ตาม พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2556 มาตรา 4 หมายความว่า บุคคลซึ่งมีข้อจำกัดในการปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือเข้าไปมีส่วนร่วมทางสังคมเนื่องจากมีความบกพร่องของบุคคลประกอบกับมีอุปสรรคด้านต่างๆ จำเป็นพิเศษ ดังนี้ ความพิการทางการเห็น อ้างอิง —————————- สิ่งที่ทำให้คนพิการดูแปลกแยกไปจากคนทั่วไปคงขึ้นอยู่กับมุมมองล่ะมั้ง ที่จะทำให้คนพิการรู้สึกด้อยค่าหรือรู้สึกไร้ศักยภาพ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องพิสูจน์ให้คนอื่นยอมรับได้โดยทั่วกัน
สิ่งแรกที่คนพิการต้องการ คือ ความเท่าเทียมและสิทธิอันเสมอภาคในสังคม ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าความเหลื่อมล้ำที่มีอยู่ในปัจจุบันนั้น ไม่ใช่เพียงช่องว่างเล็ก ๆ เลย แต่เป็นเหมือนกับช่องโหว่ของสังคมที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลาย ๆ ฝ่าย เพื่ออุดให้รอยรั่วนี้มีขนาดเล็กลง
อย่างไรก็ดี ความพิการนี้มีทั้งแบบที่เราสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ชนิดที่ว่ามองปราดเดียวก็ดูออก กับอีกแบบคือความพิการที่อยู่ภายใน ที่อาจจะต้องใช้เวลาในการมองหาเสียหน่อย
ซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันก็พยายามถึงที่สุดที่จะทดแทนสิ่งที่ขาดไปนั้น เช่น ขาเทียม เครื่องช่วยฟัง วีลแชร์ไฟฟ้า และอื่น ๆ ทั้งนี้ ในพระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ ได้ระบุไว้ถึงความพิการทั้ง 7 ประเภท แบ่งได้ตามลักษณะ คือ
1. ความพิการทางการเห็น คือ คนที่สูญเสียความสามารถทางการมองเห็น ทำให้ต้องใช้สื่อสัมผัสหรือสื่อเสียง ทดแทน แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ 1.1 ตาบอด สูญเสียการมองเห็นมาก และไม่อาจรับรู้เรื่องแสงหรือมีลานสายตาที่แคบกว่า 10 องศา
2. ความพิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย คือผู้ที่สูญเสียการได้ยินเล็กน้อยจนถึงหูหนวก และไม่สามารถสื่อสารกับคนอื่น ๆ ได้ แบ่งเป็น 3 ประเภท คือ 2.1 หูหนวก
3. ความพิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ 3.1 พิการทางการเคลื่อนไหว จะมีข้อจำกัดในการดำเนินชีวิตประจำวัน
4. ความพิการทางจิตใจหรือพฤติกรรม สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท โดยอาการเหล่านั้นอาจทำให้เกิดความทุกข์ทรมาน หรือความบกพร่องในการดำเนินกิจวัตรต่าง ๆ โดยมากจะใช้สาเหตุของโรคเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง ได้แก่ 4.1 โรคจิตเภท
5. ความพิการทางสติปัญญา คือคนที่มีพัฒนาการช้ากว่าปกติ และมีระดับเชาว์ปัญญาที่ต่ำกว่าคนทั่วไป
6. ความพิการทางการเรียนรู้ บกพร่องในทักษะการเรียนรู้ เช่น การคำนวณ การคิด การพูด การฟัง
7. ความพิการทางออทิสติก มีความผิดปกติของสมอง และความผิดปกตินั้นแสดงก่อนอายุ 2 ขวบครึ่ง โดยอาจพบความผิดปกติทางการสื่อสาร ทางสังคมและปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น หรือความผิดปกติทางอารมณ์และพฤติกรรม
