ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร

ประชาคมอาเซียน คืออะไร

ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร

                อาเซียนคือ...

        การรวมตัวกันของกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ภายใต้ชื่อสมาคมประชมคมแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Association of Southeast Asian Nations หรือ ASEAN ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ ๘ สิงหาคม ค.ศ.๑๙๖๗ ณ กรุงเทพฯ เป็นองค์กรความร่วมมือระดับภูมิภาค การเจริญเติบโตทางการค้าและทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการพัฒนาทางสังคมของประเทศสมาชิก เพื่อภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แรกเริ่มประกอบด้วย ๕ ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย ต่อมาภายหลังได้มีชาติสมาชิกเพิ่มขึ้น คือ ประเทศบรูไนในปี ค.ศ.๑๙๘๔ เวียดนามได้เข้าเป็นสมาชิกในปี ค.ศ.๑๙๙๕ ลาวและพม่าในปี ค.ศ.๑๙๙๗ และกัมพูชาชาติล่าสุดในปี ค.ศ. ๑๙๙๙

        ส่วนประชาคมอาเซียนคือ...

        เมื่ออาเซียนอายุครบ ๓๐ ปี ผู้นำอาเซียนได้ตกลงกันที่จะจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ให้เกิดขึ้นในปี ๒๐๑๕ โดยมีกฎกติการ่วมกันมากขึ้นภายใต้ ๓ เสาหลัก ได้แก่

        ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Political - Security Community - APSC)

        ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community - AEC)

        ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio - Cultural Community - ASCC)          

   
ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร
 

ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร

ที่มารูปภาพ : http://www.asean-community.au.edu/

                    ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) ก่อนจะมาเป็นประชาคมอาเซียน ยังมีคนอีกมากที่ไม่ทราบว่าประชาคมอาเซียน ที่กำลังจะเป็นส่วนหนึ่งของในชีวิตของเรานั้น ประเทศไทยเป็นประเทศที่คิดริเริ่มในการจัดตั้งสมาคมอาเซียน โดยรัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ในขณะนั้น (2510) คือ น.อ. (พิเศษ) ดร. ถนัด คอมันตร์ ตรงกับสมัยรัฐบาลของจอมพลถนอม กิตติขจร เป็นหัวหน้าคณะนำผู้นำจากประเทศสมาชิก อีก 4 ประเทศ ประกอบด้วย มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย และสิงค์โปร์ เข้าร่วมประชุมหารือ เพื่อกำหนดแนวทางในการจัดตั้งสมาคมอาเซียนขึ้น โดยใช้สถานที่บ้านพักตากอากาศที่แหลมแท่น ต. บางแสน อ. เมือง จ. ชลบุรี เป็นที่ดำเนินการประชุม เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2510 และมีได้การจัดทำเอกสารข้อตกลงร่วมกัน เรียกว่า "Spirit of Bangsaen" หรือ จิตวิญญาณแห่งบางแสน ต่อมาเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ได้มีการลงนามในปฏิญญาก่อตั้งอาเซียน ซึ่งเรียกว่า "ปฏิญญากรุงเทพ" (Bangkok Declaration) หรือปฎิญญาอาเซียน (ASEAN Declaration)

                     ASEAN Community คืออะไร อาเซียน (ASEAN) ประกอบด้วย 10 ประเทศ ได้แก่ ไทย (2510) สิงคโปร์ (2510) อินโดนีเซีย (2510) มาเลเซีย (2510) ฟิลิปปินส์ (2510) บรูไน (2527) เวียตนาม (2538) ลาว (2540) พม่า (2540) กัมพูชา (2542) มีประชากรรวมกันประมาณ 570 ล้านคน มีขนาดเศรษฐกิจที่โตมาก เมื่อเดือนตุลาคม 2546 ผู้นำอาเซียนได้ร่วมลงนามในปฏิญญาว่าด้วยความร่วมมืออาเซียน ที่เรียกว่า ข้อตกลงบาหลี 2 เห็นชอบให้จัดตั้ง ประชาคมอาเซียน (ASEAN Community) คือการให้อาเซียนรวมตัวเป็นชุมชนหรือประชาคมเดียวกันให้สำเร็จภายในปี พ.ศ. 2563 (ค.ศ. 2020) แต่ต่อมาได้ตกลงร่นระยะเวลาจัดตั้งให้เสร็จในปี พ.ศ. 2558 (ค.ศ. 2015) เนื่องจากการแข่งขันรุนแรง เช่น อัตราการเติบโต ทางด้านเศรษฐกิจของจีนและอินเดียสูงมากในช่วงที่ผ่านมา ในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 14 ที่ชะอำ หัวหิน เมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2552 ผู้นำอาเซียนได้ลงนามรับรองปฏิญญาชะอำ หัวหิน ว่าด้วยแผนงานจัดตั้งประชาคมอาเซียน (ค.ศ. 2009-2015) เพื่อจัดตั้ง ประชาคมอาเซียนภายในปี 2558

ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร

ที่มารูปภาพ : http://www.lib.ru.ac.th/journal2/?p=3290

ประชาคมอาเซียนประกอบด้วยเสาหลัก 3 เสา
                    1.ประชาคมการเมืองและความมั่นคงอาเซียน (ASEAN Security Community – ASC) มุ่งให้ประเทศในภูมิภาคอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีระบบแก้ไขความขัดแย้ง ระหว่างกันได้ด้วยดี มีเสถียรภาพอย่างรอบด้าน มีกรอบความร่วมมือเพื่อรับมือกับภัยคุกคามความมั่นคงทั้งรูปแบบเดิม และรูปแบบใหม่ๆ เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคง

                    2.ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Community – AEC) มุ่งให้เกิดการรวมตัวกันทางเศรษฐกิจ และการอำนวยความ สะดวกในการติดต่อค้าขายระหว่างกัน อันจะทำให้ภูมิภาคมีความเจริญมั่งคั่ง และสามารถแข่งขันกับภูมิภาคอื่นๆ ได้เพื่อความอยู่ดีกินดีของ ประชาชนในประเทศอาเซียน โดย

          (ก) มุ่งให้เกิดการไหลเวียนอย่างเสรีของสินค้า บริการ การลงทุน เงินทุน การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และการลดปัญหาความยากจนและความ เหลื่อมล้ำทางสังคมภายในปี 2020
          (ข) ทําให้อาเซียนเป็นตลาดและฐานการผลิตเดียว (single market and production base)
          (ค) ให้ความช่วยเหลือแก่ประเทศสมาชิกใหม่ของอาเซียน เพื่อลดช่องว่างการพัฒนาและช่วยให้ประเทศเหล่านี้เข้าร่วมกระบวนการรวมตัวทาง เศรษฐกิจของอาเซียน
          (ง) ส่งเสริมความร่วมมือในนโยบายการเงินและเศรษฐกิจมหภาคตลาดการเงินและตลาดทุน การประกันภัยและภาษีอากร การพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานและการคมนาคม พัฒนาความร่วมมือด้านกฎหมาย การเกษตร พลังงาน การท่องเที่ยว การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์โดยการยกระดับการศึกษาและการพัฒนาฝีมือแรงงาน

                  กลุ่มสินค้าและบริการนำร่องที่สำคัญ ที่จะเกิดการรวมกลุ่มกัน คือ สินค้าเกษตร / สินค้าประมง / ผลิตภัณฑ์ไม้ / ผลิตภัณฑ์ยาง / สิ่งทอ / ยานยนต์ /อิเล็กทรอนิกส์ / เทคโนโลยีสารสนเทศ (e-ASEAN) / การบริการด้านสุขภาพ, ท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน) กำหนดให้ปี พ.ศ. 2558 เป็นปีที่เริ่มรวมตัวกันอย่างเป็นทางการ โดยผ่อนปรนให้กับประเทศ ลาว กัมพูชา พม่า และเวียตนาม ประเทศไทยได้รับมอบหมายให้ทำ Roadmap ทางด้านท่องเที่ยวและการขนส่งทางอากาศ (การบิน)

