วิธีการรับรู้เกี่ยวกับสื่อโฆษณา

25 มีนาคม 2021 | โดย: Julia Bowers ผู้จัดการสินค้าอาวุโส

ทุกแคมเปญการโฆษณาที่ประสบความสำเร็จล้วนเริ่มต้นด้วยแผนสื่อ เนื้อหาต่อไปนี้เป็นคู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการวางแผนสื่อโฆษณา รวมถึงภาพรวมของการวางแผนสื่อและการซื้อสื่อ วิธีการสร้างแผนสื่อด้วยแม่แบบแผนสื่อ และข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของการวางแผนและการซื้อสื่อด้วย Amazon Ads รวมถึงกรณีศึกษาของแบรนด์สินค้าดูแลบ้าน

การวางแผนสื่อคืออะไร

การวางแผนสื่อเป็นกระบวนการที่ผู้โฆษณาต้องดำเนินการก่อนที่จะซื้อและเปิดตัวโฆษณาเพื่อวัดประสิทธิภาพและเพิ่ม ROI (ผลตอบแทนการลงทุน) ให้ได้มากที่สุด โดยถือเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญของแคมเปญโฆษณาทุกแคมเปญ ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของกระบวนการวางแผนสื่อก็คือเอกสารร่างแผนสื่อที่จะกำหนดแนวทางแคมเปญโฆษณาของคุณ

การวางแผนสื่อมีประโยชน์อย่างไร

การวางแผนสื่อมีประโยชน์หลายประการ ได้แก่

  • คุณจะเริ่มต้นและใช้แคมเปญได้อย่างมีระเบียบตลอดระยะเวลาของแคมเปญโฆษณา
  • คุณจะสามารถกำหนดและติดตามงบประมาณของแคมเปญได้
  • การวิจัยที่คุณดำเนินการล่วงหน้าจะช่วยให้คุณเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ดีขึ้น ซึ่งทำให้การกำหนดเป้าหมายและการระบุเซ็กเมนต์กลุ่มเป้าหมายมีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • คุณจะเห็นภาพของสิ่งที่ผู้ขายรายอื่นทำอยู่ได้ชัดเจนขึ้น
  • คุณจะมีเกณฑ์มาตรฐานสำหรับใช้เปรียบเทียบแคมเปญโฆษณาในอนาคต

ฉันจะสร้างแผนสื่อได้อย่างไร การวางแผนสื่อมีขั้นตอนอะไรบ้าง

แผนสื่อมีองค์ประกอบสำคัญสี่อย่าง

  • การวิจัยและการวิเคราะห์: กลุ่มเป้าหมาย ผู้มีส่วนได้เสียในเซ็กเมนต์ตลาด สิ่งที่ได้เรียนรู้จากแคมเปญก่อนหน้า และผู้ขายรายอื่น ๆ ในหมวดหมู่เดียวกับคุณ
  • วัตถุประสงค์ทางการตลาดและ KPI (ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก): วัตถุประสงค์หลักทางธุรกิจของคุณและการวิเคราะห์ที่คุณจะนำมาใช้เพื่อประเมินความสำเร็จ รวมถึงทุกอย่างตั้งแต่อัตราคอนเวอร์ชัน ตัววัดโซเชียลมีเดีย ไปจนถึงต้นทุนต่อคลิกหรือผลลัพธ์
  • กลยุทธ์สื่อ: งบประมาณ สื่อที่เหมาะสม และสื่อที่ต้องหลีกเลี่ยง (ทั้งแบบที่ต้องจ่ายเงินและไม่ต้องจ่ายเงิน) ข้อความสำคัญ ข้อความ CTA (กระตุ้นให้เกิดการดำเนินการ) ข้อมูลจำเพาะ สิ่งที่ส่งมอบ และไทม์ไลน์
  • การใช้งาน การประเมิน และการตรวจวัด: คุณจะเปิดตัว เฝ้าติดตาม และวัดประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาเมื่อไรและอย่างไร

ขั้นตอนการวางแผนสื่อมีเส้นทางดังนี้:

