วางจำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่ถือว่า เป็นไอโฟนที่หลายๆ คนรอคอยเช่นกัน และด้วยราคาค่าตัวเริ่มต้นที่สูงถึง 24,900 บาท สำหรับ iPhone 6 และ 28,900 บาท สำหรับ iPhone 6 Plus ทำให้คงต้องยอมเสียเวลาตรวจสอบเครื่องให้ละเอียด ก่อนนำออกจากร้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาที่ตามมาในภายหลัง และในวันนี้ ทีมงานเว็บไซต์ techmoblog จะมาแนะนำ วิธีการตรวจสอบ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในเบื้องต้น ก่อนซื้อและนำออกจากร้าน และเป็นวิธีที่สามารถนำไปทำตามได้เลย ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่อย่างใด มาดูกันครับว่า สามารถทำได้อย่างไรบ้าง ขั้นตอนที่ 1 : ตรวจสอบกล่องบรรจุตัวเครื่อง ใครว่ากล่องไม่สำคัญ? แต่สำหรับ iPhone แล้ว จะต้องดูตั้งแต่กล่องกันเลยทีเดียวครับ อย่างแรกก็คือ พลาสติกห่อหุ้มจะต้องอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีการตัดหรือแกะมาก่อน หรือมีการซีลที่ผิดปกติ ถ้าหากเจอแบบนี้ ให้ปฏิเสธการรับเครื่องไปได้เลย เพราะอาจจะเป็นเครื่องที่ถูกเปิดมาแล้วก่อนหน้านั้น และถูกซีลใหม่ นอกจากภายนอกกล่องแล้ว อุปกรณ์ภายในกล่องก็สำคัญเช่นกัน จะต้องทำการตรวจสอบว่า ได้มาครบถูกต้องและอยู่ในสภาพสมบูรณ์หรือไม่ ซึ่งประกอบไปด้วย สายชาร์จแบบ Lightning Cable, Adapter, หูฟังแบบ EarPods พร้อมกล่อง, คู่มือการใช้งาน และเข็มจิ้มถาดซิมการ์ดที่อยู่ภายในคู่มือ ขั้นตอนที่ 2 : ตรวจสอบเลข IMEI สำหรับการตรวจสอบเลข IMEI บน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus สามารถทำได้ง่ายๆ ครับ ด้วยการพลิกไปที่ด้านหลังตัวเครื่อง ซึ่งด้านล่าง จะมีตัวเลข IMEI กำกับอยู่ ให้ทำการเช็คกับใต้กล่องว่า ตัวเลขตรงกันหรือไม่ ถ้าหากไม่ตรงกัน ให้ปฏิเสธการรับเครื่องทันที ขั้นตอนที่ 3 : ตรวจสอบตัวเครื่อง การตรวจสอบตัวเครื่อง ถือว่า เป็นขั้นตอนที่สำคัญมากครับ โดยสิ่งที่จะต้องทำการตรวจสอบ ได้แก่ • สภาพตัวเครื่องภายนอก จะต้องไม่มีรอยบุบ, รอยถลอก หรือรอยต่างๆ ถ้าหากตรวจสอบแล้วพบว่า มีตำหนิ ให้ปฏิเสธการรับเครื่อง และเปลี่ยนเครื่องใหม่ทันที ขั้นตอนที่ 4 : ใส่ซิมการ์ด และเปิดเครื่อง หลังจากตรวจสอบตัวเครื่อง และไม่มีรอยตำหนิใดๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือ การ activate ตัวเครื่องนั่นเอง ด้วยการใส่ซิมการ์ด และใส่ Apple ID เพื่อเปิดใช้งาน ซึ่งการตรวจสอบการใช้งานในเบื้องต้น มีดังนี้ • สังเกตทุกจุดบนหน้าจอด้วยว่า มี Dead Pixel ปรากฏหรือไม่ โดยสามารถเข้าไปตรวจสอบ Dead Pixel ได้ที่ https://iphonedpt.awardspace.com/ แล้วทดสอบเปลี่ยนสีหน้าจอตามที่กำหนด • ตรวจสอบ Touch Screen กันบ้าง ด้วยการสัมผัสลงไปบนหน้าจอทุกจุดว่า มีการทำงานผิดปกติหรือไม่ เช่น การปัดหน้าจอจากซ้ายไปขวา