หุ้น พื้นฐาน ดี ราคา ถูก

นโยบายการลงทุนของ Jitta Ranking จะนำผลวิเคราะห์หุ้นทั้งหมดในแต่ละประเทศ มาจัดอันดับ “หุ้นดีราคาถูก น่าลงทุน” ตามหลักการ Warren Buffet โดยจะดูจาก 3 ปัจจัยหลักๆ ได้แก่ คุณภาพของธุรกิจ มูลค่าที่เหมาะสม และโอกาสเติบโตสร้างกำไรของธุรกิจ

จากนั้น จะเลือกหุ้นที่น่าลงทุนที่สุดตามการจัดอันดับของ Jitta Ranking ในวันที่คุณเริ่มลงทุน โดยเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องสามารถซื้อขายได้

ระบบจะซื้อหุ้นแต่ละตัวในสัดส่วนใกล้เคียงกัน เพื่อกระจายความเสี่ยง และรีวิวหุ้นปรับพอร์ตทุกๆ 3 เดือน นับจากวันที่เริ่มลงทุน โดยซื้อขายหุ้นตาม Jitta Ranking ณ วันนั้น

ซึ่งเราจะดูว่าหุ้นที่ถืออยู่มีตัวไหนหลุดอันดับต้นๆ ของ Jitta Ranking ไปแล้ว ก็จะขายออก ในขณะเดียวกันก็จะซื้อหุ้นที่ติดอันดับตัวใหม่เข้ามาแทน ส่วนหุ้นที่ยังคงติด Jitta Ranking อยู่ ก็จะซื้อเพิ่มหรือขายออกด้วย เพื่อปรับสัดส่วนหุ้นทุกตัวในพอร์ตให้กลับมาใกล้เคียงกันที่สุดอีกครั้ง ทำแบบนี้ซ้ำไปเรื่อยๆ ทุก 3 เดือน

ROE   คืออัตราการทำกำไรในสินทรัพย์ ที่จะช่วยบอกนักลงทุนว่าบริษัทใดคือ เครื่องจักรทำเงิน โดยคิดง่ายๆ จากเงิน 1 บาทของผู้ถือหุ้น บริษัทไหนนำไปทำธุรกิจแล้วได้กำไรมากกว่า ถือว่ามีความสามารถในการจัดสรรเงินลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้ดีกว่า

ถ้าเอ่ยถึงหุ้นที่มีราคาซื้อขายไม่แพง เช่น ต่ำกว่า 10 บาทต่อหุ้น จะนึกถึงว่าเป็นหุ้นที่นักลงทุนรายย่อยนิยมซื้อขาย หรือนักลงทุนที่ชอบหาหุ้นราคาไม่แพงเพราะอาจมีเงินลงทุนไม่สูง หรือนักลงทุนที่ชื่นชอบหุ้นที่มีการเปลี่ยนแปลงราคาหุ้นแต่ละช่วงค่อนข้างสูง เพื่อสร้างโอกาสทำกำไรได้สูงกว่าหุ้นที่มีราคาซื้อขายสูง ๆ แต่ในทางกลับกันก็จะขาดทุนสูงเช่นเดียวกันถ้าราคาหุ้นปรับลดลง

จากประโยคด้านบน อาจมองว่าหุ้นที่มีราคาซื้อขายไม่แพงจึงเหมาะกับการลงทุนระยะสั้น (เก็งกำไร) อาศัยการวิเคราะห์กราฟเทคนิคเข้าช่วยในการตัดสินใจลงทุน และเป้าหมายของนักลงทุนในหุ้นประเภทนี้ คือ การทำกำไรจากส่วนต่างของราคา (Capital Gain)

อย่างไรก็ตาม หุ้นที่มีราคาซื้อขายไม่แพงบางตัวสามารถลงทุนในระยะยาวหรือลงทุนเพื่อรับเงินปันผลได้ ขอเพียงเลือกหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแรง มีระบบการบริหารงานที่ดี มีแนวทางการเติบโต มีฐานะทางการเงินที่แข็งแรง มีการจัดการสภาพคล่องได้ดี 