  1. ทำการวิจัยและวิเคราะห์ จัดประชุมกับผู้มีส่วนได้เสียเพื่อหารือเกี่ยวกับแคมเปญทึ่เคยทำ กำหนดกลุ่มเป้าหมายและภูมิศาสตร์
  2. กำหนดวัตถุประสงค์และ KPI จากนั้นบันทึกลงในแผนสื่อ
  3. สร้างสเปรดชีตงบประมาณและสเปรดชีตการติดตามงบประมาณ สร้างข้อความสำคัญและข้อความ CTA จากนั้นกำหนดไทม์ไลน์และสิ่งที่ส่งมอบพร้อมข้อมูลจำเพาะ บันทึกทั้งหมดนี้ลงในแผนสื่อของคุณ ติดต่อช่องทางสื่อหรือทำงานร่วมกับผู้วางแผนสื่อเพื่อให้มาช่วยติดต่อช่องทางสื่อ วางแผนสิ่งที่ต้องทำและเวลาที่จะดำเนินการ
  4. เปิดตัวและเฝ้าติดตามแคมเปญโฆษณาของคุณเป็นประจำ จดบันทึกสิ่งที่ได้ผลและไม่ได้ผล แล้วปรับกลยุทธ์ของคุณ ทำการทดสอบ A/B เพื่อวัดว่าหัวเรื่องหรือรูปภาพแบบไหนจะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่ากัน ในตอนท้ายของแคมเปญโฆษณา ให้วัดผลลัพธ์สุดท้ายว่าเป็นไปตาม KPI ที่ตั้งไว้มากเพียงใด

การวางแผนสื่อแตกต่างจากการซื้อสื่ออย่างไร

การซื้อสื่อคือสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากวางแผนสื่อเรียบร้อยแล้ว เรียกได้ว่าทั้งสองจะเกิดขึ้นควบคู่กันไป การวางแผนสื่อจะกำหนดพารามิเตอร์สำหรับการซื้อสื่อ การซื้อสื่อหมายถึงการประเมินตัวเลือกสื่อโฆษณาทั้งหมดภายใต้งบประมาณของคุณ เพื่อกำหนดว่ากลุ่มเป้าหมาย ประเภทโฆษณา และการผสมผสานของช่องทางสื่อแบบใดจะช่วยสร้างผลลัพธ์แคมเปญที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จากนั้นจึงเข้าสู่ขั้นตอนการซื้อโฆษณา แบรนด์ต่าง ๆ มักทำงานร่วมกับนักวางแผนสื่อเพื่อซื้อสื่อโฆษณา การซื้อสื่อจะมุ่งเน้นไปที่สื่อโฆษณาที่ต้องจ่ายเงิน

สื่อโฆษณาที่ต้องจ่ายเงินและสื่อที่ไม่ต้องจ่ายเงินคืออะไร

สื่อโฆษณาที่ต้องจ่ายเงินและสื่อที่ไม่ต้องจ่ายเงินจะทำงานร่วมกันเพื่อสนับสนุนธุรกิจหรือสินค้าของคุณ สื่อโฆษณาที่ต้องจ่ายเงินมีทั้งการโฆษณาแบบดิจิทัลและโฆษณาแบบดั้งเดิม (ทีวี วิทยุ ป้ายกลางแจ้ง ฯลฯ) ส่วนสื่อโฆษณาที่ไม่ต้องจ่ายเงินหมายถึงการที่มีคนโพสต์ถึงบนโซเชียลมีเดียโดยไม่ได้จ่ายเงิน หรือบล็อกบนเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งคุณสามารถควบคุมข้อความได้แต่ไม่ต้องจ่ายเงินเพื่อให้คนโพสต์ แผนสื่อของคุณควรมีรายละเอียดของสื่อทั้งแบบที่ต้องจ่ายเงินและไม่ต้องต้องจ่ายเงิน

