Show
โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 เปิดสิทธิคงเหลือ 3.09 ล้านสิทธิ ให้ประชาชนลงทะเบียนรอบใหม่ ตั้งแต่ 23 ก.ย. - 1 ต.ค. นี้วันนี้ (21 ก.ย.2565) นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลังเปิดเผยว่า โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีสิทธิคงเหลือประมาณ 3.09 ล้านสิทธิ จากประชาชนกลุ่มที่ได้รับสิทธิแล้ว แต่ไม่ได้มีการใช้จ่ายครั้งแรกภายในระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งกระทรวงการคลังจะนำสิทธิคงเหลือดังกล่าวมาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนรอบใหม่ โดยกระทรวงการคลังจะเปิดรับลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ รอบใหม่ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 กันยายน 2565 จนถึงวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2565 ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตังหรือ www.คนละครึ่ง.com ระหว่างเวลา 06.00 น. – 22.00 น. ประชาชนที่จะลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการฯ
โดยประชาชนทั่วไปสามารถลงทะเบียนรอบใหม่นี้ได้ ทั้งประชาชนที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิโครงการฯ และประชาชนที่เคยได้รับสิทธิโครงการฯ แต่ไม่ได้ใช้จ่ายครั้งแรกภายในระยะเวลาที่กำหนด โฆษกกระทรวงการคลังกล่าวเพิ่มเติมว่า ประชาชนที่ลงทะเบียนและได้รับสิทธิจะได้รับวงเงินสนับสนุนค่าอาหาร เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวด สปา ทำผม ทำเล็บ และบริการขนส่งสาธารณะ และสินค้าหรือบริการที่กระทรวงการคลังกำหนด ในอัตราร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการฯ เหมือนประชาชนที่ได้รับสิทธิทุกรายก่อนหน้านี้ ซึ่งจะสามารถใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 3 ตุลาคม 2565 จนถึงวันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม 2565 ระหว่างเวลา 06.00 น. – 22.59 น. การใช้สิทธิมาตรการรักษาระดับการบริโภคภายในประเทศ ปี 2565 ระยะที่ 2ซึ่งประกอบด้วย โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 5 โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 และโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 โฆษกกระทรวงการคลังเผยว่า จากข้อมูลสะสม ณ วันอังคารที่ 20 กันยายน 2565 เวลา 23.00 น. มีผู้ใช้สิทธิทุกโครงการรวม 36.85 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายสะสมทั้งสิ้น 28,186.08 ล้านบาท โดยสรุปผลการใช้จ่ายได้ ดังนี้ 2. โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ ระยะที่ 3 มีผู้ใช้สิทธิจำนวน 923,782 คน และมียอดใช้จ่ายสะสม 184.02 ล้านบาท 3. โครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 5 มีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนรายเดิมที่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 (ประชาชนรายเดิมฯ) จำนวน 23.24 ล้านคน คิดเป็นยอดใช้จ่ายสะสม 25,331.94 ล้านบาท และมีผู้ใช้สิทธิที่เป็นประชาชนรายใหม่ที่ไม่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 (ประชาชนรายใหม่ฯ) จำนวน 158,417 คน คิดเป็นยอดใช้จ่ายสะสม 171.54 ล้านบาท รวมมีผู้ใช้สิทธิทั้งหมดจำนวน 23.40 ล้านคน และมียอดใช้จ่ายรวม 25,503.48 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่ายจำนวน 12,942.23 ล้านบาท และเงินที่รัฐร่วมจ่ายจำนวน 12,561.25 ล้านบาท สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 ยังคงสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่องจนกว่ากระทรวงการคลังจะปิดรับสมัคร โดยผู้ประกอบการร้านค้าที่เคยเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 4 และมีแอปพลิเคชันถุงเงิน สามารถกดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการฯ ระยะที่ 5 ผ่านแอปพลิเคชันถุงเงินได้ทันที ลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 5 รอบใหม่ 19 สิงหาคม 2565 เวลา 6.00 น. สำหรับผู้ที่ไม่เคยเข้าร่วมโครงการคนละครึ่งมาก่อน รัฐบาลกำหนดสิทธิไว้ให้ 26.5 ล้านสิทธิ โดยจะสามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ www.คนละครึ่ง.com และเริ่มใช้จ่ายสิทธิได้ในวันที่ 1 กันยายน 2565 นี้ โดยให้วงเงินคนละ 800 บาท