จากบนลงล่าง รวมไปถึงการพิมพ์บนคีย์บอร์ดว่า ตอบสนองต่อการสัมผัสทุกจุดด้วยหรือไม่ • ตรวจสอบปุ่มควบคุมการทำงานรอบๆ ตัวเครื่อง เช่น ปุ่มปรับระดับเสียง เมื่อกดแล้ว มีการแสดงผลที่หน้าจอหรือไม่ เสียงดังขึ้นหรือเบาลงหรือไม่ รวมไปถึงปุ่มปิดเสียง (ด้านบนปุ่มปรับระดับเสียง), ปุ่ม Power และปุ่ม Home ว่า ทำงานได้ปกติดีหรือไม่ • เนื่องจาก iPhone 6 และ iPhone 6 Plus มีฟีเจอร์ Touch ID หรือสแกนลายนิ้วมือในตัว ให้ลองทดสอบ Touch ID ด้วยการเพิ่มลายนิ้วมือเข้าไปครับ โดยสามารถตั้งค่าได้ที่ Settings > General > Touch ID & Passcode > Touch ID • ตรวจสอบหน่วยความจำภายในตัวเครื่องว่า ตรงกับที่ซื้อหรือไม่ เช่น ซื้อ iPhone 6 ความจุ 16 GB มา แต่จะเหลือพื้นที่ว่างราวๆ 12 GB แต่ถ้าหากซื้อ iPhone 6 ความจุ 64 GB แต่เหลือพื้นที่ภายในเพียง 12 GB แบบนี้ถือว่า มีปัญหาครับ โดยสามารถตรวจสอบได้ที่ Settings > General > About > Available • ทดสอบการปรับหน้าจอของตัวเครื่อง ทั้งแนวตั้งและแนวนอน • ทดสอบการถ่ายรูปด้วยกล้องด้านหน้า และกล้องด้านหลัง โดยให้ทดสอบถ่ายทุกโหมดครับ ทั้งภาพนิ่ง, วีดีโอ, ถ่ายภาพรัว, พาโนรามา รวมไปถึงการโฟกัสภาพในแต่ละจุด, การซูมภาพ และการถ่ายภาพด้วยไฟแฟลช นอกจากนี้ ในส่วนของการถ่ายวีดีโอ เมื่อเปิดดูจะต้องมีเสียงติดเข้ามาด้วย • ทดสอบลำโพง ด้วยการเปิดเสียงเรียกเข้าเพื่อทำการทดสอบ และให้ปรับระดับเสียง จากดังไปเบา หรือเบาไปดัง และสังเกตว่า ได้เสียงที่ผิดปกติหรือไม่ • ทดสอบการคุยโทรศัพท์ว่า ให้เสียงที่ดังฟังชัดหรือไม่ ด้วยการโทรไปหาเพื่อน นอกจากนี้ อย่าลืมทดสอบการโทรผ่านทางหูฟัง EarPods ด้วยนะครับ • ทดสอบหูฟัง EarPods ว่า ให้เสียงดังปกติหรือไม่ รวมไปถึงปุ่มปรับระดับเสียง, เล่นเพลง, หยุดเพลง ว่า ปกติดีหรือไม่ • ทดสอบการชาร์จแบตเตอรี่ ด้วยสายชาร์จ Lightning Connector กับตัว Adapter ว่า มีไฟเข้าตัวเครื่องหรือไม่ • ทดสอบการใช้งานอินเทอร์เน็ต ทั้งการเชื่อมต่อ Wi-Fi กับ 3G/4G แล้วสังเกตว่า มีการเชื่อมต่อที่ปกติหรือไม่ สรุปส่งท้าย สำหรับข้อมูลข้างต้น เป็นวิธีการตรวจสอบตัวเครื่อง, อุปกรณ์ และการใช้งานต่างๆ บน iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ในเบื้องต้น ที่แม้จะดูยุ่งยาก และเสียเวลาไปหน่อย แต่ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า จะได้เครื่องที่สมบูรณ์ ไร้ปัญหา และนำกลับบ้านไปใช้งานได้อย่างหมดห่วง นอกจากนี้ เพื่อให้ iPhone 6 และ iPhone 6 Plus สามารถใช้งานได้ยาวนานขึ้น ทีมงาน techmoblog แนะนำให้ไปติดฟิล์มกันรอยที่หน้าจอ รวมไปถึงการใส่เคส เป็นการถนอมเครื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวเครื่องเกิดรอยก่อนเวลาอันควรนั่นเองครับ --------------------------------------- Update : 26/03/2015 iphone 6 iPhone 6 Plus |