เพื่อให้มองเห็นลักษณะของผู้มีสุขภาพดีได้ชัดเจนยิ่งขัน จึงขอกล่าวถึงลักษณะของสุขภาพกายและสุขภาพจิตไว้ดังนี้ Show 1. ร่างกายมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการสมกับวัยของตน เช่น มีน้ำหนักและส่วนสูงอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานของบุคคลในวัยเดียวกัน เป็นต้น 2. สภาพร่างกายทั่วไปสะอาดและสมบูรณ์ มีหน้าตาสดใสและร่าเริงเบิกบานอยู่เสมอไม่ว่าจะอยู่คนเดียวหรืออยู่ต่อหน้าคนอื่น 3. ร่างกายมีความแข็งแรงเพียงพอที่จะดำเนินงาน ตามภารกิจในชีวิตประจำวันได้รวมทั้งมีความสามารถในการเคลื่อนไหวได้อย่างกระฉับกระเฉงคล่องแคล่ว 4. มีความรู้สึกอยากรับประทานอาหาร มีสุขนิสัยที่ดีในการรับประทานอาหารและไม่รับประทานอาหารพร่ำเพรื่อ 5. ร่างกายปราศจากความทุพพลภาพ รวมทั้งโรคติดต่อและโรคไม่ติดต่อ พร้อมทั้งยังมีความต้านทานโรคดีอีกด้วย 6. มีจิตใจแจ่มใส มีอารมณ์สดชื่นมั่นคง และมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ 7. มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน อยู่กับการดำเนินชีวิต แม้จะเหน็ดเหนื่อยจากหน้าที่การงานบ้าง ก็ไม่รู้สึกท้อแท้ ทั้ง 6 ประเด็นที่คุณคนชอบวิ่งกล่าวมาดิฉั๊น ไม่ดีสักอย่าง วันก่อนเดินขึ้นบันไดชั้น 3 กับเพื่อนรุ่นพี่...ที่อายุห่างกันหลายปี เธอคงได้ยินเสียงดิฉั๊นหอบ...เธอบอกว่าเหนื่อยเหรอ...พี่ยังรู้สึกเฉยๆ ....ดิฉั๊นก็ตกใจ...เออเหนื่อยจริงๆ....ต้องอ่านบันทึกอาจารย์บ่อยๆซะแล้ว... ยุคนี้ผู้คนมีพฤติกรรมการใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ ทำให้หลายคนแทบไม่มีเวลาที่จะดูแลตัวเอง ทั้งที่การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะหากร่างกายหรือสภาพจิตใจเสียสมดุล โรคภัยและอาการเจ็บป่วยอาจมาเยือนได้ ซึ่งการดูแลสุขภาพไม่ใช่เรื่องยุ่งยาก หนทางที่ดีที่สุดคือการสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายและจิตใจ และนี่คือ 6 วิธีดูแลสุขภาพเบื้องต้นที่ทุกคนควรทำ 1. เปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารอาหารเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อร่างกายอย่างมาก การจะมีสุขภาพที่ดีควรเริ่มต้นตั้งแต่การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อให้ร่างกายสามารถนำสารอาหารเหล่านั้นไปซ่อมแซมและดูแลสุขภาพภายใน ดังนั้น ในแต่ละมื้อควรรับประทานอาหารให้หลากหลาย ครบ 5 หมู่ ลดอาหารประเภทที่มีน้ำตาลและไขมันสูง หรือสำหรับใครที่กำลังเริ่มต้นอยากดูแลสุขภาพหรือควบคุมน้ำหนัก อาจลองเปลี่ยนมาทานอาหารคลีนหรือเมนูมังสวิรัติ ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อย 2. ดื่มน้ำให้เพียงพอการดื่มน้ำให้เพียงพอเป็นอีกหนึ่งวิธีง่ายๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ทั้งช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้ทำงานได้ดีขึ้น ดูแลผิวพรรณให้เปล่งปลั่ง สดใส ช่วยลดอาการเหนื่อยล้า สำหรับใครที่เป็นคนดื่มน้ำน้อย แนะนำว่าให้ลองกรอกน้ำใส่ขวดน้ำพกติดตัวไว้ตลอดเวลา และตั้งเป้าหมายในการดื่มน้ำให้หมดขวดในแต่ละวัน ค่อยๆ เพิ่มจนครบปริมาณที่ร่างกายต้องการต่อวันคือประมาณ 2 ลิตร เพื่อให้ร่างกายปรับตัว แบบนี้ก็ช่วยให้เราดื่มน้ำได้เยอะขึ้น 3. หาเวลาดูแลตัวเองบ้างหลายครั้งที่หักโหมทำงานอย่างหนัก มาส่องกระจกอีกทีเพิ่งรู้ตัวว่าโทรมลงไปมาก ดังนั้นการหาเวลาเพื่อดูแลตัวเองก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยฟื้นฟูสุขภาพกายและสุขภาพใจให้กลับมาแข็งแรงอีกครั้ง