Amazon Ads มีโซลูชันหลายอย่างสำหรับสื่อโฆษณาที่ต้องจ่ายเงิน เช่น Sponsored Display และโฆษณาวิดีโอ ในขณะที่สื่อโฆษณาที่ไม่ต้องต้องจ่ายเงินได้แก่ Stores และโพสต์ต่าง ๆ ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่สนับสนุนการทำงานของแบรนด์และผู้โฆษณาสามารถใช้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

แม่แบบการวางแผนสื่อ

ด้านล่างคือแม่แบบแผนสื่อที่มีคำแนะนำทีละขั้นตอนเกี่ยวกับวิธีสร้างแผนสื่อ

แม่แบบแผนสื่อ Amazon Ads

บริษัท: ชื่อบริษัท
แคมเปญ: ชื่อ

การวิจัย/การวิเคราะห์

กลุ่มเป้าหมาย

ได้แก่ ข้อมูลทางประชากรศาสตร์ของกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงความสนใจ ไลฟ์สไตล์ และรายละเอียดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง

ภูมิศาสตร์

ลงรายละเอียดขอบเขตทางภูมิศาสตร์ของแคมเปญของคุณ

ผู้มีส่วนได้เสีย

ทำรายชื่อผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจทั้งหมดและบทบาทของพวกเขา

ข้อมูลพื้นฐาน/สถานการณ์

ระบุข้อมูลทางธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญที่กี่ยวข้องกับแคมเปญนี้

ผลลัพธ์ก่อนหน้า

ระบุแคมเปญที่เคยทำ/ที่คล้ายกันที่ประสบความสำเร็จมาสามแคมเปญ

สิ่งที่ได้เรียนรู้

ระบุสิ่งที่ควรปรับปรุงสามอย่าง

ผู้ขายรายอื่น

รายชื่อบริษัทและสินค้าของผู้ขายรายอื่น

วัตถุประสงค์ทางการตลาดและตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก

วัตถุประสงค์ทางการตลาด

ระบุวัตถุประสงค์หลักของแคมเปญนี้

ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก (KPI)

สร้างวิธีวิเคราะห์เพื่อประเมินความสำเร็จ ซึ่งอาจรวมถึงยอดคลิกหรือโอกาสในการขาย อัตราคอนเวอร์ชัน การเติบโตในแง่เปอร์เซ็นต์หรือเม็ดเงิน หรือตัววัดอื่น ๆ

กลยุทธ์สื่อ

งบประมาณ

ระบุต้นทุนสื่อโฆษณาที่ต้องจ่ายเงิน รวมถึงกลยุทธ์ เนื้อหา การออกแบบ และต้นทุนการดำเนินงาน

สื่อ

ระบุกลยุทธ์สื่อที่ต้องการตามลำดับ

กลยุทธ์สื่อที่ต้องหลีกเลี่ยง

ระบุกลยุทธ์ที่ใช้ไม่ได้ผลในอดีต

ข้อความสำคัญ

ร่างข้อความสำคัญโดยเรียงตามลำดับสิ่งที่คุณต้องการสื่อสารในแคมเปญนี้ โดยให้แต่ละข้อความสำคัญมีประเด็นสนับสนุนข้อ

ข้อความ CTA (กระตุ้นให้เกิดการดำเนินการ)

ระบุสิ่งที่ต้องการให้ลูกค้าดำเนินการหลังจากเห็นแคมเปญของคุณ

ข้อมูลจำเพาะของรูปภาพ

อธิบายภาพที่คุณต้องให้แคมเปญของคุณเป็นและสิ่งที่คุณต้องการหลีกเลี่ยง

สิ่งที่ส่งมอบ

ทำรายการเนื้อหาที่ต้องสร้างขึ้นมาสำหรับแคมเปญนี้ พร้อมข้อมูลจำเพาะ

ไทม์ไลน์

แจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับการวางแผน การเปิดตัว และระยะตรวจวัดแคมเปญ อย่าลืมว่าสื่อบางประเภท เช่น โฆษณาแบบดั้งเดิมบางประเภทจำเป็นต้องมีการซื้อล่วงหน้าก่อนเวลาเปิดตัวแคมเปญ