ลงทะเบียนคนละครึ่ง เฟส 5 เพื่อรับแจกเงิน 800 บาท ผ่าน www.คนละครึ่ง.com (กรณีไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน)
เมื่อได้อนุมัติทาง SMS แล้ว สามารถนำไปใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 1 กันยายน – 31 ตุลาคม 2565 ทั้งนี้ หากได้รับอนุมัติแล้ว แต่ไม่ได้ใช้สิทธิภายใน 14 วัน ระบบจะตัดสิทธิ์แล้วนำไปให้ผู้สมัครใหม่ ขั้นตอนการลงทะเบียนสำหรับผู้ที่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 4 มาแล้วประชาชนที่เคยใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งเฟส 4 มาแล้วสามารถกดยืนยันสิทธิเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง เฟส 5 ได้ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ตั้งแต่วันที่ 19 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป คุณสมบัติของผู้มีสิทธิเข้าโครงการคนละครึ่งเฟส 5ผู้มีสิทธิขอรับเงินจาก โครงการคนละครึ่งเฟส 5 ได้จะต้องมีคุณสมบัติครบ ดังนี้
แนะนำขั้นตอน ยืนยันตัวตน คนละครึ่งเฟส 5 อย่างละเอียดยืนยันตัวตน คนละครึ่งเฟส 5 ก่อนใช้สิทธิ โดยการ Dipchip บัตรประชาชนหลังจากสมัครผ่านและได้รับสิทธิคนละครึ่งเฟส 5 แล้ว ไม่ว่าจะสมัครผ่านเว็บไซต์ คนละครึ่ง.com หรือแอปเป๋าตัง ผู้ได้รับสิทธิต้องยืนยันตัวตนก่อนการใช้สิทธิโดยการ Dipchip บัตรประชาชนของตัวเอง ที่ตู้ ATM สีเทาของธนาคารกรุงไทยหรือสาขาของธนาคารกรุงไทย คุณสามารถติดต่อธนาคารกรุงไทยสาขาใกล้บ้านเพื่อทำการ Dipchip บัตรประจำตัวประชาชนให้เรียบร้อย วิธียืนยันตัวตน คนละครึ่งเฟส 5 หลังจากโหลดแอปเป๋าตังแอปเป๋าตัง เป็นช่องทางสำหรับรับสิทธิคนละครึ่งและใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้า/บริการด้วย เมื่อโหลดแอปเป๋าตังแล้วจำเป็นต้องยืนยันตัวตนให้เรียบร้อยก่อนจึงจะใช้งานได้ ซึ่งสามารถเลือกยืนบยันตัวตนด้วยการแสกนใบหน้า หรือยืนยันตัวตนด้วยแอป Krungthai NEXT ก็ได้ 1. เลือกยืนยันตัวตนด้วยแอป Krungthai NEXT
2. เลือกยืนยันตัวตนด้วยวิธี การแสกนใบหน้า
ยืนยันตัวตนไม่ผ่าน สามารถยืนยันตัวตนที่ตู้ ATM ธนาคารกรุงไทย ได้กรณีที่คุณไม่สามารถยืนยันตัวตนด้วยการแสกนใบหน้าได้ ให้นำบัตรประชาชนไปยืนยันตัวตนที่ตู้ ATM สีเทาของธนาคารกรุงไทย ซึ่งจะมีป้ายรองรับการยืนยันตัวตนระบุไว้ แล้วให้ดำเนินการดังนี้
คนละครึ่งเฟส 5 ให้วงเงินช่วยเหลือคนละ 800 บาท ไม่เกิน 150 บาทต่อวันโครงการคนละครึ่งเฟส 5 นี้ รัฐบาลจะสนับสนุนค่าอาหาร-เครื่องดื่ม สินค้าทั่วไป บริการนวดสปา ทำเล็บ ทำผม รวมถึงบริการขนส่งสาธารณะจากภาครัฐในอัตรา 50% แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อคนต่อวัน และไม่เกิน 800 บาทต่อคน ตลอดระยะเวลาโครงการคนละครึ่งเฟส 5 โดยจะเริ่มตั้งแต่ 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2565 รวมเป็นเวลา 2 เดือน โครงการคนละครึ่งเฟส 5 สามารถใช้ซื้ออาหาร เครื่องดื่ม จากร้านอาหารและเครื่องดื่มที่เข้าร่วม โครงการฯ ผ่านผู้ให้บริการระบบขนส่งอาหาร (Food Delivery Platform) ที่ได้รับอนุมัติให้เข้าร่วมโครงการฯ ผ่านแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ซึ่งรัฐบาลจะสนับสนุนเงินสำหรับค่าอาหารและ/หรือเครื่องดื่มเท่านั้น โดยไม่รวมค่าจัดส่งหรือค่าใช้จ่ายอื่น ทั้งนี้ เงินสนับสนุนที่ภาครัฐร่วมจ่ายในโครงการคนละครึ่งได้รับการยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตัวอย่างสินค้า/บริการที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งเฟส 5
สินค้า/บริการที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์คนละครึ่งเฟส 5 ได้
ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสามารถกำหนดเพิ่มเติมหรือเปลี่ยนแปลงรายการสินค้าและบริการของโครงการคนละครึ่งเฟส 5 ได้ ระยะเวลาที่ได้รับสิทธิเริ่มตั้งแต่ 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2565 รวมเป็นเวลา 2 เดือน รู้จักโครงการคนละครึ่งเฟส 5โครงการคนละครึ่งเฟส 5 เป็น โครงการตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2565 โดยที่ประชุม ครม. อนุมัติภายใต้กรอบวงเงิน 21,000 ล้านบาท เพื่อจ่ายเงินให้ ผู้ได้รับสิทธิ วงเงินคนละ 800 บาท โดยสามารถนำไปใช้จ่ายได้ตั้งแต่ 1 กันยายน ถึง 31 ตุลาคม 2565 รวมเป็นเวลา 2 เดือน ซึ่งเป็นโครงการที่เสนอโดย สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง |