จาก ลักษณะทางกายภาพของนกหัสดีลิงค์(Hastilinga)
ดังนั้นจึงจำต้องทำความเข้าใจเสียใหม่ก่อนว่า นกหัสดีลิงค์ และ นกหัสดิน(หัสดี)นั้นเป็นนกชนิดเดียวกัน แต่โบราณได้กำหนดลักษณะใบหน้าไว้ ๒ แบบ คือ ทั้งแบบหน้า(คล้าย)ช้างและหน้า(คล้าย)นกอินทรี (ซ้าย)ใบหน้านกหัสดีลิงค์ / (ขวา)ใบหน้านกหัสดิน(หัสดี)
นกที่หน้าคล้ายช้าง คือ นกหัสดีลิงค์เพศผู้[ปุริสหัสดีลิงค์] นกที่หน้าคล้ายอินทรี คือ นกหัสดีลิงค์เพศเมีย[อิตถีหัสดีลิงค์] ปุริสหัสดีลิงค์(ซ้าย) / อิตถีหัสดีลิงค์(ขวา) ภาพร่างปุริสหัสดีลิงค์(เต็มตัว) ลักษณะของนกหัสดีลิงค์เพศเมียนั้น ดูจะไม่มีปัญหามากนัก เนื่องจากถูกวาดออกมาในรูปของนกกินเนื้อขนาดยักษ์ที่มีช่วงคอและหางยาว ใบหน้าลักษณะคล้ายนกอินทรีย์ผสมกับนกแร้ง ในงานจิตรกรรมไทยมักวาดให้นกหัสดีลิงค์เพศเมียใช้กรงเล็บเท้าหิ้วช้างไว้ด้วย ซึ่งเป็นจุดเด่นเอกลักษณ์ของนกหัสดีลิงค์อยู่แล้วด้วย ในขณะที่ลักษณะของนกหัสดีลิงค์เพศผู้ ดูจะมีปัญหามากกวา่ คือ ในงานจิตรกรรมจะวาดออกมาในรูปของนกที่มีจงอยปากเป็นงวงช้างหรือมีศีรษะทั้งศีรษะเป็นช้าง ในเรื่องของงวงนกหัสดีลิงค์(เพศผู้)นั้น แท้จริงแล้วคือ ส่วนของหงอน คล้ายกับไก่งวงเฉพาะตัวผู้ที่มีหงอนย้อยลงมาคล้ายงวงช้างส่วนตัวเมียไม่มีหงอนย้อยตรงนี้ จึงทำให้ภาพนกหัสดีลิงค์ในการออกแบบยุคหลังๆมานี้าดเพี้ยนเป็นนกหัวช้างไป(ภาพคู่ของนกหัสดีลิงค์ทางภาคเหนือวาดหน้านกเพศเมียไม่มีหงอน[งวง]) ส่วนหงอนนกหัสดีลิงค์เพศผู้นี้น่าจะสามารถยืดได้หดได้แบบหงอนของไก่งวง จึงทำให้คนโบราณเข้าใจว่าส่วนหงอนที่สามารถขยับขึ้นลงและแกว่งไปมาได้นี้เป็นเหมือนกับงวงของช้างที่ขยับได้นั่นเอง หงอนไก่งวงยามแกว่งไกว
นกหัสดีลิงค์ งานสำริด ศิลปะยุคล้านนา โปรดสังเกตบริเวณปากนก จะเห็นได้ชัดเจนว่า ในยุคนั้น อิมเมจของนกหัสดีลิงค์ยังไม่มีงาช้าง คาดว่า งาช้างจะถูกแต่งเติมขึ้นมาในยุคหลังจนมีผลตอการบิดเบือนข้อมูลในยุคหลังๆจนกลายเป็นว่า นกหัสดีลิงค์มีงาเหมือนช้างด้วย แต่ด้วยความคลาดเคลื่อนบางประการในการสื่อสาร อาจด้วยว่าผู้บันทึกและวาดภาพของนกหัสดีลิงค์โดยเฉพาะเพศผู้มองเห็นนกชนิดนี้ในระยะไกล(ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะอาจกลัวโดนเหยียบตายรึโดนจับกิน) รึอาจด้วยเห็นภาพจารึกของนกหัสดีลิงค์เพศผู้แบบผ่านๆ จึงทำให้ของลักษณะของนกหัสดีลิงค์เพศผู้ที่สืบทอดกันมาในงานจิตรกรรมโบราณของหลายชนชาติชั้นในหลังนั้นมีความคลาดเคลื่อนไป จนทำให้ออกแบบนกหัสดีลิงค์กลายเป็นนกหัวช้างไปในที่สุด