การใช้งานและการตรวจวัด

การเปิดตัว

กำหนดวันเปิดตัวแคมเปญ

การตรวจวัด

ระบุเวลาและวิธีติดตามผลลัพธ์

สิ้นสุดแคมเปญ

กำหนดวันที่สิ้นสุดของแคมเปญและวันที่จะนำผลลัพธ์สุดท้ายมาพิจารณาร่วมกับข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำสำหรับแคมเปญโฆษณาในอนาคต

การวางแผนสื่อด้วย Amazon Ads

Amazon Ads มีทรัพยากรอันหลากหลายที่จะช่วยคุณในการวางแผนสื่อ ข้อมูลเชิงลึกจะช่วยให้คุณได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย เครื่องมือของเราจะช่วยให้คุณใช้ประโยชน์จากข้อมูลเชิงลึกให้ได้อย่างคุ้มค่าที่สุด และมีเป้าหมายหลักในการช่วยให้คุณทราบว่าควรนำงบประมาณทางการตลาดไปลงทุนที่ใด เนื้อหาต่อไปนี้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีที่ผู้โฆษณารายหนึ่งใช้ข้อมูลเชิงลึกและเครื่องมือของ Amazon Ads ในการสร้างและใช้แผนสื่ออย่างมีประสิทธิภาพ

วิธีการรับรู้เกี่ยวกับสื่อโฆษณา

เรื่องราวความสำเร็จของลูกค้า: การวางแผนประจำปีของแบรนด์สินค้าดูแลบ้าน

ใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อกำหนดกลยุทธ์สื่อของแบรนด์สินค้าดูแลบ้าน

มีข้อมูลเชิงลึกสำคัญสามประการที่ช่วยกำหนดแผนสื่อปี 2020 ของแบรนด์สินค้าดูแลบ้าน ได้แก่

1. การรับรู้ของแบรนด์

การค้นหาที่ใส่ชื่อแบรนด์ช่วยให้แบรนด์สินค้าดูแลบ้านเข้าใจว่าลูกค้ารับรู้ถึงแบรนด์ของพวกเขาและมีความสนใจในแบรนด์เมื่อช้อปปิ้งสินค้าบางหมวดหมู่

การสรุปความแตกต่างระหว่างการค้นหาที่มีและไม่มีชื่อแบรนด์จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการทำความเข้าใจเรื่องนี้ การค้นหาที่ไม่มีชื่อแบรนด์หมายถึงคำค้นหาเกี่ยวกับการช้อปปิ้งที่ไม่มีชื่อบริษัทหรือไม่แสดงให้เห็นว่ารู้จักแบรนด์มาก่อน การค้นหาที่มีชื่อแบรนด์หมายถึงคำค้นหาเกี่ยวกับการช้อปปิ้งที่มีชื่อบริษัทและแสดงถึงความคุ้นเคยกับแบรนด์ การค้นหาที่มีชื่อแบรนด์ใช้ระบุการรับรู้โดยรวมที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ขณะที่พวกเขามองหาสินค้าที่เฉพาะเจาะจง เช่น น้ำหอมปรับอากาศ

ข้อมูลเชิงลึกแสดงให้เห็นว่าในปี 2019 แบรนด์สินค้าดูแลบ้านเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่ปี 2018 ถึง 2019 ดัชนีการค้นหาของแบรนด์เพิ่มขึ้น 38% หมายความว่าลูกค้าที่พิมพ์ชื่อแบรนด์ในแถบการค้นหาบน Amazon มีจำนวนเพิ่มขึ้น 38% สาเหตุมาจากการลงทุนในกลยุทธ์ระดับบนของกรวยการตลาดในปี 2019 ซึ่งมุ่งเน้นการรับรู้ของแบรนด์ เช่น OTT (วิดีโอที่เผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต) และโฆษณาบนแท็บเล็ต Fire: ลูกค้าที่ค้นพบแบรนด์มีจำนวนมากขึ้น จึงช่วยเพิ่มจำนวนคำค้นหาที่มีชื่อแบรนด์ขึ้นด้วย

