ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

                สารในธรรมชาติส่วนมากจะผสมอยู่ด้วยกันตั้งแต่ 2 ชนิดขึ้นไปเป็นสารผสมซึ่งองค์ประกอบของสารผสมจะแสดงสมบัติเดิมก่อนผสม ถ้าเราต้องการแยกองค์ประกอบของสารผสมเราจะต้องทราบสมบัติของสารองค์ประกอบเพื่อจะเลือกวิธีที่เหมาะสมในการแยกสารและสามารถนำสารที่แยกได้ไปใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งการแยกสารมีหลายวิธีดังนี้

การเปลี่ยนแปลงสาร
           การเปลี่ยนแปลงสาร แบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ คือ
     - การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ( Physical Change ) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสารที่เกี่ยวกับสมบัติกายภาพ โดยไม่มีผลต่อ องค์ประกอบภายใน และ ไม่เกิดสารใหม่ เช่น การเปลี่ยนสถานะ , การละลายน้ำ

     - การเปลี่ยนแปลงทางทางเคมี ( Chemistry Change ) หมายถึง การเปลี่ยนแปลงของสารที่เกี่ยวข้องกับสมบัติทางเคมีซึ่งมีผลต่อองค์ประกอบภายใน และจะมีสมบัติต่างไปจากเดิม นั่นคือ การเกิดสารใหม่ เช่น กรดเกลือ ( HCl ) ทำปฏิกิริยากับลวด แมกนีเซียม ( Mg ) แล้วเกิดสารใหม่ คือ ก๊าซไฮโดรเจน ( H2 )

การจัดจำแนกสาร 
          จะสามารถจำแนกออกเป็น 4 กรณี ได้แก่
          1. การใช้สถานะเป็นเกณฑ์ แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
          - สถานะที่เป็นของแข็ง ( Solid ) จะมีรูปร่าง และ ปริมาตรคงที่ ซึ่งอนุภาคภายในจะอยู่ชิดติดกัน เช่น ด่างทับทิม ( KMnO4 ) , ทองแดง ( Cu )
          - สถานะที่เป็นของเหลว ( Liquid ) จะมีรูปร่างตามภาชนะที่บรรจุ และ มีปริมาตรที่คงที่ ซึ่งอนุภาคภายในจะอยู่ชิดกันน้อยกว่าของแข็ง และ มีสมบัติเป็นของไหล เช่น น้ำมัน , แอลกอฮอล์ , ปรอท ( Hg ) ฯลฯ
          - สถานะที่เป็นก๊าซ ( Gas ) จะมีรูปร่าง และ ปริมาตรที่ไม่คงที่ โดยรูปร่าง จะเปลี่ยนไปตามภาชนะที่บรรจุ อนุภาคภายในจะอยู่ ห่างกันมากที่สุด และ มีสมบัติเป็นของไหลได้ เช่น ก๊าซหุงต้ม , อากาศ

          2. การใช้เนื้อสารเป็นเกณฑ์ จะมีสมบัติทางกายภาพของสารที่ได้จากการสังเกตลักษณะความแตกต่างของเนื้อสาร ซึ่งจะจำแนกได้ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ
          - สารเนื้อเดียว ( Homogeneous Substance ) หมายถึง สารที่มีเนื้อสารเหมือนกันทุกส่วน ทำให้สารมีสมบัติเหมือนกันตลอดทุกส่วน เช่น แอลกอฮอล์ , ทองคำ ( Au ) , โลหะบัดกรี
          - สารเนื้อผสม ( Heterogeneous Substance ) หมายถึง สารที่มีเนื้อสารแตกต่างกันในแต่ละส่วน จะทำให้สารนั้นมีสมบัติ ไม่เหมือนกันตลอดทุกส่วน เช่น น้ำอบไทย , น้ำคลอง ฯลฯ

          3. การละลายน้ำเป็นเกณฑ์ จะจำแนกได้ออกเป็น 3 กลุ่ม คือ
          - สารที่ละลายน้ำได้ เช่น เกลือแกง ( NaCl ) , ด่างทับทิม ( KMnO4 ) ฯลฯ
          - สารที่ละลายน้ำได้บ้าง เช่น ก๊าซคลอรีน ( Cl2 ) , ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ( CO2 ) ฯลฯ
          - สารที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ เช่น กำมะถัน ( S8 ) , เหล็ก ( Fe ) ฯลฯ

         4. การนำไฟฟ้าเป็นเกณฑ์  จะจำแนกได้ออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
          - สารที่นำไฟฟ้าได้ เช่น ทองแดง ( Cu ) , น้ำเกลือ ฯลฯ
          - สารที่ไม่นำไฟฟ้า เช่น หินปูน ( CaCO3 ) , ก๊าซออกซิเจน ( O2 )