                    3. ประชาคมสังคมและวัฒนธรรมอาเซียน (ASEAN Socio-Cultural Community – ASCC) เพื่อให้ประชาชนแต่ละประเทศอาเซียน อยู่ร่วมกันภายใต้ แนวคิดสังคมที่เอื้ออาทร มีสวัสดิการทางสังคมที่ดี และมีความมั่นคงทางสังคม ประโยชน์ที่ไทยได้รับคืออะไร
          1. ประชากรเพิ่มเป็น 600 ล้านคนโดยประมาณ ทำให้เพิ่มศักยภาพในการบริโภค เพิ่มอำนาจการต่อรองในระดับโลก
          2. Economy Scale ยิ่งผลิตมาก ยิ่งต้นทุนต่ำ
          3. มีแรงดึงดูดเงินลงทุนที่อยู่นอกอาเซียนสูงขึ้น
          4. สิบเสียงย่อมดังกว่าเสียงเดียว

ผลกระทบมีอะไรบ้าง?

                     1. การศึกษาในภาพใหญ่ของโลก มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ต้องไม่ให้การเปลี่ยนแปลงนี้มากระชากลากเราไปอย่างทุลักทุเล เรา ต้องเตรียมความพร้อมทันทีตลอดเวลา โดยเฉพาะบุคลากรต้องตามให้ทันและยืดหยุ่นปรับตัวให้รับสถานการณ์ได้
                      2. ภาษาอังกฤษจะเป็นภาษากลางของ ASEAN บุคลากรและนักศึกษา ต้องเพิ่มทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ ให้สามารถสื่อสารได้
                     3. ปรับปรุงความเข้าใจทางประวัติศาสตร์ เพื่อลดข้อขัดแย้งในภูมิภาคอาเซียน (Conflict Management) จึงต้องคำนึงถึงการสร้าง บัณฑิตให้มีความรู้ความเข้าใจเรื่อง ASEAN ให้มากขึ้น
                     4. สร้างบัณฑิตให้สามารถแข่งขันได้ใน ASEAN เพิ่มโอกาสในการทำงาน ไม่เช่นนั้น จะถูกแย่งงานเพราะเกิดการเคลื่อนย้าย แรงงาน/บริการอย่างเสรี คณะกรรมการวิชาชีพ สภาวิชาชีพ ต้องเตรียมการรองรับผลกระทบนี้อย่างเร่งด่วน
                     5. โอกาสในการเป็น Education Hub โดยอาศัยความได้เปรียบในเชิงภูมิศาสตร์ของประเทศไทย แต่ต้องเน้นในเรื่องของ คุณภาพการศึกษาเป็นตัวนำ
                     6. เราต้องการเครื่องมือในการ Transform คน การเรียนแบบ PBL หรือ Project Based Learning น่าจะได้มีการวิจัยอย่างจริงจัง และนำมาปรับใช้  ห้องเรียนไม่ใช่แค่ห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆอีกต่อไป ต้องเพิ่มการเรียนจากชีวิตจริง ลงมือทำเป็นทีม อยู่คนละประเทศก็ทำร่วมกัน ได้ด้วยไม่มีข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยีการสื่อสาร ประเด็นนี้ อาจารย์จะสอนได้ยากขึ้น แต่เป็นผู้ที่ช่วยให้นักศึกษาสามารถเรียนรู้ได้ แสดงว่า อาจารย์ต้องมีความพร้อมมากกว่าเดิมและเก่งจริงๆ(MRAs) การประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 9 เมื่อ 7 ตุลาคม 2546 ที่บาหลี อินโดนีเซีย ได้กำหนดจัดทำข้อตกลงร่วมกัน (Mutual Recognition Arrangements : MRAs)เกี่ยวกับคุณสมบัติของวิชาชีพหลัก แรงงานเชี่ยวชาญ หรือผู้มีความ สามารถพิเศษ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายได้อย่างเสรี โดยจะเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2558  ในเบื้องต้น ได้ทำข้อตกลงร่วมกันแล้ว 7 สาขา คือ
                     1. วิศวกรรม (Engineering Services)
                     2. พยาบาล (Nursing Services)
                     3. สถาปัตยกรรม (Architectural Services)
                     4. การสำรวจ (Surveying Qualifications) 
                     5. แพทย์ (Medical Practitioners) 
                     6. ทันตแพทย์ (Dental Practitioners)
                     7. บัญชี (Accountancy Services)

