ซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ คุ้มไหม

มาขยายความในประเด็นที่หลายๆท่านได้ตอบไว้ครับ

การที่เราจะได้เงินเท่าไหร่ขึ้นกับ

1. กำลังการขุดของเราเทียบกับกำลังการขุดของทุกๆคนในโลกนี้
2. จำนวนเหรียญ Bitcoin ที่สามารถขุดได้ในแต่ละวัน

เริ่มจากข้อ 1 ก่อนครับ

ณ ตอนนี้ (8 พฤษภา 2564) กำลังการขุดของคนทั้งโลกประมาณ

160 TH/s (160 * 1 000 000 000 000 H / s)
(ข้อมูลจาก https://www.blockchain.com/charts/hash-rate)

สมมุติว่าเราใช้การ์ดจอ NVDIA GeForce RTX 3060 Ti ซึ่งมีกำลังการขุด

60 MH/s (60 * 1 000 000 H / s)

(ข้อมูลจาก https://www.nicehash.com/blog/post/nvidia-rtx-3060-ti-mining-hashrate)

ดังนั้นกำลังของการขุดของเราเทียบกับคนทั้งโลกเท่ากับ

(60 * 1 000 000) / (160 * 1 000 000 000 000) = 0.0000375%

ต่อกันที่ข้อ 2 ครับ

เราจะมาคำนวณว่าในแต่ละวันมีเหรียญ Bitcoin (BTC) ให้ขุดได้จำนวนเท่าไหร่

ณ ตอนนี้รางวัลการขุดเท่ากับ 6.25 BTC ต่อ block และระบบให้กำเนิด block ทุกๆ 10 นาที

ในหนึ่งวันมีจำนวนนาทีเท่ากับ 24 (ชั่วโมง) * 60 (นาที) = 1 440 นาที

ดังนั้นจะมี block เกิดขึ้น = 1 440 / 10 = 144 block

คิดเป็น BTC ต่อวันเท่ากับ 144 * 6.25 = 900 BTC ที่จะขุดได้

คราวนี้มารวมข้อ 1 กับ 2 ครับ

กำลังการขุดของเราเทียบกับคนทั้งโลกคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ = 0.0000375%

ดังนั้นเราคาดหวังว่าเราจะได้รับส่วนแบ่งของเหรียญ Bitcion = 0.000000375 * 900 = 0.0003375 BTC ต่อวัน

ให้ว่าราคา 1 BTC = 55 000 USD เราจะได้ 0.0003375 * 55 000 = 18.57 USD = 575 บาทต่อวัน  = 17 263 บาทต่อเดือน

ถ้าราคา 1 BTC ตกไปเป็น 45 000 USD เราจะได้ 0.0003375 * 45 000 = 15.19 USD = 471 บาทต่อวัน  = 14 124 บาทต่อเดือน

(คิด 31 บาทต่อ 1 USD)

แต่เราจะต้องนำรายได้เหล่านี้ไปหักกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ (ค่าไฟ ค่าหัวคิวของ pool) และค่าอุปกรณ์ที่เราลงทุนไปจึงจะบอกได้ว่าเราจะได้ทุนคืนเมื่อไหร่ และเราจะมีรายได้เป็น passive income หลังจากนั้นได้เท่าไหร่ โดยมีความเสี่ยงดังต่อไปนี้

- ถ้ากำลังการขุดของคนในโลกเพิ่มขึ้นไปอีก เพราะมีหลายๆคนที่อยากเขัามาขุดเหมือนกับเรา ส่วนแบ่งของเราจากฮาร์ดแวร์เดิมก็จะยิ่งน้อยลงไป ทำให้คืนทุนช้าและรายได้ลดลง

- วันนึงราคา BTC เกิดลงไปมากๆ (เช่นเหลือ 10 000 USD) รายได้เราอาจจะลดลงจนไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายที่เราต้องจ่ายไปรายเดือน สำหรับประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองร้อนและค่าไฟฟ้าแพง ต้นทุนการขุดในประเทศเราจะมากกว่าประเทศเมืองหนาวที่ค่าไฟถูก

เพราะฉะนั้นการที่เราจะคุ้มทุนได้เร็วและมี passive income อย่างสม่ำเสมอต่อเนื่อง เราต้องภาวนาให้ราคา BTC ขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าเป็นเช่นนั้น สู้เราเอาเงินทุนที่ต้องไปลงกับฮาร์ดแวร์การขุด กับค่าไฟ กับค่าดำเนินการอื่นๆ ไปซื้อ BTC เสียแต่แรกโดยจ้องจังหวะที่ราคาตก แล้วขายมันเวลาราคาขึ้น เราอาจทำกำไรได้เร็วและมากกว่า passive income ที่ค่อยๆสะสมในแต่ละเดือน และนี่น่าจะเป็นประเด็นที่หลายๆท่านไม่แนะนำให้ขุด แต่แนะนำให้เป็น BTC trader แทนครับ

ข่าวหุ้น, คลิปวิดีโอ3 มี.ค. 65 14:05น.2022-03-14

เป็นคำถามที่มักได้ยินกันบ่อยครั้งสำหรับนักลงทุนสาย “ขุดคริปโทฯ” ว่าความผันผวนของราคาคริปโทฯในปี 65 การลงทุนสายขุดยังจะมีความคุ้มค่าอยู่หรือไม่ ??

“Crypto Insight EP.16” ชวนไขความลับของเหมืองขุดคริปโทฯสัญชาติไทยที่มีประสิทธิภาพการขุดและขนาดใหญ่เป็นอันดับต้นๆในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผ่านมุมมองจาก “คุณแบม” หรือ นายกษมพัทธ์ วิธานวัฒนา Chief Operation Officer, Eternite Group Co., Ltd.