ข้อมูลโดยรวมระบุว่า นกหัสดีลิงค์นี้เป็นนกยักษ์ที่กินทั้งเนื้อและซากศพเป็นอาหาร(เป็นทั้งนักล่าและนักกินซาก) จึงชอบสีแดงเป็นพิเศษเพราะสีแดงนั้นดูเหมือนเนื้อสด ฉะนั้นเมื่อมนุษย์คลุมกายรึแต่งกายด้วยผ้าสีแดงจึงทำให้นกหัสดีลิงค์เข้าใจผิดว่าเป็นก้อนเนื้อจึงถูกโฉบตัวไปได้โดยง่าย มีกำลังเท่าช้าง ๕ เชือก และกินช้างเป็นอาหารด้วย ดังนั้น
นกหัสดีลิงค์จึงไม่ควรมีใบหน้ารึศีรษะเป็นช้างอย่างแน่นอน เพราะนกหัสดีลิงค์กินเนื้อเป็นอาหาร ที่สำคัญ นกหัสดีลิงค์ยังมีความจำเรื่องเส้นทางเป็นเลิศ อ้างอิงจากเหตุการณ์ตอนที่โฉบตัวพระเทวีผู้เป็นมารดาของพระเจ้าอุเทนขณะทรงครรภ์ด้วยกรงเล็บนั้น นกหัสดีลิงค์ตัวนั้นบินนำตัวพระนางไปถึงแดนหิมพานต์แล้วจึงร่อนลงเกาะบนต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งมีลักษณะแผ่ขยายคล้ายมณฑปซึ่งเป็นสถานที่นกหัสดีลิงค์ตัวนั้นใช้กินเหยื่ออยู่เป็นประจำ และเมื่อวางพระเทวีไว้ในระหว่างค่าคบไม้แล้ว นกหัสดีลิงค์ตัวนั้นจึงแลดูเส้นทางที่ตนบินมาแล้ว ซึ่งเป็นนัยว่า การแลดูเส้นทางที่บินมาแล้ว คือเรื่องปกติธรรมดาของเหล่านกหัสดีลิงค์(ประมาณว่า ดูเส้นทางตามสัญชาตญาณเพื่อจดจำตำแหน่งทิศทางที่มีสามารถเดินทางไปหาอาหารกินได้)
เนื่องด้วยมีความผูกพันกับศาสนาพุทธมาช้านาน นกชนิดนี้จึงมักปรากฏตัวอยู่บ่อยครั้งตามวรรณคดีและนิทานพื้นบ้านด้วย
ภาพวาดจำลองเหตุการณ์ ประวัติพระเจ้าอุเทนแห่งกรุงโกสัมพี แคว้นวังสะ(จะเห็นได้ว่า ศีรษะของนกหัสดีลิงค์ในภาพนี้มีความคล้ายคลึงกับนกมาก โดยมีหงอนลักษณะคล้ายงวงช้างแทนที่จะเป็นปากเป็นงวงช้างอย่างภาพวาดอื่น และมีการเติมหู เขี้ยว และงาเข้าไปจนดูสับสนนิดหน่อย แต่ให้ความรู้สึกที่ดูสมบูรณ์ไปอีกแบบ) อนึ่ง สาเหตุส่วนใหญ่ที่นกหัสดีลิงค์เข้าโฉบคนที่แต่งกายด้วยชุดสีแดงนั้น เป็นสาเหตุเดียวกันกับการที่ฉลามเข้าโจมตีนักโต้คลื่น คือ นกหัสดีลิงค์เห็นคนแต่งชุดสีแดงเป็นก้อนเนื้อ แบบเดียวกับที่ฉลามเห็นคนซ้อนกับกระดานโต้คลื่นเป็นแมวน้ำ สัตว์พวกนี้แท้จริงไม่มีเจตนาใดๆที่จะเข้าทำร้ายมนุษย์(ถ้าไม่มีเรื่องฝังใจกับมนุษย์จริงๆ) แต่เป็นเพราะสัตว์พวกนี้เข้าใจผิดไปเอง และ ไม่ใช่แค่สีแดงเท่านั้นที่มีผลต่อนกหัสดีลิงค์ วัตถุที่มีลักษณะแวววาวนั้นก็สามารถดึงดูดนกหัสดีลิงค์ได้เช่นเดียวกับนกทั่วไป ดังนั้น การสวมเครื่องประดับที่มากเกินพอดีก็เป็นอีกสาเหตุให้ถูกนกหัสดีลิงค์โฉบตัวไปด้วยเช่นกัน
