมาคมสองประการนิยมกล่าวไว้หนึ่งพาลหนึ่งอุดมนักปราชญ์สองสิ่งนี้จงให้เลือกรู้สมาคม ฯก ¿ · ด ๑๗ · ว ¿๏ คนใดไปเสพด้วยคนพาลจักทุกข์ทนเนานานเนิ่นแท้ใครเสพท่วยทรงญาณเปรมปราชญ์เสวยสุขล้ำเลิศแท้เพราะได้สดับดี ฯก ¿ · ด ๑๘ · ว ¿๏ ได้เห็นนักปราชญ์ไซร้เป็นสุขอยู่ร่วมเรือนหายทุกข์ค่ำเช้าผู้พาลสั่งสอนปลุกใจดั่ง พาลนายลเยี่ยงนกแขกเต้าตกต้องมือโจร ฯก ¿ · ด ๑๙ · ว ¿๏ จงนับสัปบุรุษรู้บุญกรรม์จะละหลีกพาลอันชั่วร้ายจงสร้างสืบบุญธรรม์ทุกเมื่อจงนึกนิตย์ชีพคล้ายดุจด้วยฟองชล ฯก ¿ · ด ๒๐ · ว ¿๏ คบกากาโหดให้เสียพงศ์พาตระกูลเหมหงส์แหลกด้วยคบคนชั่วจักปลงความชอบ เสียนาตราบลูกหลานเหลนม้วยไม่ม้วยนินทา ฯก ¿ · ด ๒๑ · ว ¿๏ มดแดงแมลงป่องไว้พิษหางงูจะเข็บพิษวางแห่งเขี้ยวทรชนทั่วสรรพางค์พิษอยู่เพราะประพฤติมันเกี้ยวเกี่ยงร้ายแกมดี ฯก ¿ · ด ๒๒ · ว ¿๏ นาคีมีพิษเพี้ยงสุริโยเลื้อยบ่ทำเดโชแช่มช้าพิษน้อยหยิ่งโยโสแมลงป่องชูแต่หางเองอ้าอวดอ้างฤทธี ฯก ¿ · ด ๒๓ · ว ¿๏ ความรู้ผู้ปราชญ์นั้นนักเรียนฝนทั่งเท่าเข็มเพียรผ่ายหน้าคนเกียจเกลียดหน่ายเวียนวนจิตกลอุทกในตระกร้าเปี่ยมล้นฤามี ฯก ¿ · ด ๒๔ · ว ¿๏ กละออมเพ็ญเพียบน้ำฤาติงโอ่งอ่างพร่องชลชิงเฟื่องหม้อผู้ปราชญ์ห่อนสุงสิงเยียใหญ่คนโฉดรู้น้อยก้อพลอดนั้นประมาณ ฯก ¿ · ด ๒๕ · ว ¿๏ งาสารฤๅห่อนเหี้ยนหดคืนคำกล่าวสาธุชนยืนอย่างนั้นทุรชนกล่าวคำฝืนคำเล่าหัวเต่ายาวแล้วสั้นเล่ห์ลิ้นทรชน ฯก ¿ · ด ๒๖ · ว ¿๏ ทรชนอย่าเคียดแค้นอย่าสนิทอย่าห่างศัตรูชิดอย่าใกล้คือไฟถ่านแรงฤทธิ์ถือถลาก มือนาแม้นดับแล้วบ่ไหม้หม่นต้องมือดำ ฯก ¿ · ด ๒๗ · ว ¿๏ มิตรพาลอย่าคบให้สนิทนักพาลใช่มิตรอย่ามักกล่าวใกล้ครั้นคราวเคียดคุมชักเอาโทษ ใส่นารู้เหตุสิ่งใดไซร้ส่อสิ้นกลางสนาม ฯก ¿ · ด ๒๘ · ว ¿๏ หมาใดตัวร้ายขบบาทาอย่าขบตอบต่อหมาอย่าขึ้งทรชนชาติช่วงทา-รุณโทษอย่าโกรธอย่าหน้าบึ้งตอบถ้อยถือความ ฯก ¿ · ด ๒๙ · ว ¿๏ ลูกสะเดาน้ำผึ้งซาบโทรมปนแล้วปลุกปองรสคนธ์แอบอ้อยตราบเท่าออกดอกผลพวงดกขมแห่งสะเดาน้อยหนึ่งรู้โรยรา ฯก ¿ · ด ๓๐ · ว ¿๏ พริกเผ็ดใครให้เผ็ดฉันใดหนามย่อมแหลมเองใครเซี่ยมได้จันทน์กฤษณาไฉนใครอบ หอมฤๅวงศ์แห่งนักปราชญ์ได้เพราะด้วยฉลาดเอง ฯก ¿ · ด ๓๑ · ว ¿๏ จันทน์แห้งกลิ่นห่อนได้ดรธานอ้อยหีบชานยังหวานโอชอ้อยช้างเข้าศึกเสี่ยมสารยกย่าง งามนาบัณทิตแม้นทุกข์ร้อยเท่ารื้อลืมธรรม ฯก ¿ · ด ๓๒ · ว ¿๏ ฝูงหงส์หลงเข้าสู่ฝูงกาสีหราชเคียงโคนาคลาดเคล้าม้าต้นระคนลาเลวชาตินักปราชญ์พาลพาเต้าสี่นี้ไฉนงาม ฯก ¿ · ด ๓๓ · ว ¿๏ แมลงวันแสวงเสพด้วยลามกพาลชาติเสาะสิ่งรกเรื่องร้ายภุมราเห็จเหินหกหาบุษ- บานานักปราชญ์ฤๅห่อนหม้ายหมั่นสู้แสวงธรรม ฯก ¿ · ด ๓๔ · ว ¿๏ เนื้อปองน้ำหญ้าบ่ปองทองลิงบ่ปองรัตน์ปองลูกไม้หมูปองอสุจิของ-หอมห่อน ปองนาคนเคลิบเคลิ้มบ้าใบ้ห่อนรู้ปองธรรม ฯก ¿ · ด ๓๕ · ว ¿๏ กายเกิดพยาธิโรคร้ายยาหายแต่พยศยาไป่วายตราบม้วยชาติเสือห่อนหายลายลบผ่องกล้วยก็กล้วยคงกล้วยกลับกล้ายฤๅมี ฯก ¿ · ด ๓๖ · ว ¿๏ ขุนเขาสูงร้อยโยชน์คณนาขุนปราบด้วยโยธาราบได้จักล้างพยศสาหัสยากยศศักดิ์ให้เท่าให้พยศนั้นฤาหาย ฯก ¿ · ด ๓๗ · ว ¿๏ คบคนผู้โฉดเคลิ้มอับผลหญิงเคียดอย่าระคนร่วมห้องอย่าคบหมู่ทรชนสอนยากบัณทิตแม้ตกต้องโทษสู้สมาคม ฯก ¿ · ด ๓๘ · ว ¿๏ ภูเขาอเนกล้ำหากมีบมิหนักแผ่นธรณีหน่อยไซร้หนักนักแต่กระลีลวงโลกอันจักทรงทานได้แด่พื้นนรกานต์ ฯก ¿ · ด ๓๙ · ว ¿๏ ภูเขาทั้งแท่งล้วนศิลาลมพยุพัดพาบ่ขึ้นสรรเสริญแลนินทาคนกล่าวใจปราชญ์ฤาเฟื่องพื้นห่อนได้จินต์จล ฯก ¿ · ด ๔๐ · ว ¿๏ ห้ามเพลิงไว้อย่าให้มีควันห้ามสุริยแสงจันทร์ส่องไซร้ห้ามอายุให้หันคืนเล่าห้ามดังนี้ไว้ได้จึ่งห้ามนินทา ฯก ¿ · ด ๔๑ (๔๒,๔๓,๔๔) · ว ¿๏ ภูเขาเหลือแหล่ล้วนศิลาหามณีจินดายากได้ฝูงชนเกิดนานาในโลกหานักปราชญ์นั้นไซร้เลือกแล้วฤามี ฯก ¿ · ด ๔๒ (๔๑,๔๒,๔๓) · ว ¿๏ ป่าหลวงหลายโยชน์พร้อมพฤกษาหาแก่นจันทน์กฤษณายากไซร้ฝูงคนเกิดมีมาเหลือแหล่หาปราชญ์ฤาจักได้ยากแท้ควรสงวน ฯก ¿ · ด ๔๓ (๔๑,๔๒,๔๔) · ว ¿๏ มัจฉามีทั่วท้องชโลธรหาเงือกงูมังกรยากได้ทั่วด้าวพระนครคนมาก มีนาจักเสาะสัปปุรุษไซร้ยากแท้จักมี ฯก ¿ · ด ๔๔ (๔๑,๔๒,๔๓) · ว ¿๏· ด ารามีมากร้อยถึงพันบ่เปรียบกับดวงจันทร์หนึ่งได้คนพาลมากอนันต์ในโลกจะเทียบเท่าปราชญ์ไซร้ยากแท้ฤาถึง ฯก ¿ · ด ๔๕ (๔๖,๔๗) · ว ¿๏ เหมหงส์เลี้ยงชีพด้วยสาครช้างพึ่งพนาดรป่าไม้ภุมราบุษบากรครองร่าง ตนนานักปราชญ์เลี้ยงตัวได้เพื่อด้วยปัญญา ฯก ¿ · ด ๔๖ (๔๕,๔๗) · ว ¿๏ นกแร้งบินได้เพื่อเวหาหมู่จระเข้เต่าปลาพึ่งน้ำเข็ญใจพึ่งราชาจอมราชลูกอ่อนอ้อนกลืนกล้ำเพื่อน้ำนมแรง ฯก ¿ · ด ๔๗ (๔๕,๔๖) · ว ¿๏ ป่าพึ่งพาลพยัคฆ์ร้ายราวีเสือพึ่งไพรพงพีเถื่อนถ้ำความชั่วพึ่งความดีเท็จพึ่ง จริงนาเรือพึ่งแรงน้ำน้ำหากรู้คุณเรือ ฯก ¿ · ด ๔๘ · ว ¿๏ ตีนงูงูไซร้หากเห็นกันนมไก่ไก่สำคัญไก่รู้หมู่โจรต่อโจรหันเห็นเล่ห์ กันนาเชิงปราชญ์ฉลาดกล่าวผู้ปราชญ์รู้เชิงกัน ฯก ¿ · ด ๔๙ (๕๐,๕๑,๕๒,๕๓) · ว ¿๏ มีอายุร้อยหนึ่งนานนักศีลชื่อปัญจางค์จักไป่รู้ขวบเดียวเด็กรู้รัก-ษานิจ ศีลนาพระตรัสสรรเสริญผู้เด็กนั้นเกิดศรี ฯก ¿ · ด ๕๐ (๔๙,๕๑,๕๒,๕๓) · ว ¿๏ คนใดยืนอยู่ร้อยพรรษาใจบ่มีปรีชาโหดไร้วันเดียวเด็กเกิดมาใจปราชญ์สรรเพชญ์บัณฑูรไว้เด็กนั้นควรยอ ฯก ¿ · ด ๕๑ (๔๙,๕๐,๕๒,๕๓) · ว ¿๏ คนใดยืนเหยียบร้อยขวบปีความอุตส่าหฤามีเท่าก้อยเด็กเกิดขวบหนึ่งดีเพียรพากพระตรัสว่าเด็กน้อยนี่เนื้อเวไนย ฯก ¿ · ด ๕๒ (๔๙,๕๐,๕๑,๕๓) · ว ¿๏ อายุถึงร้อยขวบเจียรกาลธัมโมชอันโอฬารบ่รู้เด็กน้อยเกิดประมาณวันหนึ่งเห็นถ่องธรรมยิ่งผู้แก่ร้อยพรรษา