การค้นหาที่มีชื่อแบรนด์ให้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับความตั้งใจของนักช้อป เพราะทำให้รู้ว่าพวกเขามาที่ Amazon และมองหาแบรนด์โดยเฉพาะ ไม่ได้ค้นหาด้วยคำทั่วไป อันที่จริง จากยอดคลิกโฆษณาสปอนเซอร์ทั้งหมดของแบรนด์สินค้าดูแลบ้าน ยอดคลิก 97% มาจากนักช้อปที่ใช้คำค้นหาที่มีชื่อของแบรนด์ หมายความว่ามียอดคลิกโฆษณาสปอนเซอร์ เพียง 3% เท่านั้นที่มาจากนักช้อปที่ใช้คำค้นหาทั่ว ๆ ไป เช่น “น้ำหอมปรับอากาศในบ้าน” หรือ “สเปรย์ห้องน้ำ” ข้อมูลนี้บอกเราว่าเมื่อลูกค้าใช้คำที่มีชื่อแบรนด์ในการค้นหาขณะช้อปปิ้งสินค้าของแบรนด์ พวกเขามีแนวโน้มสูงขึ้นที่จะคลิกสินค้าของแบรนด์ ยอดคลิกสามารถนำไปสู่การเข้าชมสินค้าซึ่งจะช่วยทำให้เกิดการทำตลาดซ้ำและผลักดันให้เกิดการซื้อในท้ายที่สุด

นี่หมายความว่าแบรนด์ต้องมุ่งเน้นกลยุทธ์สื่อเกี่ยวกับกลวิธีในการสร้างการรับรู้

2. ความถี่ในการซื้อ

แบรนด์จำเป็นจะต้องรู้ว่าตัวเองยืนอยู่จุดไหนเมื่อเทียบกับผู้ขายรายอื่น ๆ ก่อนทำการสร้างแผนสื่อ แบรนด์สินค้าดูแลบ้านมุ่งเน้นที่ความถี่ในการซื้อเพื่อกำหนดเกณฑ์มาตรฐานในการเปรียบเทียบกับผู้ขายรายอื่น ข้อมูลเชิงลึกนี้จะช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ เข้าใจความภักดีของลูกค้าและรู้ว่าลูกค้าจะกลับมาซื้อสินค้าของแบรนด์หรือไม่

พวกเขาแจกแจงจำนวนลูกค้าที่ซื้อสินค้าของแบรนด์หลายครั้งตลอดทั้งปีเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วนำไปเทียบกับผู้ที่ซื้อสินค้าครั้งเดียวหรือซื้อจากแบรนด์เพียงครั้งเดียวในปีนั้น ลูกค้าส่วนใหญ่ถึง 83% ซื้อสินค้าของแบรนด์บน Amazon เพียงปีละครั้งเท่านั้น ส่วนลูกค้า 17% กลับมาซื้อซ้ำอีก

ข้อมูลเชิงลึกยังบอกอีกว่าแบรนด์อื่น ๆ ประสบความสำเร็จมากกว่าในการทำให้ลูกค้าที่ภักดีมีส่วนร่วมกับแบรนด์ แม้ว่าลูกค้าแบรนด์บางคนจะกลับมาซื้อสินค้าของแบรนด์สองครั้งในหนึ่งปี แต่แบรนด์อื่นที่คล้ายกันมีลูกค้าที่กลับมาซื้อเป็นครั้งที่สองจำนวนมากกว่า นอกจากนี้ แบรนด์อื่นที่คล้ายกันยังประสบความสำเร็จมากกว่าในแง่จำนวนลูกค้าที่ซื้อสามครั้ง สี่ครั้ง และห้าครั้งขึ้นไป ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นว่าลูกค้าซื้อน้ำหอมปรับอากาศหลายครั้งตลอดทั้งปี ดังนั้นแบรนด์จึงมีโอกาสทำให้แน่ใจว่าเมื่อลูกค้ากลับมาซื้อน้ำหอมปรับอากาศ ลูกค้าเหล่านี้จะพิจารณาซื้อสินค้าของแบรนด์