โดยอาจเริ่มต้นด้วยการดูแลตัวเองง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็น แช่อ่างน้ำ, ทำสปาผิวเองที่บ้าน นวดผ่อนคลาย หรือทำเล็บเจลสวยๆ รวมไปถึงการให้เวลากับตัวเองเพื่อคลายเครียด เช่น การดูซีรีส์เรื่องโปรดหรือฟังเพลงที่ชอบ 4. ออกกำลังกายการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำสม่ำเสมอ แต่สำหรับใครที่ไม่มีเวลาไปฟิตเนส ก็มีวิธีออกกำลังกายได้ง่ายๆ ที่บ้านมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ฮูลาฮูป กระโดดเชือก คาร์ดิโอ หรือโยคะ เป็นต้น ซึ่งการออกกำลังกายนอกจากจะช่วยเสริมสร้างร่างกายที่แข็งแรงแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดความเครียด และช่วยให้หลับสบายยิ่งขึ้น 5. พักสายตาจากโซเชียลปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกวันนี้โซเชียลได้เข้ามามีบทบาทต่อชีวิตอย่างมาก ซึ่งการจ้องจอเป็นเวลานานส่งผลให้เกิดปัญหาตาล้า ตาแห้ง และนำไปสู่ปัญหาสายตาได้ รวมถึงการรับข่าวสารที่มากเกินไปยังทำให้เสพติดโซเชียลเกินความจำเป็น และอาจเกิดอาการ Toxic ซึ่งอาจทำร้ายสุขภาพจิตใจเราได้ ดังนั้น ควรพักสายตาจากโซเชียลบ้าง เวลาว่างจากที่เคยหยิบโทรศัพท์มาเล่น ให้เปลี่ยนมาอ่านหนังสือแทน หรือเลือกทำกิจกรรมอย่างอื่นที่ตัวเองชื่นชอบ 6. พักผ่อนให้เพียงพออย่างสุดท้ายคือการพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายสามารถฟื้นฟูและซ่อมแซมได้อย่างเต็มที่ โดยควรนอนพักผ่อนอย่างน้อยให้ได้ 6-8 ชั่วโมง สำหรับใครที่มีปัญหาการนอนหลับยาก อาจจะลองหาเครื่องพ่นไอน้ำอโรมาหรือหาเทียนหอมกลิ่นที่ชอบมาจุด เพื่อเพิ่มความผ่อนคลายและทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น สำหรับใครที่ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพ และอยากที่จะเริ่มต้นเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่ อาจค่อยๆ ลองปรับที่ละอย่างไปเรื่อยๆ เข้าใจว่าช่วงแรกอาจจะยังรู้สึกฝืนเล็กน้อย แต่หากทำเป็นประจำและปรับให้ร่างกายเคยชิน ก็จะนำไปสู่การมีสุขภาพดีในที่สุด สุขภาพที่ดีควรเป็นอย่างไรหากคุณมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ร่างกายของคุณจะมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงมากยิ่งขึ้น โรคแทรกซ้อนต่าง ๆ จะเข้ามาแทรกแซงร่างกายคุณได้น้อยลง และช่วยยับยั้งการเกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคความดันโลหิต กระดูกพรุน เป็นต้น – ช่วยสร้างความสมดุลในร่างกาย
สุขภาพที่ดีเกิดจากอะไรสุขภาพดีสร้างได้ง่าย ๆ เพียงแค่เรานอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ ดังนั้น เมื่อทำกิจวัตรต่าง ๆ ในแต่ละวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว การพักผ่อนที่ดีที่สุด คือ การนอน เพราะร่างกายจะได้ซ่อมแซมฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ ควรนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงและนอนให้เป็นเวลา เพราะหากนอนดึกเกินไป ร่างกายอาจเหนื่อยล้าได้ อีกทั้งยังมีผลเสียตามมา เช่น มีริ้ว ...
กินอย่างไรให้สุขภาพดี1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว ... . 2. กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ ... . 3. กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้เป็นประจำ ... . 4. กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ ... . 5. ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย ... . 6. กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร. |