ฯก ¿ · ด ๕๓ (๔๙,๕๐,๕๑,๕๒) · ว ¿๏ มีอายุอยู่ร้อยปีปลายความเกิดแลความตายไป่รู้วันเดียวเด็กหญิงชายเห็นเกิด ตายนาลูกอ่อนนั้นยิ่งผู้แก่ร้อยปีปลาย ฯก ¿ · ด ๕๔ · ว ¿๏ ธิรางค์รู้ธรรมแม้มากหลายบ่กล่าวให้หญิงชายทั่วรู้ดุจหญิงสกลกายงามเลิศอยู่ร่วมเรือนผัวผู้โหดแท้ขันที ฯก ¿ · ด ๕๕ · ว ¿๏ เว้นวิจารณ์ว่างเว้นสดับฟังเว้นที่ถามอันยังไป่รู้เว้นเล่าลิขิตสัง-เกตว่าง เว้นนาเว้นดั่งกล่าวว่าผู้ปราชญ์ได้ฤามี ฯก ¿ · ด ๕๖ · ว ¿๏ รู้ธรรมเทียมเท่าผู้ทรงไตรเจนจัดอรรถภายในลึกล้นกล่าวแก้สิ่งสงสัยเลอะเลื่อนรสพระธรรมอั้นอ้นว่ารู้ใครชม ฯก ¿ · ด ๕๗ · ว ¿๏ รู้น้อยว่ามากรู้เริงใจกลกบเกิดอยู่ในสระจ้อยไป่เห็นชเลไกลกลางสมุทรชมว่าน้ำบ่อน้อยมากล้ำลึกเหลือ ฯก ¿ · ด ๕๘ · ว ¿๏ รูปชั่วมักแต่งแกล้งเกลาทรงใจขลาดมักอาจองอวดสู้น้ำพร่องกะละออมคงกระฉอก ฉานนาเฉาโฉดโอษฐ์อวดรู้ว่ารู้ใครเทียม ฯก ¿ · ด ๕๙ · ว ¿๏ จระเข้คับน่านน้ำไฉนหา ภักษ์เฮยรถใหญ่กว่ารัถยายากแท้เสือใหญ่กว่าวนาไฉนอยู่ ได้แฮเรือเขื่องคับชเลแล้แล่นโล้ไปไฉน ฯก ¿ · ด ๖๐ (๔๓๕) · ว ¿๏ มณฑกทำเทียบท้าวราชสีห์แมวว่ากูพยัคฆีแกว่นกล้านกจอกว่าฤทธีกูยิ่ง ครุฑนาคนประดากขุกมีข้ายิ่งนั้นแสนทวี ฯก ¿ · ด ๖๑ · ว ¿๏ หิ่งห้อยส่องก้นสู้พระจันทร์ปัดเทียบเทียมรัตนอันเอี่ยมข้าทองเหลืองหลู่สุวรรณธรรมชาติพาลว่าตนเองอ้าอาจล้ำเลยกวี ฯก ¿ · ด ๖๒ · ว ¿๏ เสือผอมกวางวิ่งเข้าโจมขวิดไป่ว่าเสือมีฤทธิ์เลิศล้ำเล็บเสือดั่งคมกฤชเสือซ่อน ไว้นาครั้นปะปามล้มคว่ำจึ่งรู้จักเสือ ฯก ¿ · ด ๖๓ · ว ¿๏ ทองเหลืองเปลื้องร้ายห่อนเห็นมีขัดเท่าขัดราคีเล่าไซร้นพคุณหมดใสสีเสร็จโทษถึงบ่แต่งตั้งไว้แจ่มแจ้งไพบูลย์ ฯก ¿ · ด ๖๔ · ว ¿๏ พระสมุทรไหวหวาดห้วยคลองสรวลเมรุพลวกปลวกสำรวลร่าเร้าสีหราชร่ำคร่ำครวญสุนัขเยาะ หยันนาสุริยส่องยามเย็นเข้าหิ่งห้อยยินดี ฯก ¿ · ด ๖๕ · ว ¿๏ แมวล่าหนูแซ่ซี้จรจรัลหมาล่าวิฬาร์ผันสู่หล้างครูล่าศิษย์และธรรม์คบเพื่อน พาลนาเสือล่าป่าแรมร้างหมดไม้ไพรสณฑ์ ฯก ¿ · ด ๖๖ · ว ¿๏ จามรีขนข้องอยู่หยุดปลดชีพบ่รักรักยศยิ่งไซร้สัตว์โลกซึ่งสมมติมีชาติดูเยี่ยงสัตว์นั้นได้ยศซ้องสรรเสริญ ฯก ¿ · ด ๖๗ · ว ¿๏ นพคุณใส่เบ้าสูบแสนทีค้อนเหล็กรุมรันตีห่อนม้วยบ่เจ็บเท่าธุลีสักหยาดเจ็บแต่ท่านชั่งด้วยกล่ำน้อยหัวดำ ฯก ¿ · ด ๖๘ · ว ¿๏ เสียสินสงวนศักดิ์ไว้วงศ์หงส์เสียศักดิ์สู้ประสงค์สิ่งรู้เสียรู้เร่งดำรงความสัตย์ ไว้นาเสียสัตย์อย่าเสียสู้ชีพม้วยมรณา ฯก ¿ · ด ๖๙ · ว ¿๏ ตัดจันทน์ฟันม่วงไม้จัมบกแปลงปลูกหนามรามรกรอบเรื้อฆ่าหงส์มยุรนกกระเหว่า เสียนาเลี้ยงหมู่กากินเนื้อว่ารู้ลีลา ฯก ¿ · ด ๗๐ · ว ¿๏ เอาสารเทียมอูฐโอ้เป็นมูลเก็บปัดเทียมแก้วปูนค่าไว้เมืองใดพิกัดพูนมีดั่ง นี้นานับแต่ไกลอย่าได้ไต่เต้าเมืองเข็ญ ฯก ¿ · ด ๗๑ · ว ¿๏ น้ำเคี้ยวยูงว่าเงี้ยวยูงตามทรายเหลือหางยูงงามว่าหญ้าตาทรายยิ่งนิลวามพรายเพริศลิงว่าหว้าหวังหว้าหว่าดิ้นโดยตาม ฯก ¿ · ด ๗๒ · ว ¿๏ สังขารหวัวผู้ว่าตนทระนงทรัพย์ย่อมหวัวคนจงว่าเจ้าหญิงหวัวแก่ชายหลงชมลูกมัจจุราชหวัวผู้เถ้าบ่รู้วันตาย ฯก ¿ · ด ๗๓ · ว ¿๏ มือด้วนคิดจะมล้างเขาหมายปากด้วนถ่มน้ำลายเลียบฟ้าหิ่งห้อยแข่งแสงฉายสุริเยศคนทุพพลอวดกล้าแข่งผู้มีบุญ ฯก ¿ · ด ๗๔ (๓๙๕,๓๙๖,๓๙๗) · ว ¿๏ แว่นตามาใส่ผู้อันธการคนหูหนวกฟังสำนานขับร้องคนใบ้ใฝ่แสดงสารโคลงกาพย์เฉกเครื่องประดับซ้องใส่ให้วานร ฯก ¿ · ด ๗๕ · ว ¿๏ วัดช้างเบื้องบาทรู้จักสารวัดอุทกชักกมุทมาลย์แม่นรู้ดูครูสดับโวหารสอนศิษย์ดูตระกูลเผ่าผู้เพื่อด้วยเจรจา ฯก ¿ · ด ๗๖ · ว ¿๏ พระสมุทรสุดลึกล้นคณนาสายดิ่งทิ้งทอดวาหยั่งได้เขาสูงอาจวัดวากำหนดจิตมนุษย์นี้ไซร้ยากแท้หยั่งถึง