คนพิการแต่ละประเภทก็มีความต้องการและข้อจำกัดที่แตกต่างกันออกไป การอยู่ร่วมกันของคนที่มีความแตกต่างกันถึง 7 แบบ อาจจะสร้างความยุ่งยากเสียเล็กน้อย แต่เชื่อว่ามันไม่ไกลเกินเอื้อม ถ้าเราเรียนรู้กันไป ปรับตัวกันไป ไม่ว่าจะมีคนที่แตกต่างกันสักกี่ร้อยประเภทก็คงไม่ใช่ปัญหา หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าผู้พิการกันมาบ้างแล้ว บางคนอาจมีคนรู้จัก หรือคนในครอบครัวเป็นผู้พิการ หรือบางคนก็เป็นผู้พิการเอง แต่อีกหลายคนคงยังไม่ทราบความหมายและลักษณะของผู้พิการว่าเป็นอย่างไร ความหมายของความพิการคนพิการหมายถึงคนที่มีความผิดปกติ หรือบกพร่องทางร่างกายทางสติปัญญา หรือทางจิตใจ(1) International Classification of Functioning, Disability and Health (ICF)(2)ได้ให้ความหมายของความพิการ คือสิ่งที่ส่งผลให้บุคคลมีความบกพร่อง (Impairments) ข้อจำกัดในการทำกิจกรรม (Activity limitations) และข้อจำกัดในการมีส่วนร่วม (Participation restrictions) ดังนี้
ประเภทของคนพิการจากการให้ความหมายของความพิการข้างต้น ทำให้สามารถแบ่งประเภทของผู้พิการได้เป็น 5ประเภท โดยกระทรวงสาธารณะสุข (3) ได้แก่
การจำแนกประเภทคนพิการตามกฎกระทรวงของกระทรวงสาธารณสุขไม่ค่อยจะสอดคล้องกับการจัดการศึกษาพิเศษให้คนพิการตามแผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคลกระทรวงศึกษาธิการ(4) จึงได้จำแนกคนพิการตามความต้องการจำเป็นทางการจัดการศึกษาเป็น 9 ประเภท ดังนี้ 1. บุคคลที่มีความบกพร่องทางการเห็น หมายถึง บุคคลที่สูญเสียการเห็นตั้งแต่ระดับ 2.บุคคลที่มีความบกพร่องทางการได้ยิน หมายถึง คนที่สูญเสียการได้ยินตั้งแต่ระดับรุนแรงจนถึงระดับน้อยอาจแบ่งได้เป็น 2 ประเภท คือ 3. บุคคลที่มีความบกพร่องทางสติปัญญา หมายถึง คนที่มีพัฒนาการช้ากว่าคนปกติทั่วไปเมื่อวัดสติปัญญาโดยใช้แบบทดสอบมาตรฐานแล้วมีสติปัญญาต่ำกว่าบุคคลปกติและความสามารถในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่ำกว่าเกณฑ์ปกติอย่างน้อย 2 ทักษะหรือมากกว่า เช่น ทักษะการสื่อความหมายทักษะทางสังคมทักษะการใช้สาธารณสมบัติการดูแลตนเองการดำรงชีวิตในบ้านการควบคุมตนเองสุขอนามัยและความปลอดภัยการเรียนวิชาการเพื่อชีวิตประจำวันการใช้เวลาว่างและการทำงานซึ่งลักษณะความบกพร่องทางสติปัญญาจะแสดงอาการก่อนอายุ 18 ปี 4. บุคคลที่มีความบกพร่องทางร่างกายหรือสุขภาพ หมายถึง คนที่มีอวัยวะไม่สมส่วนอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งหรือหลายส่วนขาดหายไปกระดูกและกล้ามเนื้อพิการเจ็บป่วยเรื้อรังรุนแรงมีความพิการระบบประสาทมีความลำบากในการเคลื่อนไหว ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการศึกษาในสภาพปกติทั้งนี้ไม่รวมคนที่มีความบกพร่องทางประสาทสัมผัสได้แก่ตาบอดหูหนวกอาจแบ่งได้เป็น 4 ประเภท คือ 5. บุคคลที่มีปัญหาทางการเรียนรู้ หมายถึง คนที่มีความบกพร่องอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างในกระบวนการพื้นฐานทางจิตวิทยาที่เกี่ยวกับความเข้าใจหรือการใช้ภาษาอาจเป็นภาษาพูดและ/หรือภาษาเขียน ซึ่งจะมีผลทำให้มีปัญหาในการฟัง การพูด การคิด