 หลักการพื้นฐานของความร่วมมืออาเซียน

                     ประเทศสมาชิกอาเซียนทั้ง 10 ประเทศ ได้ยอมรับในการปฏิบัติตามหลักการพื้นฐาน ในการดำเนินงานในเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างกัน อันปรากฏอยู่ในกฎบัตรอาเซียนซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของอาเซียน ที่เพิ่งมีผลบังคับใช้เมื่อกลางเดือนธันวาคม 2551 และสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Treaty of Amity and Cooperation in Southeast Asia หรือ TAC) ซึ่งประกอบด้วย

                     – การเคารพซึ่งกันและกันในเอกราช อธิปไตย ความเท่าเทียม บูรณาการแห่งดินแดนและเอกลักษณ์ประจำชาติของทุกชาติ
                     – สิทธิของทุกรัฐในการดำรงอยู่โดยปราศจากจากการแทรกแซง การโค่นล้มอธิปไตยหรือการบีบบังคับจากภายนอก
                     – หลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน
                     – ระงับความแตกต่างหรือข้อพิพาทโดยสันติวิธี
                     – การไม่ใช้การขู่บังคับ หรือการใช้กำลัง
                     – ความร่วมมืออย่างมีประสิทธิภาพระหว่างประเทศสมาชิก

                     นอกจากหลักการข้างต้นแล้ว ตั้งแต่อดีตจนถึงช่วงก่อนที่กฎบัตรอาเซียนมีผลบังคับใช้    อาเซียนยึดถือหลักการฉันทามติเป็นพื้นฐาน ของกระบวนการตัดสินใจและกำหนดนโยบายมาโดยตลอด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การที่อาเซียนจะตกลงกันดำเนินการใดๆ ประเทศสมาชิก อาเซียนทั้งหมดประเทศ จะต้องเห็นชอบกับข้อตกลงนั้นๆก่อน การที่อาเซียนยึดมั่นในหลัก “ฉันทามติ” และ “การไม่แทรกแซงกิจการ ภายในซึ่งกันและกัน” หรือที่ผู้สังเกตการณ์อาเซียนเรียกว่า “วิถีทางของอาเซียน” (ASEAN’s Way)ในทางหนึ่งนั้น ก็ถือเป็นผลดีเพราะเป็นปัจจัย ที่ทำให้ประเทศสมาชิกอาเซียนซึ่งมีความแตกต่างกันเป็นอย่างมาก ในเรื่องระบบการเมือง วัฒนธรรมและฐานะทางเศรษฐกิจ มีความ “สะดวกใจ” ในการเข้าร่วมเป็นสมาชิก และดำเนินความร่วมมือในกรอบอาเซียน แต่ในอีกทางหนึ่ง “ฉันทามติและการไม่แทรกแซงกิจการภายในซึ่งกันและกัน” ก็ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในหลายโอกาสว่า เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้กระบวนการรวมตัวกันของอาเซียนเป็นไปอย่างล่าช้า รวมถึงทำให้ อาเซียนขาดความน่าเชื่อถือ เนื่องจากถูกมองว่ากลไกที่มีอยู่ของอาเซียนล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาของอาเซียนเองที่เกิดขึ้นในประเทศสมาชิก ใดประเทศสมาชิกหนึ่งได้ อย่างไรก็ดีการยึดถือฉันทามติในกระบวนการตัดสินใจของอาเซียนได้เริ่มมีความยืดหยุ่นมากขึ้นหลังจากที่กฎบัตรอาเซียน มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2551  เนื่องจากกฎบัตรอาเซียนได้เปิดช่องให้ผู้นำประเทศสมาชิกอาเซียน พิจารณาหาข้อยุติ ในเรื่องที่ประเทศสมาชิกไม่มีฉันทามติได้

ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร
      
ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร

ที่มารูปภาพ : http://aseanway2015.blogspot.com/

ที่มาข้อมูล : http://www.lib.ru.ac.th/journal2/?p=3290

ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร
ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร

   
ประชาคมอาเซียน (Asean Community) ดีอย่างไร