เริ่มต้นขุดคริปโทฯ ต้องรู้จักเครื่อง ASIC-การ์ดจอ

นายกษมพัทธ์ วิธานวัฒนา Chief Operation Officer, Eternite Group Co., Ltd. เปิดเผยกับ “อินโฟเควสท์” ว่า การขุดคริปโทฯคือคำนิยามของการประมวลผลธุรกรรมในบล็อกเชนด้วยกระบวนการ Proof-of-Work (PoW) ซึ่งผู้ที่ยืนยันธุรกรรมเหล่านี้ก็คือ “นักขุด” หรือที่เราเรียกว่า “Miner” ที่สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภทตามอุปกรณ์นการขุด ได้แก่

1. เครื่อง ASIC = เครื่องประมวลผลเฉพาะทาง หรือเครื่องขุดเฉพาะทาง มักใช้ในการขุดเหรียญใดเหรียญหนึ่ง นิยมในการใช้ขุดบิทคอยน์โดยตรง

2. การ์ดจอ (Graphics Processing Unit) อุปกรณ์ชิ้นส่วนหนึ่งในชุดคอมพิวเตอร์ นำไปดัดแปลงบางส่วน เพื่อให้คุ้มค่าในต้นทุนการขุด

“การขุดคริปโทฯให้เชี่ยวชาญคือต้องเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะกับเหรียญแต่ละชนิด เนื่องจากอุปกรณ์ที่ต่างกัน ความถนัดในการขุดเหรียญนั้นก็ต่างกันด้วย ยกตัวอย่างเครื่อง ASIC ที่ใคร ๆ ก็ชอบพูดว่าเสียบปลั๊กรับตังค์ แต่ต้องอย่าลืมว่าการรับประกันอุปกรณ์เครื่อง ASIC นั้นมีระยะสั้นกว่ามากเมื่อเทียบกับการรับประกันการ์ดจอ เป็นหนึ่งในความคุ้มค่าที่เราต้องนำมาประเมินในการลงทุนด้วย”

นายกษมพัทธ์ กล่าว

ลงทุนขุดคริปโทฯปี 2565 ยังทันไหม ??

การลงทุนขุดคริปโทฯจำเป็นอย่างมากที่นักลงทุนต้องเข้าใจวัฎจักรการเคลื่อนไหวของราคาคริปโทฯด้วย เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดมากกว่าผลตอบแทนระยะสั้น คือต้องยืนระยะยาวให้ได้ ต้องมีสายป่านเพียงพอต่อการลงทุนยาว สังเกตุได้จากช่วงที่ผ่านมาพบว่าในยามที่ตลาดคริปโทฯเป็นขาลง แทนที่นักลงทุนจะขายเหรียญทิ้ง แต่กลับกลายเป็นแห่ขายแท่นขุดทิ้งมากกว่า ส่งผลให้ราคาการ์ดจอร่วงลงอย่างหนัก อย่างไรก็ตาม ภาวะที่ตลาดคริปโทฯ กลับมาเป็นขาขึ้น หากใครมีอุปกรณ์ที่พร้อมขุดอยู่แล้วก็สามารถเปิดเครื่องขุดต่อได้ทันที

ส่วนการคำนวณต้นทุนหลักอย่าง “ค่าไฟ” ควรต้องคำนึงถึงแหล่งต้นทุนค่าไฟที่ใช้งานว่าเป็นลักษณะใด เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพของแรงขุด (Hash Rate) มากที่สุด ขณะเดียวกันก็เสียค่าไฟน้อยที่สุดเช่นกัน

สำหรับประเด็นที่หลายคนสงสัยถึงความคุ้มค่าของแหล่งพลังงานทางเลือก เช่น โซลาร์เซลล์ จะมีความคุ้มค่ามากกว่าหรือไม่นั้น อยากให้มองว่าพลังงานทางเลือกก็เป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์ที่ต้องลงทุนเช่นกัน ดังนั้น หากยังไม่มีโซลาร์เซลล์แล้วต้องลงทุนใหม่ก็อาจจะใช้เวลาคืนทุนยาวนาน แต่หากผู้ที่ต้องการขุดมีโซลาร์เซลล์อยู่แล้วก็สามารถนำไฟฟ้าที่ผลิตได้มาใช้ขุด ซึ่งจะทำให้ได้ต้นทุนต่ำทันที ดังนั้น จึงอยากย้ำว่าผู้ที่ต้องการได้ต้นทุนต่ำจากการใช้พลังงานจากโซลาร์เซลล์ก็ควรคำนึงถึงต้นทุนการติดตั้งใหม่ให้ดีด้วย

ซื้อเครื่องขุดบิทคอยน์ คุ้มไหม

“นอกเหนือจากสายการลงทุนในคริปโทฯด้วยการซื้อเหรียญแบบ DCA (Dollar Average Cost) แต่การลงทุนในสายขุดก็สามารถ DCA ซื้อลงทุนในการ์ดจอได้เช่นกัน เพราะช่วงที่ผ่านมาราคาการ์ดจอค่อนข้างผันผวนและมีราคาแพง แต่ส่วนตัวมองว่าการ์ดจอนับเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่จับต้องได้ (Physical Asset) มีประกันการใช้งาน และหากต้องการขายทอดตลาดก็ทำได้เช่นกัน”

นายกษมพัทธ์ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 มี.ค. 65)

Tags: Crypto Insight, Cryptocurrency, DCA, กษมพัทธ์ วิธานวัฒนา, ขุดคริปโท, คริปโทเคอร์เรนซี, บล็อกเชน