ดังนั้น ถ้าวิเคราะห์ให้ดีก็สามารถค้นพบเพชรเม็ดงามที่สร้างผลตอบแทนอย่างน่าประทับใจได้ และถ้ากระจายการลงทุนไปในหุ้นประเภทนี้ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแรงอาจช่วยให้พอร์ตลงทุนชนะตลาดได้ หมายความว่า ถ้าพอร์ตลงทุนมีส่วนผสมของหุ้นแต่ละประเภทอย่างเหมาะสม อาจทำให้ผลตอบแทนชนะตลาดได้ ซึ่งปัจจัยพื้นฐานที่น่าสนใจ เช่น แนวโน้มการเติบโตด้านการดำเนินธุรกิจ ความสามารถในการสร้างผลกำไรที่ดีสม่ำเสมอ 

กำไรสม่ำเสมอ

ธุรกิจที่ดีมักมีผลการดำเนินงานที่ดีและสม่ำเสมอ แสดงถึงความสามารถในการบริหารจัดการ เพราะไม่ว่าจะอยู่ในภาวะเศรษฐกิจแบบใดก็สามารถสร้างผลงานได้ดี เช่น ทำกำไรได้ดีต่อเนื่อง 5 – 10 ปีติดต่อกัน เป็นต้น

จ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

เมื่อธุรกิจมีผลการดำเนินงานที่ดีสม่ำเสมอก็มักจะจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอตามไปด้วย เพราะเงินปันผลเป็นกระแสเงินสดรับที่นักลงทุนต่างก็คาดหวัง ดังนั้น บริษัทที่ดีจึงควรมีการบริหารจัดการระหว่างการนำเงินไปลงทุนกับการจ่ายเงินปันผลได้อย่างเหมาะสม โดยอาจพิจารณาหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลติดต่อกันเป็นระยะเวลานานหลายปี เช่น 5 ปี 10 ปี เป็นต้น

ราคาไม่แพง

คำว่าไม่แพงจนเกินไป คือ สัดส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) ไม่ควรเกิน 16 เท่า โดยอ้างอิงกับค่าเฉลี่ย P/E Ratio ของตลาดหุ้นไทยตลอด 20 ปี (2545 – 2564) เท่ากับ 16 เท่า

เมื่อเอ่ยถึงหุ้นที่มีราคาต่ำ เช่น 1 บาทต่อหุ้น 3 บาทต่อหุ้น 5 บาทต่อหุ้น นักลงทุนเข้าใจว่าเป็นหุ้นที่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้นๆ เท่านั้น ราคาหุ้นเคลื่อนไหวค่อนข้างรวดเร็วและบางครั้งก็ขึ้นลงไม่เป็นไปตามภาวะตลาด แต่ในความจริงถ้าสามารถคัดกรองหุ้นราคาต่ำด้วยปัจจัยพื้นฐาน อาจทำให้การลงทุนหุ้นประเภทนี้ได้ผลตอบแทนที่ดีและสม่ำเสมอ

โดยทั่วไป หุ้นที่มีราคาต่ำหรือเรียกว่า Penny Stock เป็นหุ้นของบริษัทที่มีขนาดเล็ก หรือบางกรณีอาจเป็นบริษัทใหญ่ แต่ประสบภาวะขาดทุนสะสมจำนวนมาก ทำให้ราคาหุ้นตกต่ำเป็นเวลานาน นอกจากนี้ ยังเป็นที่ที่มีสภาพคล่องไม่มาก ทำให้นักลงทุนอาจซื้อหุ้นได้ยากและเมื่อซื้อได้แล้วถ้าต้องการขายก็ทำได้ยากเช่นกัน ที่สำคัญมักถูกมองว่าเป็นหุ้นเพื่อการเก็งกำไร หมายความว่า ถ้าลงทุนได้กำไรก็จะกำไรดี และก็มีโอกาสขาดทุนสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งหมดเช่นเดียวกัน

ที่ผ่านมาหุ้นที่มีราคาต่ำมักเป็นที่สนใจของนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากมีทุนจดทะเบียนหรือปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนต่ำและราคาต่ำ การเข้าลงทุนจึงใช้เงินทุนไม่มาก แต่ก็มีบางจังหวะที่อาจมีนักลงทุนรายใหญ่เข้ามาลงทุนด้วยวิธีทยอยเข้าเก็บหุ้นเงียบๆ จนได้หุ้นจำนวนมากพอและปริมาณหุ้นที่หมุนเวียนในตลาดน้อยลงและเข้าซื้อต่อเนื่องเพื่อไล่ราคาให้สูงขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อนักลงทุนคนอื่นเห็นความเคลื่อนไหวก็เข้ามาซื้อตามเพื่อคาดหวังว่าราคาจะปรับขึ้น หลังจากนั้นนักลงทุนรายใหญ่จะค่อยๆ ทยอยขายออกโดยเก็บเกี่ยวกำไรจนเป็นที่พอใจ ถ้านักลงทุนคนอื่นขายออกไม่ทันจะติดหุ้น หรือรู้จักกันดีว่า ติดดอย หรือบางคนก็ตัดใจขายขาดทุน จึงเป็นที่รับรู้กันดีว่าหุ้นประเภทนี้เหมาะกับผู้ที่รับความเสี่ยงได้สูง