สสาร (Matter) คือ สิ่งที่มีมวล ต้องการที่อยู่และสามารถสัมผัสได้ แต่ยังไม่ทราบคุณสมบัติที่แน่นอน เช่น อากาศ ดิน

สาร (Substance) คือ สสารที่ทราบคุณสมบัติที่แน่นอน


สมบัติของสาร

แบ่งเป็น

  1. สมบัติทางกายภาพ เช่น การนำไฟฟ้า จุดเดือดจุดหลอมเหลว สี กลิ่น
  2. สมบัติทางเคมี เช่น การติดไฟ ความเป็นกรดเป็นด่าง
ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

การเปลี่ยนแปลงของสาร

แบ่งเป็น

  1. การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ คือ การเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สมบัติทางกายภาพของสารเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น การเปลี่ยนสถานะ การละลาย
  2. การเปลี่ยนแปลงทางเคมี คือการเปลี่ยนแปลงที่ทำให้สมบัติทางเคมีของสารเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่น การเกิดสนิม การเผาไหม้
ยกตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ



ในการเข้าใช้งานเวบไซต์ของเรา ท่านได้อ่าน เข้าใจ และยอมรับข้อกำหนดการใช้งาน นโยบายความเป็นส่วนตัว และนโยบายคุกกี้ของเราแล้ว โดยท่านสามารถอ่านนโยบายของเราได้ ที่นี่

คุณสับสนเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างการเปลี่ยนแปลงทางเคมีและการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและวิธีการบอกพวกเขาออกจากกัน? สรุปการ เปลี่ยนแปลงทางเคมี จะก่อให้เกิด สารใหม่ ในขณะที่การ เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ ไม่เกิดขึ้น วัสดุอาจเปลี่ยนรูปทรงหรือแบบฟอร์มขณะที่กำลังมีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ แต่ ไม่มีปฏิกิริยาทางเคมีเกิด ขึ้นและไม่มีการผลิต สารใหม่

ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงทางเคมี

สารประกอบใหม่ (ผลิตภัณฑ์) เกิดจากการเปลี่ยนแปลงทางเคมีเมื่ออะตอมจัดตัวใหม่เพื่อสร้างพันธะเคมีใหม่

  • การเผาไม้
  • นมเปรี้ยว
  • ผสมกรด และเบส
  • การย่อยอาหาร
  • การทำอาหารไข่
  • น้ำตาลให้ความร้อนในรูปคาราเมล
  • เบเกอรี่เค้ก
  • การหลอมเหล็ก

ตัวอย่างการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ

ไม่มีชนิดของสารเคมีใหม่เกิดขึ้นในการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพ การเปลี่ยนสถานะของสารบริสุทธิ์ระหว่างขั้นตอนของแข็ง, ของเหลวและแก๊สของสสารคือการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพทั้งหมดเนื่องจากตัวตนของสสารไม่เปลี่ยนแปลง

  • การขูดแผ่นฟอยล์อลูมิเนียม
  • การละลายก้อนน้ำแข็ง
  • หล่อเงินในแม่พิมพ์
  • การแบ่งขวด
  • น้ำเดือด
  • การระเหยแอลกอฮอล์
  • กระดาษหั่นย่อย
  • การระเหิดของน้ำแข็งแห้งเป็นไอคาร์บอนไดออกไซด์

วิธีการบอกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพหรือทางเคมี?

มองหา ข้อบ่งชี้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางเคมี ปฏิกิริยาเคมีปล่อยหรือดูดซับความร้อนหรือพลังงานอื่น ๆ หรืออาจก่อให้เกิดแก๊สกลิ่นสีหรือเสียง หากคุณไม่เห็นข้อบ่งชี้ใด ๆ เหล่านี้การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอาจเกิดขึ้น ตระหนักถึงการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในการปรากฏตัวของสาร

ไม่ได้หมายความว่าปฏิกิริยาทางเคมีเกิดขึ้น

ในบางกรณีอาจเป็นการยากที่จะบอกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงทางเคมีหรือทางกายภาพเกิดขึ้นหรือไม่ ตัวอย่างเช่นเมื่อคุณละลาย น้ำตาลในน้ำ การ เปลี่ยนแปลงทางกายภาพ จะเกิดขึ้น รูปแบบของการเปลี่ยนแปลงน้ำตาล แต่ก็ยังคงเหมือนกันทางเคมี (ซูโครสโมเลกุล) อย่างไรก็ตามเมื่อคุณละลาย เกลือใน น้ำเกลือจะแยกออกเป็นไอออนของมัน (จาก NaCl เป็น Na + และ Cl - ) เพื่อให้เกิด การเปลี่ยนแปลงทางเคมี

ในทั้งสองกรณีของแข็งสีขาวละลายเป็นของเหลวใสและในทั้งสองกรณีคุณสามารถกู้คืนวัสดุเริ่มต้นโดยการเอาน้ำ แต่กระบวนการไม่เหมือนกัน