3. มูลค่าของลูกค้าแบรนด์

แบรนด์สินค้าดูแลบ้านกำหนดมูลค่าของลูกค้าแบรนด์จากรายได้เฉลี่ยต่อปีที่ได้รับจากลูกค้าแต่ละราย จากนั้นใช้ข้อมูลนี้แปลงเป้าหมายการเติบโตของแบรนด์เป็นจำนวนคำสั่งซื้อและมูลค่าของแต่ละคำสั่งซื้อที่แบรนด์ต้องการในปีต่อไป จากนั้นจึงใช้ตัวเลขเหล่านี้เพื่อกำหนดแผนสื่อของแบรนด์
ในปี 2019 แบรนด์พบว่าลูกค้าของแบรนด์หนึ่งรายมีมูลค่าอยู่ที่ $15

ในปี 2020 แบรนด์ต้องการเติบโตขึ้น 20% จากข้อมูลเชิงลึกที่มีทำให้รู้ว่า หากแบรนด์ต้องการเติบโต 20% แบรนด์จะต้องมีแผนสื่อที่จะช่วยเพิ่มฐานลูกค้าจาก 400,000 แสนคนเป็น 488,000 คน หรือต้องดึงดูดลูกค้าใหม่ให้ได้ 88,000 คน

หรือแบรนด์อาจพยายามเพิ่มรายได้จากลูกค้าแต่ละรายโดยการผลักดันให้เกิดการซื้อซ้ำและใช้วิธี “เป็นสมาชิกและได้ประหยัด” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเติบโต 20% ด้วยวิธีนี้ ลูกค้าจะต้องเพิ่มการใช้จ่ายกับแบรนด์จาก $15 ต่อปีเป็น $18.30 ต่อปี แบรนด์ได้รู้แล้วว่าแผนสื่อจะต้องมีการลงทุนทั้งกับการหาลูกค้าและสร้างความภักดี เพื่อให้บรรลุและได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ของแบรนด์ในปี 2020

รูปแบบการโฆษณาที่แนะนำสำหรับแบรนด์สินค้าดูแลบ้าน

การสนทนาระหว่างคุณกับลูกค้าจะแตกต่างกันไปในแต่ละขั้นตอนของเส้นทางของลูกค้า ดังนั้น Amazon Ads จึงขอเสนอผลิตภัณฑ์โฆษณาที่แตกต่างกันซึ่งเราแนะนำให้ใช้ในขั้นตอนต่าง ๆ แต่นี่คือสิ่งที่เราแนะนำแบรนด์สินค้าดูแลบ้านโดยดูตามความต้องการทางธุรกิจของพวกเขาในปี 2020

เราแนะนำให้แบรนด์แสดงโฆษณาบน Fire TV เพื่อเพิ่มการรับรู้ของแบรนด์ในหมู่ลูกค้าที่ไม่ได้สนใจการดูแลบ้าน โฆษณาเหล่านี้จะช่วยให้ผู้โฆษณาสามารถแบ่งปันเรื่องราวของแบรนด์ในตำแหน่งโฆษณาที่สร้างผลกระทบสูง
สำหรับลูกค้าที่สนใจการดูแลบ้านแต่ยังไม่รู้จักแบรนด์ เราแนะนำให้แสดงโฆษณาบนแท็บเล็ต Fire และแสดงโฆษณาบนมือถือและเดสก์ท็อป โฆษณาเหล่านี้มีการกระตุ้นให้เกิดการดำเนินการที่ชัดเจน: เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์และข้อเสนอเพื่อดูว่าแบรนด์เหมาะกับลูกค้าหรือไม่ นอกจากนี้ Storeของแบรนด์บน Amazon ยังเป็นพื้นที่ที่ดีสำหรับโฆษณาเหล่านี้ในการชี้นำลูกค้าเพื่อช่วยให้พวกเขาเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับแบรนด์