ถ้าสนใจลงทุนหุ้นที่มีราคาต่ำและลดความเสี่ยง คือ การตั้งจุดตัดขาดทุน (Stop Loss) ที่สามารถยอมรับความสูญเสียได้ เช่น ซื้อหุ้นที่ราคา 10 บาท ตั้ง % ตัดขาดทุนไว้ที่ 5% คำนวณจุดหยุดขาดทุนได้ 10 x 5% = 0.50 บาท หมายความว่า ยอมรับการขาดทุนได้ที่ 0.5 บาท ดังนั้น ถ้าราคาหุ้นที่ถือลดลงจาก 10 บาท เป็น 9.50 (10 – 0.50) บาท ต้องตัดสินใจขาย

โดยสรุปแล้ว เนื่องจากเป็นหุ้นกลุ่มที่มีสภาพคล่องไม่มาก หุ้นประเภทนี้มีแนวโน้มที่จะผันผวนด้านราคาสูง หมายความว่า นักลงทุนมีโอกาสสูงที่จะมีโอกาสได้กำไรสูงและขาดทุนสูง อย่างไรก็ตาม การเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นของบริษัทขนาดเล็กก็สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ หมายความว่า ถ้าเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง ก็จะสามารถขยายกิจการและกลายเป็นหุ้นขนาดกลางและใหญ่ เป็นบริษัทที่ได้รับการยอมรับ มีฐานะทางการเงินที่มั่นคงในอนาคต

ดังนั้น ถ้าค้นหาหุ้นที่มีราคาต่ำที่มีศักยภาพหรือแนวโน้มการเติบโตที่ดี ก็สามารถลงทุนระยะยาวโดยคาดหวังว่าบริษัทจะประสบความสำเร็จในอนาคต ทำให้มูลค่าและราคาหุ้นสูงขึ้น แต่นักลงทุนต้องติดตามศึกษาข้อมูลของบริษัทและธุรกิจให้ลึกซึ้ง จนสามารถแยกแยะข้อเท็จจริงกับข่าวลือข่าวลวงต่างๆ จึงจะประสบความสำเร็จในการลงทุนกับหุ้นประเภทนี้

ซื้อหุ้นตัวไหนดี 2023

รวมหุ้นน่าลงทุนแห่งปี 2023.
ERW - บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน).
ZEN - บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน).
CPALL - บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน).
AOT - บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน).
CRC - บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน).

หุ้นพื้นฐานดีมีอะไรบ้าง

6 วิธีสังเกตหุ้นพื้นฐานดีแบบง่าย ๆ.
1. มีการเติบโตต่อเนื่องอย่างน้อย 3-5 ปี ... .
2. บริหารธุรกิจได้ดี มีกำไรสม่ำเสมอ ... .
3. ธุรกิจมีจุดแข็ง มีความสามารถในการแข่งขัน ... .
4. อัตราส่วนหนี้สินต่อต้นทุนไม่สูง ... .
5. กำไรสะสมเพิ่มต่อเนื่อง ... .
6. ทีมผู้บริหารโปร่งใส มีการกำกับกิจการที่ดี.

หุ้นตัวไหนน่าซื้อปี 2565

ประเมินระดับ SET Index ปี 2565 อิงกับปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ 1660 จุด และ คาดว่าจะมีกรอบการเคลื่อนไหวบริเวณ 1550-1750 จุด แนะนำ 10 หุ้นเด่น ที่คาดว่าผลการดำเนินงานปี 2565 จะเติบโตเด่น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF รวมถึงหุ้นที่ได้รับประโยชน์จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ...

หุ้นตัวไหนน่าลงทุนระยะยาว

แนะนำ 5 หุ้นน่าลงทุนระยะยาว ตัวไหนดี และน่าสนใจ อ่านได้ที่นี่.
1.CPALL. ... .
2.EA. ... .
3.BDMS. ... .
4.ADVANC. ... .
5.KBANK..