น้ำคลอโรฟิลล์ หรือเจ้าเครื่องดื่มสีเขียวๆ มีตั้งแต่เขียวอ่อน ไปยังเขียวแก่จนเข้ม (หรืออาจมีกลิ่นเหม็นเขียว) ที่เคยฮิตกระหน่ำตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และปัจจุบันก็ยังมีคนดื่มกันอยู่ มันใส่คลอโรฟิลด์ที่เป็นสารสีเขียวจากพืชจริงๆ หรือเป็นคลอโรฟิลล์คนละชนิดกัน และมีประโยชน์ต่อร่างกายคนเราจริงๆ อย่างที่เราเข้าใจกันหรือไม่ Sanook! Health มีคำตอบจากรายการ Did You Know? คุณรู้หรือไม่? มาฝากกันค่ะ Show
ความเชื่อของน้ำคลอโรฟิลล์ ผู้บริโภคน้ำคลอโรฟิลล์มีความเชื่อว่า น้ำคลอโรฟิลล์จะช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง เพิ่มออกซิเจน ล้างสารพิษออกจากร่างกาย ไปจนถึงป้องกันโรคมะเร็ง
คลอโรฟิลล์ คืออะไร? คลอโรฟิลล์ เป็นสารประกอบอย่างหนึ่งที่อยู่ในพืชที่มีสีเขียวตามธรรมชาติ หรือในสาหร่าย
คลอโรฟิลล์ ช่วยเพิ่มออกซิเจนในร่างกาย? ไม่จริงค่ะ เพราะจริงอยู่ว่าระดับโมเลกุลของคลอโรฟิลล์ และฮีม ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง จะมีความคล้ายคลึงกันมาก จนทำให้หลายคนเรียกคลอโรฟิลล์ว่า “เลือดของพืช” แต่ในความเป็นจริงแล้ว องค์ประกอบมีความแตกต่างกัน ทั้งโครงสร้าง และหน้าที่จากเม็ดเลือดของเราโดยสิ้นเชิง คลอโรฟิลล์ “ไม่ใช่” ฮีโมโกลบิน เพราะคลอโรฟิลล์ช่วยให้พืชสังเคราะห์แสง ส่วนฮีโมโกลบินร่างกายของเรา จะช่วยลำเลียงออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย
นอกจากนี้ คลอโรฟิลล์ที่อยู่ในพืช ไม่สามารถละลายในน้ำได้ เนื่องจากว่าตรงกลางของโครงสร้างทางเคมีของคลอโรฟิลล์นั้น เป็นอะตอมของธาตุแมกนีเซียมที่ไม่ละลายในน้ำ ร่างกายจึงไม่สามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ ดังนั้น จึงมาถึงบทสรุปที่ว่า คลอโรฟิลล์ที่ขายกันอยู่ ไม่ใช่คลอโรฟิลล์ตามธรรมชาติ แต่เป็นคลอโรฟิลล์ลินที่ได้จากการสกัด และทำปฏิกิริยากับสารต่างๆ เช่น อะซิโตน เฮกเซ็น และคอปเปอร์ ซึ่งยังไม่มีงานวิจัยใดๆ ยืนยันถึงประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ได้อย่างชัดเจน
อันตรายจากการดื่มน้ำคลอโรฟิลล์มากเกินไป หากดื่มน้ำคลอโรฟิลล์มากเกินไป อาจทำให้เกิดอาการท้องเสียได้ หรือบางรายอาจมีอาการผื่นแพ้ เวียนศีรษะ และมีเหงื่อออกมาก สตรีมีครรภ์ หญิงให้นมบุตร หรือเด็กอ่อนที่อายุต่ำกว่า 4 ขวบ ไม่ควรดื่ม
คลอโรฟิลล์ควรอยู่ในพืช หากเราอยากได้สารอาหารจากเจ้าสีเขียวๆ ก็ควรทานผักใบเขียวแทนการดื่มคลอโรฟิลล์จะดีกว่าค่ะ โหลดเพิ่ม แชร์เรื่องนี้ แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook คัดลอกลิงก์คลอโรฟิลล์สุขภาพกายโภชนาการน้ำคลอโรฟิลล์เครื่องดื่มอาหารเพื่อสุขภาพอาหารคลีนดูแลสุขภาพสุขภาพความเสี่ยงอาหารสมุนไพร คลอโรฟิลล์ มักถูกนำมาสกัดและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อสุขภาพ พร้อมอวดอ้างสรรพคุณต่างๆ อย่างล้นหลาม สำหรับใครที่อยากรู้ว่าแท้จริงแล้ว ประโยชน์จากคลอโรฟิลล์นั้นมีจริงหรือไม่ หรือมีโทษอย่างไร ติดตามจากบทความนี้ เรามีคำตอบให้ค่ะประโยชน์ของคลอโรฟิลล์ ทางเภสัชวิทยาได้ทำการวิจัยค้นพบว่า คลอโรฟิลล์เป็นสารสีที่มีฤทธิ์ต่อต้านการกลายพันธุ์ โดยมีคุณสมบัติในการกำจัดอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่กลไกการกำจัดอนุมูลอิสระของคลอโรฟิลล์นั้นจะสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อ อยู่ในรูปของโมเลกุลชนิดที่ไม่ละลายน้ำแต่เพียงเท่านั้น นอกจากนี้ คลอโรฟิลล์ยังสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากก็มีในปริมาณน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้ยาฆ่าเชื้อชนิดอื่นๆ