ฯก ¿ · ด ๗๗ · ว ¿๏ ไม้ล้มควรค่ามได้โดยหมายคนล้มจักข้ามกรายห่อนได้ทำชอบชอบห่อนหายชอบกลับ สนองนาทำผิดผิดจักให้โทษแท้ถึงตน ฯก ¿ · ด ๗๘ · ว ¿๏ ไม้ล้มจะค่ามให้ดูการคนท่าวล้มข้ามพานห่อนได้เสือผอมอย่าอวดหาญเข้าผลัก เสือแฮพาลประทุษฐ์ตกไร้อย่าได้ทำคุณ ฯก ¿ · ด ๗๙ · ว ¿๏ ทรชนยากไร้อย่าทำคุณอย่าหยิบทรัพย์อุดหนุนหย่อนให้ก่อเกื้อเกือบเกินทุนมันมั่ง มีนาครั้นค่อยคลายวายไร้กลับสู้ดูแคลน ฯก ¿ · ด ๘๐ · ว ¿๏ แม้นทำคุณท่านได้ถึงพันครั้นโทษมีแต่อันหนึ่งไซร้ติฉินหมิ่นคำหยันเยาะกล่าวกลบลบคุณหลังได้ถึงด้วยพันทวี ฯก ¿ · ด ๘๑ · ว ¿๏ ทำคุณท่านห่อนรู้คุณสนองท่านบ่แทนคุณปองโทษให้กลกาแต่งยูงทองลายเลิศยูงเอาหมึกหม้อไล้ลูบสิ้นสรรพางค์ ฯก ¿ · ด ๘๒ · ว ¿๏ เทพาพันเทพเรื้องฤทธิรงค์บ่เท่าพระอินทร์องค์หนึ่งได้คุณพันหนึ่งดำรงความชอบ ไว้นามีโทษอันหนึ่งไซร้กลบกล้ำพันคุณ ฯก ¿ · ด ๘๓ · ว ¿๏ ใครซื่อซื่อต่อตั้งตามกันใครคดคดผ่อนผันตอบเต้าทองแดงว่าสุวรรณยังถ่อง เหมือนฤาดุจลูกสูส่องเถ้าว่าโอ้เป็นลิง ฯก ¿ · ด ๘๔ · ว ¿๏ ใครทำโทษโทษนั้นแทนทดใครคิดจิตคดคดต่อบ้างใครจริงจึ่งจริงจรดรักต่อกันนาใครใคร่ร้างเร่งร้างรักร้างแรมไกล ฯก ¿ · ด ๘๕ · ว ¿๏ นายรักไพร่ไพร่พร้อมรักนายมีศึกสู้จนตายต่อแย้งนายเบียนไพร่กระจายจากหมู่นายบ่รักไพร่แกล้งล่อล้างผลาญนาย ฯก ¿ · ด ๘๖ · ว ¿๏ ข้าท้าวเอาจิตท้าวแม่นหมายบ่าวท่านเอาใจนายแม่นหมั้นศิษย์ท่านผ่อนผันผายโดยจิต ครูนาอยู่ที่เรือนตัวนั้นแต่น้ำใจเอง ฯก ¿ · ด ๘๗ · ว ¿๏ รักกันอยู่ขอบฟ้าเขาเขียวเสมออยู่หอแห่งเดียวร่วมห้องชังกันบ่แลเหลียวตาต่อ กันนาเหมือนขอบฟ้ามาป้องป่าไม้มาบัง ฯก ¿ · ด ๘๘ · ว ¿๏ ให้ท่านท่านจักให้ตอบสนองนบท่านท่านจักปองนอบไหว้รักท่านท่านควรครองความรัก เรานาสามสิ่งนี้เว้นไว้แต่ผู้ทรชน ฯก ¿ · ด ๘๙ · ว ¿๏ แม้นมีความรู้ดั่งสัพพัญญูผิบ่มีคนชูห่อนขึ้นหัวแหวนค่าเมืองตรูตาโลกทองบ่รองรับพื้นห่อนแก้วมีศรี ฯก ¿ · ด ๙๐ · ว ¿๏ ราชรถปรากฏด้วยธงชัยควันประจักษ์แก่ไฟเที่ยงแท้ราชาอิสระในสมบัติชายย่อมเฉลิมเลิศแล้ปิ่นแก้วเกศหญิง ฯก ¿ · ด ๙๑ · ว ¿๏ รำฟ้อนสุนทรด้วยรูปาร้องขับศัพท์เสน่หายิ่งแท้มวยปล้ำล่ำสันสา-มารถจึ่ง· ดีแฮรักกับชังนั้นแล้เพื่อลิ้นเจรจา ฯก ¿ · ด ๙๒ · ว ¿๏ กระเหว่าเสียงเพราะแท้แก่ตัวหญิงเลิศเพราะรักผัวแม่นหมั้นนักปราชญ์มาตรรูปมัวหมองเงื่อน งามนาเพราะเพื่อรสธรรมนั้นส่องให้เห็นงาม ฯก ¿ · ด ๙๓ · ว ¿๏ นารายณ์วายเว้นจากอาภรณ์อากาศขาดสุริยจรแจ่มหล้าเมืองใดบ่มีวรนักปราชญ์แม้ว่างามล้นฟ้าห่อนได้งามเลย ฯก ¿ · ด ๙๔ · ว ¿๏ เขาใดไร้ถ้ำราช-สีห์หมางสระโหดหงส์ละวางวากเว้พฤกษ์ใดบกใบบางบกหน่ายสาวซัดชู้โอ้เอ้เพราะชู้ชายทราม ฯก ¿ · ด ๙๕ · ว ¿๏ ป่าใดไกลพยัคฆ์ร้ายราวีไม้หมดม้วยบ่มีร่มเชื้อหญิงยศงดงามดีผัวหน่ายเป็นที่หมิ่นชายยื้อหยอกเย้าเสียตน ฯก ¿ · ด ๙๖ · ว ¿๏ พลูหมากจากโอษฐ์โอ้เสียศรีหญิงจากจอมสามีครอบเกล้าเรือนปราศจากบุตรีดรุณเด็กเมืองจากจอมภพเจ้าสี่นี้ฤๅงาม ฯก ¿ · ด ๙๗ · ว ¿๏ เจ็ดวันเว้นดีดซ้อมดนตรีอักขระห้าวันหนีเนิ่นช้าสามวันจากนารีเป็นอื่นวันหนึ่งเว้นล้างหน้าอับเศร้าศรีหมอง ฯก ¿ · ด ๙๘ · ว ¿๏· ด อยใดมีถ้ำราช-สีห์ประสงค์เหมืองมาบมีบัวหงส์หากใกล้ต้นไม้พุ่มพัวพงนกมาก มีนาสาวหนุ่มตามชู้ไซร้เพราะชู้ชอบตา ฯก ¿ · ด ๙๙ · ว ¿๏ เปือกตมชมชื่นเชื้อกาสรหงส์กับบุษบากรชื่นช้อยภิกษุเสพสังวรศีลสุข ไซร้นาบุรุษรสรักร้อยเท่าน้อมในหญิง ฯก ¿ · ด ๑๐๐ · ว ¿๏ ใครจักผูกโลกแม้รัดรึงเหล็กเท่าลำตาลตรึงไป่หมั้นมนตร์ยาผูกนานหึงหายเสื่อมผูกเพื่อไมตรีนั้นแน่นเท้าวันตาย ฯ
โคลงโลกนิติ · นำ · ๑-๑๐๐ · ๑๐๑-๒๐๐ · ๒๐๑-๓๐๐ · ๓๐๑-๔๐๐ · ๔๐๐- · ส่งท้าย