หากต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ดูสินค้าของแบรนด์แล้วแต่ยังไม่ได้ซื้อ เราแนะนำให้ลงโฆษณาทั้งในและนอก Amazon ผ่าน Amazon DSP โฆษณาเหล่านี้จะช่วยเตือนกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับสินค้าของคุณหลังจากพวกเขาเข้าชมหน้ารายการสินค้าของคุณแล้ว โฆษณายังเชื่อมโยงกลับไปที่หน้ารายละเอียดเพื่อให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าได้อย่างราบรื่นด้วย

สุดท้าย แบรนด์สามารถมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมายต่อไปได้หลังจากพวกเขาซื้อสินค้าจากแบรนด์แล้ว โดยใช้โฆษณาแบบแสดงบนหน้าจอเพื่อเพิ่มยอดขาย เพิ่มการขายข้ามผลิตภัณฑ์ หรือกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ ลูกค้าเหล่านี้รักแบรนด์อยู่แล้ว แบรนด์จึงสามารถปรับเปลี่ยนข้อความที่ใช้เพื่อช่วยให้พวกเขาค้นพบสินค้าอื่น ๆ ของแบรนด์หรือเพิ่มสินค้ารายการโปรดลงในรถเข็นได้ง่ายขึ้น

งบที่แนะนำสำหรับแบรนด์สินค้าดูแลบ้าน

ขั้นตอนสุดท้ายคือการกำหนดงบประมาณและ KPI หลักที่แบรนด์สินค้าดูแลบ้านจะต้องติดตามดูตลอดทั้งปี เมื่อพูดถึงการกำหนดงบประมาณ คุณไม่จำเป็นต้องคาดเดาหรือทดสอบและเรียนรู้เพื่อหาตัวเลขวิเศษที่จะนำไปลงทุน คุณได้ตัวเลขงบประมาณอย่างมีกลยุทธ์โดยการคำนวณจากราคาต่อการแสดงโฆษณาพันครั้งหรือ CPM สำหรับสินค้าโฆษณาแต่ละรายการที่เลือก และขนาดกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์สามารถดึงดูดได้ในแต่ละระยะ

ตัวอย่างเช่น กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดที่ทำการ “เพิ่มสินค้าไปที่รถเข็น” หรือผู้ที่ได้ดูสินค้าของแบรนด์แล้วแต่ยังไม่ได้ซื้อในระยะเวลาหนึ่งปีคิดเป็นลูกค้าจำนวน 1.5 ถึง 2 ล้านคน เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายนี้ใกล้จะสร้างคอนเวอร์ชันแล้ว แบรนด์จึงต้องเข้าถึงลูกค้าจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ในขั้นตอนนี้ของเส้นทาง ตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลักหรือ KPI ที่แบรนด์พิจารณาคือ ROAS (ผลตอบแทนจากการจ่ายค่าโฆษณา) เมื่อคูณขนาดของกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึงด้วย CPM และความถี่ของการมีส่วนร่วม ตัวเลขสำหรับงบประมาณประจำปีของแบรนด์จะอยู่ที่ $300,000

คุณจะใช้วิธีการกำหนดงบประมาณแบบนี้อีกในระยะอื่น ๆ ก็ได้ โดยแต่ละขั้นตอนจะต้องมีการติดตาม KPI ที่แตกต่างกันตามสิ่งที่หวังว่าลูกค้าจะทำหลังจากเห็นโฆษณาของคุณ

ผลลัพธ์ของแบรนด์สินค้าดูแลบ้าน

หลังจากได้เห็นแผนของเราและทำความเข้าใจข้อมูลเชิงลึกเบื้องหลังคำแนะนำแต่ละข้อแล้ว แบรนด์ได้เปลี่ยนแปลงแผนสื่อที่พวกเขาวางไว้ในปี 2019

