การพิจารณาให้มองว่าอะไรต้องแก้ไข หรือ ควรจะแก้ไข มากน้อย แค่ไหนนั่นคือสิ่งที่ต้องจัดการ หากเปรียบเทียบกับ“อริยสัจ 4” ก็คือ อะไร คือ “ทุกข์” ซึ่งหมายถึงปัญหานั่นเอง 2. การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้อง ในขั้นนี้ต้องอาศัยการรวบรวมข้อเท็จจริงให้ได้มากที่สุดเพื่อนำมาค้นหาสาเหตุของปัญหา ซึ่งก็คือ “สมุทัย”ในความหมายของอริยสัจ การรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการแก้ปัญหาใดๆคือการรวบรวมข้อมูลที่ครบถ้วนสมบูรณ์ บางคนพอ เห็นปัญหาก็สรุปเลย แบบ Jump conclusion โดยไม่มีการวิเคราะห์ข้อมูลให้ถี่ถ้วน ส่งผลให้เกิดปัญหาใหม่อีกไม่สิ้นสุด ข้อมูลที่สมบูรณ์หมายถึง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริง เรียกว่า “ภาวะวิสัย” (Objective evidence) ไม่ใช่จากการปรุงแต่งใส่ไข่ด้วยอารมณ์ซึ่งมักพบบ่อยๆเรียกว่า “สักวิสัย”(Subjective evidence) การวิเคราะห์ข้อมูล นำข้อมูลทั้งหมดมาแยกเป็นประเด็น โดยวิเคราะห์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในมุมมองของ รูปธรรม คือสิ่งที่สัมผัสได้หรือ “อาการ”(Symptoms) และนามธรรม คือปัจจัยที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังที่ไม่ได้ปรากฏให้เราได้เห็น หรือ “ต้นเหตุ”( Cause) ซึ่งทุกปัญหาที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความไม่เป็นไปตามที่ควรเป็น หรือความต้องการของมนุษย์ การค้นหาเหตุของปัญหา การทบทวน “อาการ” และ “ต้นเหตุ” ว่าสอดคล้องกันหรือไม่ โดยมองหลายๆมุมที่เป็นไปได้ ขั้นตอนนี้ควรทำในรูปแบบระดมสมอง เพื่อให้ได้ทุมมองที่หลากหลาย และการระบุปัญหาที่ สามารถครอบคลุมการแก้ไขให้เบ็ดเสร็จ การสรุปประเด็นของปัญหาและสาเหตุที่แท้จริง เมื่อระบุปัญหาได้แล้ว นำมารวบรวมเป็นประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้อง ในขั้นตอนนี้เราจะเริ่มมองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้แล้ว 1. การพัฒนาทางเลือก ได้แก่การมองหาแนวทางที่จะแก้ปัญหา ก็คือ “นิโรธ” ของอริยสัจ นั่นเอง สร้างทางเลือกหลายๆทางเอาประเด็นปัญหาที่เป็นไปได้ทั้งหมดมา หาคำตอบ และระดมแนวทางแก้ปัญหาโดยสร้างคำตอบออกมาหลายๆแนวทางที่เป็นไปได้ โดยการสร้าง Decision treeเพื่อให้เห็นหลายๆแนวทางแล้วเลือกแนวทางที่ดีที่สุด Show 2. การประเมินทางเลือก 3. เลือกวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด 4. วิเคราะห์ผลที่ตามมาของการตัดสินใจโดยทำแบบทดสอบเหมือนจริง( Simulation) 5. การดำเนินการของการตัดสินใจ ปัจจัยที่มีผลต่อพฤติกรรมการตัดสินใจ 1. การรับรู้ภาพพจน์ (Stereotyping)คือการรับรู้และมีความโน้มเอียงในการยอมรับภาพพจน์ของบุคคลทำ ให้มีผลต่อการตัดสินใจ(BIAS)ทั้งด้านบวก และด้านลบ 2. การรับรู้ในทางบวก(Halo Effect) คือการรับรู้ในด้านบวกหรือด้านลบของบุคคลใดบุคคลหนึ่งมานานแล้วยอมให้ คุณลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งมาบดบังอีกคุณลักษณะหนึ่ง เช่น ทำดีมาทั้งปี พอทำผิดมีข้อบกพร่องก็มองข้ามไม่นำมาเป็นปัจจัยการตัดสินใจ หรือตรงกันข้าม ทำไม่ดีมาทั้งปี ทำดีแค่สามเดือนก่อนประเมินผู้ประเมินมองแต่ความดี ไม่เอาสิ่งไม่ดีมาเป็นปัจจัยในการประเมิน แนวทางในการแก้ไขปัญหาชีวิตมีกี่แนวทางการยอมรับถึงปัญหา สิ่งสำคัญอันดับแรกในการจะแก้ปัญหาให้ได้ผลนั้น คือ “การยอมรับว่าปัญหาว่าเป็นปัญหา” ... . กำจัดขอบเขตของปัญหา คือการหาให้เจอว่าปัญหานั้นคืออะไร มีมากน้อยขนาดไหน เป็นปัญหาเล็ก ปัญหาใหญ่ เกิดบ่อยหรือนานๆเกิดที ... . กำหนดทางเลือกในการแก้ปัญหา ... . การลงมือทำตามแผน ... . การติดตาม. กระบวนการเเก้ปัญหามี7ขั้นตอนคืออะไรบ้าง1. ก าหนดปัญหาหรือความต้องการ (Identify the problem) 2. รวบรวมข้อมูล (Information gathering) 3. เลือกวิธีการ (Selection) 4. ออกแบบและปฏิบัติการ (Design and making) 5. ทดสอบ (Testing) 6. ปรับปรุงแก้ไข (Modification and improvement) 7. ประเมินผล (Assessment)
กระบวนการ แก้ ปัญหา 4 ขั้น ตอน มี อะไร บ้างขั้นตอนการแก้ปัญหา. 1. การวิเคราะห์และกำหนดรายปัญหา ... . 2. การวางแผนในการแก้ปัญหา ... . 3. การดำเนินการแก้ปัญหา ... . 4. การตรวจสอบและปรับปรุง. การแก้ปัญหามีกี่ประเภทสรุปได้ว่า ประเภทของปัญหาสามารถจาแนกได้ตามลักษณะใหญ่ๆ อยู่2 ประเภท คือ จาแนกตามลักษณะการแก้ปัญหาโดยทั่วไป และลักษณะการแก้ปัญหาเฉพาะกิจ ซึ่งลักษณะการแก้ปัญหา ทั่วๆ ไปจะมีทั้งปัญหาที่สามารถจัดการแก้ไขได้อย่างเป็นขั้นตอน และปัญหาที่มีความซับซ้อน คลุมเครือไม่ ชัดเจน ส่วนลักษณะการแก้ปัญหาเฉพาะกิจ จะมีลักษณะปัญหาที่เกิดขึ้น ...
|