monster bird with a bill as big as an elephant’s trunk คร่าวๆ : นกประหลาดที่มีปากนกขนาดใหญ่คล้ายงวงของช้าง จึงนับได้ว่า ความเข้าใจอันคลาดเคลื่อนเรื่องใบหน้าของนกหัสดีลิงค์นี้ มีมานานมากเต็มที
อนึ่ง ในคติเก่าแก่ของบางชนชาติมีการจัดสร้างเมรุนกหัสดีลิงค์ที่มี๓ศีรษะ ประกอบด้วยศีรษะทรงคล้ายช้าง(เพศผู้)อยู่กึ่งกลางเป็นศีรษะใหญ่ และขนาบด้วยศีรษะขนาดเล็กของนกปากยาวอยู่ทางด้านซ้ายและขวา ซึ่งแต่เดิมคะเนกันว่า ศีรษะของนกทั้ง๒ที่ขนาบอยู่นั้นน่าจะเป็นนกการเวก แต่หลังจากนำมาประกอบกับข้อมูลในบทความของเราแล้ว ก็สามารถตั้งทฤษฎีใหม่ขึ้นมาได้อีกว่า ศีรษะของนกที่ขนาบอยู่ทั้ง๒ด้านนั้น น่าจะเป็นศีรษะของนกหัสดีิงค์เพศเมียมากกว่า ซึ่งภาพเมรุนก๓หัวดังกล่าว อาจมีนัยยะสำคัญสื่อถึงพฤติกรรมการจับคู่ของนกชนิดนี้ด้วย กล่าวคือ การจับคู่ของนกหัสดีลิงค์ จะมีลักษณะแบบ ๑:๒ คือ ตัวผู้๑ตัว ต่อ ตัวเมีย ๒ ตัว จึงมีความเป็นไปได้ว่านกหัสดีลิงค์เพศผู้สามารถพบได้น้อยกว่าเพศเมีย ส่วนการที่แลเห็นนก๓ตัวซ้อนกันจนกลายเป็นนก๓หัวนั้น สามารถอธิบายได้ว่า เป็นภาพของนกหัสดีลิงค์ทั้ง๓ตัวนั้นกำลังนอนกกเบียดตัวกันอยู่ในรังเดียว ร่างของนกทั้ง๓ซึ่งมีสีเดียวกันจึงเกิดการซ้อนภาพหลอกสายตามองจนเห็นเป็นนก๓หัวไปในที่สุดนั่นเอง นกหัสดิน อ่านว่าอะไร[หัด-สะ-ดิน] (สก. หสฺตินฺ มค. หตฺถี) น. ช้าง (เหมือน หัสดี).
เหมหงษ์แปลว่าอะไรน. หงส์ทอง. ดูคำอื่นๆในหมวดแปล ไทย-ไทย อ.เปลื้อง ณ นคร เหเหงเหงาเหงาหงอยเหงือกเหงือกปลาหมอเหงื่อเหงื่อกาฬเหง่งเหง้า
อินทเภรี หมายถึงอะไรอินท ร คือ พระอินทร์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเทวดา เภรี แปลว่า กลอง รวมเรียกว่า”กลองของพระอินทร์” เสียงเวลาแห่งสรวงสวรรค์ ในวัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือ วัดใหญ่ อ.เมือง จ.พิษณุโลก หนึ่งในอารยะที่ยิ่งใหญ่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ถือเป็นประเพณี ตีย่ำบอกโมงยามมาเป็นสัญญาณในความศักดิ์สิทธิ์สุดยอดของวัดนี้อีกสิ่ง ...
มนมีความหมายว่าอย่างไรมน ๑ ก. อยู่กับที่ (ใช้แก่ดาวนพเคราะห์ ซึ่งปรากฏแก่ตาเป็น ๓ ทาง คือ เสริด ว่า ไปข้างหน้า พักร ว่า ถอยหลัง มน ว่า อยู่กับที่).ว. กลม ๆ โค้ง ๆ ไม่เป็นเหลี่ยม เช่น ทองหลางใบมน ขอบโต๊ะมน ปกเสื้อมน.[มะนะ มน มะนะ-] น. ใจ. (ป.).[มะนะ มน มะนะ-] น. ใจ. (ป.). ดูคำอื่นๆในหมวดแปล ไทย-ไทย ราชบัณฑิตยสถาน
|