พวกเขาเห็นความสำคัญแคมเปญแบบเปิดตลอด ทั้งแคมเปญที่ทำการตลาดซ้ำกับกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจและสร้างการมีส่วนร่วมกับผู้ที่สนใจหมวดหมู่นี้อยู่แล้ว ในปี 2020 พวกเขาลงทุนกับแคมเปญ DSP ที่เปิดตลอดเวลามากขึ้นถึง 79% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า พวกเขายอมรับว่าจำเป็นต้องเริ่มทดสอบแคมเปญความภักดีโดยมีเป้าหมายเพื่อการกระตุ้นให้ลูกค้าปัจจุบันเป็นสมาชิกและได้ประหยัด เพื่อได้รับความสะดวกสบายและส่วนลดที่มากขึ้น
จนถึงตอนนี้ แบรนด์ไม่เพียงแต่รู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจลงทุนเท่านั้น แต่ยังเห็นผลลัพธ์ในช่วงต้นที่พิสูจน์ประสิทธิภาพของการลงทุนเหล่านั้นด้วย

ผู้จัดการฝ่าย eCommerce ของแบรนด์กล่าวว่า “กลยุทธ์ปัจจุบันของเราทำงานได้ดีกว่าที่คาดไว้ในตอนแรกเสียอีก! เราเห็นผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมในแง่การเติบโตและการรับรู้ของแบรนด์”
Amazon มีข้อมูลเชิงลึกจำนวนมหาศาลที่จะช่วยให้คุณวัดการรับรู้ของแบรนด์และความถี่ในการซื้อเพื่อพัฒนาแผนสื่อที่มีประสิทธิภาพตามเป้าหมาย KPI ของคุณ เรียนรู้วิธีเพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดและเชื่อมต่อกับนักช้อปด้วยการโฆษณาเพื่อเพิ่มการพิจารณาซื้อและโซลูชันการตลาดระดับกลางของกรวยการตลาด

การรับรู้เกี่ยวกับสื่อโฆษณาอย่างไร

3. การรับรู้สื่อโฆษณาหมายถึงการเปิดรับรู้กิจการการทางการตลาดที่ใช้ในการ สื่อสารข้อมูลไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเกี่ยวกับสินค้าตราสินค้าเพื่อทาการสร้าง ภาพลักษณ์โดยการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตราสินค้ากับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

หลักการพิจารณาสื่อโฆษณา มีอะไรบ้าง

ผู้บริโภคสื่อควรมีทักษะในการเลือกสื่อโฆษณาโดยการพิจารณาด้วยความเป็นเหตุเป็นผล และ ความเป็นไปได้โดยอู่บนพื้นฐานของความจริงและเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ไม่หลงเชื่อโฆษณาชวนเชื่อที่ใช้ ข้อความเกินความเป็นจริง ตัวอย่างเช่น โรลออนนี้ใช้แล้วสวาๆ กรี๊ดเพราะความหอมของกลิ่นกาย ใช้ครีบ ยี่ห้อนี้ผิวขาวสวยภายใน 7 วัน เป็นต้น เพราะข้อความ ...

ลักษณะที่สําคัญของการโฆษณาคืออะไร

นอกจากนี้การโฆษณายังมีลักษณะดังต่อไปนี้ กระจายได้กว้างขวาง (Persuasiveness) ข่าวสารผ่านการโฆษณาแทรกซึมเข้าสู่คนจำนวนมาก สามารถกำหนดความถี่ของข่าวสาร เนื้อหาข่าวสารตามที่เจ้าของสินค้ากำหนด กลุ่มเป้าหมายสามารถ รับสื่อได้อย่างเสรีไม่ถูกบังคับ ไม่สูญเสียความเป็นส่วนตัว สามารถเปรียบเทียบข้อมูลกับสินค้าอื่นๆ ได้

สื่อที่ใช้ในการโฆษณามีอะไรบ้าง

สื่อโฆษณา หมายถึง เครื่องมือที่ใช้ในการน าข้อมูลข่าวสารหรือ ข้อความโฆษณาไปยังผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเชิญชวนให้ ซื้อสินค้าหรือใช้บริการจากผู้โฆษณา ประเภทของ สื่อโฆษณา 6.สื่อประเภท อื่นๆ 1.สื่อโทรทัศน์ 2.สื่อวิทยุ 5.สื่อใน โรงภาพยนต์ 4.สื่อโฆษณา กลางแจ้ง 3.สื่อสิ่งพิมพ์