Vivoactive 3 Upgraded! กับการเปิดตัวของ Garmin Venu และ Vivoactive 4 พร้อมกัน ไม่ต้องสับสนกับชื่อรุ่นแต่อย่างใด เพราะทั้งสองรุ่นนี้ต่างกันเพียงหน้าจอและขนาด นอกจากนั้น ความสามารถ ฟีเจอร์อื่นๆ เหมือนกันทุกประการ
เริ่มที่เรือนแรกกับ Garmin Venu กับสีสันหน้าจอที่โดดเด่น โดยมีขนาดตัวเรือน และ สายที่เล็กลง (เมื่อเทียบกับ Vivoactive 4) ด้วยขนาดตัวเรือนเพียง 43 มม. หน้าปัด 1.2 นิ้ว และ สายขนาด 20 มม. ใช้หน้าจอรูปแบบ AMOLED สำหรับคนชอบหน้าจอคมชัด และ สีสันจัดจ้าน มีขนาดตัวเรือนกระทัดรัดเหมาะกับคุณผู้หญิง หรือ คนที่ข้อมือเล็ก จึงทำให้เลือกใส่ได้อย่างลงตัวและมีสไตล์ กลับมาที่ Garmin Vivoactive 4 ที่มองเผินๆเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม แต่จริงๆแล้วเมื่อได้ลองสัมผัสและใช้งานมา ถือได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงอยู่พอสมควร เริ่มที่ขนาด มาคราวนี้ได้อัพไซส์ขึ้น ด้วยขนาดตัวเรือน 45 มม. หน้าปัด 1.3 นิ้ว และ สายที่กว้าง 22 มม. จึงทำให้มีขนาดที่แตกต่างกว่า (Vivoactive 3 Music และ Venu) จุดตรงนี้เองที่เหมาะกับคนที่ชอบสมาร์ทวอทช์ขนาดกลางๆ ใส่แล้วดูเต็มข้อมือ ไม่เล็ก หรือ ใหญ่จนเกินไป หลังจากที่ได้ลองใส่จริงทั้ง 2 รุ่นแล้ว ต้องบอกต่อถึงคนที่ข้อมือใหญ่ หรือ ข้อมือผู้ชาย ที่กำลังคิดจะเลือก Garmin Venu ต้องยอมรับในเรื่องขนาดกันก่อน อาจไม่เหมาะกับข้อมือใหญ่ๆสักเท่าไหร่ แต่สำหรับคนที่ชอบสมาร์ทวอทช์เรือนเล็ก เบาๆ กระทัดรัด ก็สามารถจัด Garmin Venu ได้เลย ส่วน Garmin Vivoactive 4 เรือนนี้มีขนาด และ การสวมใส่ ที่ไม่มีข้อติ แต่อาจจะไม่เหมาะสมกับคนที่ข้อมือเล็กมากๆ ที่ใส่แล้วดูแล้วเทอะทะ และ ไม่กระชับข้อมือ กว่ารุ่น Garmin Venu
หน้าจอ
วัสดุที่ทำการบ้านมาได้ดี เพราะรอบแรกที่ Garmin Vivoactive 3 เปิดตัวออกมา ทาง Garmin ได้ใส่ขอบหน้าปัดที่เป็นสแตนเลสเข้ามา แต่ในตอนที่ Garmin Vivoactive 3 Music เปิดตัวกลับเอาออกขอบสแตนเลสออก และ ใช้หน้าจอรูปแบบโค้งเข้ามาทดแทน ซึ่งลดความแข็งแรงลง อีกทั้งผู้ใช้งานต้องระมัดระวังมาขึ้น กลับมาคราวนี้ Garmin Vivoactive 4 และ Garmin Venu ได้กลับมาใช้ขอบหน้าปัดที่สแตนเลสอีกครั้ง ที่อัพเกรดความดูดี และ แข็งแรงขึ้น จึงทำให้มั่นใจได้ตลอดการใช้งาน
2 สิ่งใหม่ที่ต้องลองใช้
โดยสายสถิติ ก็ยังมีกราฟให้ดูข้อมูลแบบย้อนหลัง ซึ่งจำนวนชั่วโมงย้อนหลังจะอ้างอิงตามข้อมูลนั้นๆ โดยกราฟเหล่านี้จะช่วยให้เห็นความเปลี่ยนแปลง และ แนวโน้มของสุขภาพในชีวิตประจำวันได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องมานั่งจับความรู้สึกของตัวเองอีกต่อไป
สรุปปิดท้าย ถ้าคุณมีรุ่นเดิมอย่าง Garmin Vivoactive 3 อยู่แล้ว และพอใจในขนาด Garmin Venu ถือว่าคุ้มค่าในการอัพเกรดรุ่นใหม่ ทั้งความสดใหม่ของหน้าจอที่สามารถเปลี่ยนประสบการณ์การใช้งานแบบเดิมๆ ไปสู่หน้าจอสีสันสดใสและคมชัด อีกทั้งฟังก์ชั่นด้านสุขภาพที่เพิ่มเข้ามา ส่วนคนที่ยังไม่เคยใช้ และกำลังลังเลอยู่ เลือกเป็นรุ่น Garmin Vivoactive 4 ก็ค่อนข้างตอบโจทย์ ด้วยราคาที่ถูกกว่า 1,000 บาท แต่ได้มาด้วยฟังก์ชั่นที่ครบ จบในเรือนเดียว เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน และการเริ่มต้นออกกำลังกายไปจนถึงในระดับกลาง |