ดังนั้น เราจึงสรุปได้ว่า ประโยชน์ของคลอโรฟิลล์กับการต้านอนุมูลอิสระในร่างกายคนเรา ยังไม่มีหลักฐานจากทางการแพทย์ให้การยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าสามารถทำได้จริง เพราะปัจจุบันผลิตภัณฑ์คลอโรฟิลล์ที่ใช้ดื่มกันทุกวันนี้ส่วนใหญ่มักต้องละลายน้ำก่อนจึงจะรับประทานได้ และหากนำมาใช้เพื่อการฆ่าเชื้อก็อาจจะไม่ได้มีผลเท่าใดนัก พร้อมกันนี้ แม้องค์การอาหารและยาของทางอเมริกาจะกำหนดไว้ว่า คลอโรฟิลล์เป็นสารที่มีคุณสมบัติดั่งยาระงับกลิ่นปาก และลดกลิ่นของปัสสาวะได้ แต่ก็ยังไม่มีข้อมูลจากทางการแพทย์ออกมายืนยันอย่างแน่ชัดเช่นกันว่า คลอโรฟิลล์มีสรรพคุณช่วยในการล้างพิษ ดีท็อกซ์ลำไส้ ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง และบำรุงผิวให้สวยใสเปล่งปลั่ง รวมถึงช่วยสมานแผลของโรคกระเพาะและลำไส้ได้จริงอย่างที่อวดอ้างกัน ไม่เพียงเท่านั้น สำนักงานอาหารและยาของประเทศไทยเองก็ยังเตือนด้วยว่า ไม่ควรรับประทานคลอโรฟิลล์มากเกินกว่าวันละ 450 มิลลิกรัม
โทษของคลอโรฟิลล์ ปัจจุบันมีคลอโรฟิลล์ที่ถูกนำมาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์วางจำหน่าย แต่อย่างไรเสีย สารคลอโรฟิลล์ที่ได้มาก็ไม่ใช่สารจากธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพโดยแท้ เพราะฉะนั้น หากทานเกินวันละ 450 มิลลิลิตร ก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ มีผดผื่นคันตามมา อุจจาระร่วง ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีดำ และยังทำให้สีปัสสาวะหรืออุจจาระเปลี่ยนเป็นสีเขียวได้อีกด้วย นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้ไตทำงานหนัก อันเนื่องจากสารอะซีโตนและแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นสารทำละลายคลอโรฟิลล์ที่ได้มาจากพืช ทำให้ไตเสื่อมสภาพและไม่แข็งแรง อีกทั้งทางด้านสำนักอาหารและยา ยังมีข้อห้ามไม่ให้เด็กและสตรีที่ตั้งครรภ์รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมคลอโรฟิลล์โดยเด็ดขาด เพราะอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่นำมาซึ่งอันตรายต่อสุขภาพได้ เมื่อทราบกันดีแล้วว่า คลอโรฟิลล์ที่วางจำหน่ายในรูปแบบอาหารเสริม แทบไม่ได้มีสารอาหารจริงหลงเหลืออยู่เลย เพื่อไม่เพิ่มอันตรายให้สุขภาพ และเพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารเข้าไปเต็มๆ แนะนำให้หันมารับประทานผักและผลไม้จะดีกว่า เพราะกจะทำให้ร่างกายได้รับคลอโรฟิลล์จากพืชแบบโดยตรงมากกว่านั่นเอง คลอโรฟิลล์กินทุกวันได้ไหมปัจจุบันมีคลอโรฟิลล์ที่ถูกนำมาสกัดเป็นผลิตภัณฑ์วางจำหน่าย แต่อย่างไรเสีย สารคลอโรฟิลล์ที่ได้มาก็ไม่ใช่สารจากธรรมชาติที่ดีต่อสุขภาพโดยแท้ เพราะฉะนั้น หากทานเกินวันละ 450 มิลลิลิตร ก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ มีผดผื่นคันตามมา อุจจาระร่วง ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือสีดำ และยังทำให้สีปัสสาวะหรืออุจจาระเปลี่ยนเป็นสีเขียวได้อีก ...
คลอโรฟิลล์ มีโทษอย่างไรผลข้างเคียง: การรับประทานคลอโรฟีลล์และคลอโรฟีลลินเสริม อาจทำให้ปัสสาวะและอุจจาระมีสีเขียว ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเกือบดำ อาจทำให้เกิดอาการท้องเสีย นอกจากนี้ยังพบรายงานการเกิดอาการแพ้สารคลอโรฟีลลิน โดยอาจพบผื่นแพ้ขึ้นตามตัว มีอาการเวียนศีรษะ เหงื่อออกมากและความดันโลหิตลดลงอย่างรวดเร็วได้
คลอโรฟิลล์ยี่ห้อไหนดีที่สุดTable of Contents. 10 คลอโรฟิลล์ ยี่ห้อไหนดี ล้างพิษในร่างกาย แก้อาการท้องผูก 2023.. คลอโรฟิลล์ Giffarine Chlorophyll C-O.. คลอโรฟิลล์ Mine Chlorophyll X.. คลอโรฟิลล์ Preaw.. คลอโรฟิลล์ Real Elixir Alfa Chlorophyll Plus.. คลอโรฟิลล์ Colly Chlorophyll Plus Fiber.. คลอโรฟิลล์ Thom C Alfalfa Chlorophyll Drink.. กินคลอโรฟิลล์ตอนไหนดีสุดในการกินคลอโรฟิลล์นั้นยังไม่มีการกำหนดอย่างแน่ชัดและมีวิธีการกินแนะนำที่หลากหลาย เช่น การกินพร้อมมืออาหาร การกินหลังอาหาร หรือแม้กระทั่งการกินก่อนนอน ดังนั้นแนะนำว่าถ้ารับประทานเป็นคลอโรฟิลล์เดี่ยว ๆ เราสามารถเลือกรับประทานได้ตามความสะดวกเลยครับ
|