การอ่าน การเขียน การสะกดหรือการคิดคำนวณรวมทั้งสภาพความบกพร่องในการรับรู้สมองได้รับบาดเจ็บการปฏิบัติงานของสมองสูญเสียไปซึ่งทำให้มีปัญหาในการอ่านและปัญหาในการเข้าใจภาษา ทั้งนี้ไม่รวมคนที่มีปัญหาทางการเรียน เนื่องจากสภาพบกพร่องทางการเห็นการได้ยินการเคลื่อนไหวปัญญาอ่อนปัญหาทางอารมณ์หรือความด้อยโอกาสเนื่องจากสิ่งแวดล้อมวัฒนธรรมหรือเศรษฐกิจ 6. บุคคลที่มีความบกพร่องทางการพูดและภาษา หมายถึง คนที่มีความบกพร่องในเรื่องของการออกเสียงพูด เช่น เสียงผิดปกติ อัตราความเร็วและจังหวะการพูดผิดปกติหรือคนที่มีความบกพร่องในเรื่องความเข้าใจและหรือการใช้ภาษาพูดการเขียนและหรือระบบสัญลักษณ์อื่นที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารซึ่งอาจเกี่ยวกับรูปแบบของภาษาเนื้อหาของภาษาและหน้าที่ของภาษา 8. บุคคลออทิสติก หมายถึง บุคคลที่มีความบกพร่องทางพัฒนาการด้านสังคมภาษาและการสื่อความหมายพฤติกรรมอารมณ์และจินตนาการ ซึ่งมีสาเหตุเนื่องมาจากการทำงานในหน้าที่บางส่วนของสมองที่ผิดปกติไปและความผิดปกตินี้พบได้ก่อนวัย 30 เดือนและมีลักษณะที่สำคัญคือมีความบกพร่องทางปฏิสัมพันธ์ทางสังคมการสื่อสารพฤติกรรมและอารมณ์การรับรู้ทางประสาทสัมผัสทั้งห้าการใช้อวัยวะต่างๆ อย่างประสานสัมพันธ์การจินตนาการและมีความสนใจที่สั้น เป็นต้น 9. บุคคลพิการซ้อน หมายถึง คนที่มีสภาพความบกพร่องหรือความพิการมากว่าหนึ่งประเภทในบุคคลเดียวกันเช่นคนปัญญาอ่อนที่สูญเสียการได้ยิน เป็นต้น ซึ่งจากความหมายและการแบ่งประเภทของผู้พิการข้างต้น หากผู้พิการได้รับการลงทะเบียนตามพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ.2534 มาตรา 14 แล้วก็จะได้รับการสงเคราะห์ การพัฒนา และการฟื้นฟูสมรรถภาพ แตกต่างกันไปตามประเภทของความพิการทำให้ผู้พิการเข้าถึงการคุ้มครองดูแลได้อย่างเหมาะสม และได้รับการดูได้ทั่วถึงมากขึ้น ความพิการมีกี่ชนิดประเภทความพิการมี 7 ประเภท 1. พิการทางการเห็น 2. พิการทางการได้ยินหรือสื่อความหมาย 3. พิการทางการเคลื่อนไหวหรือทางร่างกาย 4. พิการจิตใจหรือพฤติกรรม 5. พิการทางสติปัญญา 6. พิการทางการเรียนรู้ 7. พิการทางการออทิสติก
ผู้พิการประเภท 4 คืออะไรผู้ที่มีความพิการประเภท 4 ก็คือผู้ที่ป่วยด้วยโรคทางจิตเวชที่มีผลกับการรับรู้ อารมณ์ ความคิด ซึ่งส่งผลกระทบกับการทำหน้าที่ชีวิตประจำวัน โดยอาการต้องไม่ใช่ในระยะเฉียบพลัน ส่วนใหญ่มักมีอาการและรักษามาต่อเนื่องยาวนานอย่างน้อย 6 เดือน ตัวอย่างโรคทางจิตเวช ได้แก่ โรคจิตเภท โรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติทางอารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า ...
บัตรคนพิการประเภท 2 คืออะไร2. บกพร่องทางร่างกายร่วมกับบกพร่องอื่นๆ เช่น สติปัญญา การเห็น การได้ยิน การเรียนรู้ ออทิสติก สมาธิสั้น เป็นต้น
พิการประเภท 6 คืออะไรหมายถึง เด็กทั่วไปที่มีระดับสติปัญญาปกติหรือสูงกว่า แต่มีความบกพร่องเฉพาะด้าน เช่น การเขียน การอ่าน การคำนวณ หรือบกพร่องในหลายด้านพร้อมกัน จะพบได้ในเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง
|