ซึ่งข้อมูลที่ได้นำเสนอนี้ ข้าพเจ้าจะนำไปพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน โรงเรียนสบเปิงวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2 ให้เกิดประสิทธิภาพต่อไป แบบข้อตกลงในการพัฒนางาน (PA) สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ระหว่างวันที่ 1 เดือน ตุลาคม พ.ศ. 2564 ถึง วันที่ 30 เดือน กันยายน พ.ศ. 2565
ผู้จัดทำข้อตกลง ชื่อ นางสาวดารณี นามสกุล วงค์ธานี ตำแหน่ง ครูผู้ช่วย (ยังไม่มีวิทยฐานะ) สถานศึกษา โรงเรียนสบเปิงวิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2 รับเงินเดือนในอันดับ ครูผู้ช่วย อัตราเงินเดือน 16,360 บาท ประเภทห้องเรียนที่จัดการเรียนรู้ (สามารถระบุได้มากกว่า 1 ประเภทห้องเรียน ตามสภาพการจัดการเรียนรู้จริง) ☐ ห้องเรียนวิชาสามัญหรือวิชาพื้นฐาน ✅ห้องเรียนปฐมวัย ☐ ห้องเรียนการศึกษาพิเศษ ☐ ห้องเรียนสายวิชาชีพ ☐ ห้องเรียนการศึกษานอกระบบ / ตามอัธยาศัย ข้าพเจ้าขอแสดงเจตจำนงในการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนางานตำแหน่งครูผู้ช่วย ซึ่งเป็นตำแหน่งและวิทยฐานะที่ดำรงอยู่ในปัจจุบันกับผู้อำนวยการสถานศึกษา ไว้ดังต่อไปนี้
ส่วนที่ 1 ข้อตกลงในการพัฒนางานตามมาตรฐานตำแหน่ง 1. ภาระงาน จะมีภาระงานเป็นไปตามที่ ก.ค.ศ. กำหนด การปฏิบัติการสอน (ชั้น/ ระดับ กลุ่มสาระการเรียนรู้/สาขา หรือรายวิชาตามที่สอน) - ปฏิบัติการสอนในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 สาระการเรียนรู้การศึกษาปฐมวัย ดังนี้ ปฎิบัติการสอน 6 กิจกรรมหลัก ได้แก่ กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ กิจกรรมเสริมประสบการณ์ กิจกรรมสร้างสรรค์ กิจกรรมเสรี กิจกรรมกลางแจ้ง กิจกรรมเกมการศึกษา โดยคำนึงถึงความเหมาะสมในเรื่องวัย และวุฒิภาวะของเด็กโดย การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนในระดับปฐมวัย โดยมุ่งหวังผลสัมฤทธิ์เพื่อการพัฒนาผู้เรียนโดยยึดหลักสูตร การศึกษาปฐมวัย พุทธศักราช 2560 และหลักสูตรสถานศึกษาในโรงเรียนในการจัดกิจกรรม สื่อการเรียนการสอน การวัดผลประเมินผลการสอน โดยเน้นการสอนแบบบรูณาการ 1.1 ชั่วโมงสอนตามตารางสอน รวม จำนวน 15 ชั่วโมง /สัปดาห์ ดังนี้ - กิจกรรมเคลื่อนไหวและจังหวะ จำนวน 20 นาที - กิจกรรมเสริมประสบการณ์ จำนวน 20 นาที - กิจกรรมสร้างสรรค์ จำนวน 40 นาที - กิจกรรมเสรี/เล่นตามมุม จำนวน 40 นาที - กิจกรรมกลางแจ้ง จำนวน 40 นาที - กิจกรรมเกมการศึกษา จำนวน 40 นาที 1.2 งานส่งเสริมและสนับสนุนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การจัดทำแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การประเมินพัฒนาการเด็ก จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การสร้างและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.3 งานพัฒนาคุณภาพการจัดการศึกษาของสถานศึกษา จำนวน 7 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การประเมินพัฒนาการเด็ก จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การสร้างและพัฒนาสื่อการเรียนการสอน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - การมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ทางวิชาชีพ จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - ผู้สอนกลุ่มสาระปฐมวัย จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - งานตรวจการบ้านนักเรียน จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - งานครูที่ปรึกษาประจำชั้น/งานดูแลนักเรียน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - ครูเวรประจำวัน จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - งานพัสดุประจำสายชั้น จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ 1.4 งานตอบสนองนโยบายและจุดเน้น จำนวน 2 ชั่วโมง/สัปดาห์ - โครงการบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ - โครงการส่งเสริมทักษะวิชาการปฐมวัย จำนวน 1 ชั่วโมง/สัปดาห์ หมายเหตุ 1. รูปแบบการจัดทำข้อตกลงในการพัฒนา ตามแบบ PA 1 ให้เป็นไปตามบริบท และสภาพการจัดการเรียนรู้ของแต่ละสถานศึกษา โดยความเห็นชอบร่วมกันระหว่างผู้อำนวยการสถานศึกษา และข้าราชการครูผู้จัดทำข้อตกลง 2. งาน (Tasks) ที่เสนอเป็นข้อตกลงในการพัฒนางานต้องเป็นงานในหน้าที่ความรับผิดชอบหลัก ที่ส่งผลโดยตรงต่อผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน และให้นำเสนอรายวิชาหลักที่ทำการสอน โดยเสนอในภาพรวม ของรายวิชาหลักที่ทำการสอนทุกระดับชั้น ในกรณีที่สอนหลายรายวิชา สามารถเลือกรายวิชาใดวิชาหนึ่งได้ โดยจะต้องแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติงานตามมาตรฐานตำแหน่ง และคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางาน ตามข้อตกลงสามารถประเมินได้ตามแบบการประเมิน PA 2 3. การพัฒนางานตามข้อตกลง ตามแบบ PA 1 ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์การเรียนรู้ ของผู้เรียน (Outcomes) และตัวชี้วัด (Indicators) ที่เป็นรูปธรรม และการประเมินของคณะกรรมการประเมินผลการพัฒนางานตามข้อตกลง ให้คณะกรรมการดำเนินการประเมิน ตามแบบ PA 2 จากการปฏิบัติงานจริง สภาพการจัดการเรียนรู้ในบริบทของแต่ละสถานศึกษา และผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนที่เกิดจากการพัฒนางาน ตามข้อตกลงเป็นสำคัญ โดยไม่เน้นการประเมินจากเอกสาร ส่วนที่ 2 ข้อตกลงในการพัฒนางานที่เป็นประเด็นท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียน ประเด็นที่ท้าทายในการพัฒนาผลลัพธ์การเรียนรู้ของผู้เรียนของผู้จัดทำข้อตกลง ซึ่งปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งครูผู้ช่วย ไม่มีวิทยฐานะ ต้องแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังของวิทยฐานะครูผู้ช่วย คือ การปรับประยุกต์ใช้ การจัดการเรียนรู้และการพัฒนาคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นหรือมีการพัฒนามากขึ้น (ทั้งนี้ ประเด็นท้าทายอาจจะแสดงให้เห็นถึงระดับการปฏิบัติที่คาดหวังในวิทยฐานะที่สูงกว่าได้) ประเด็นท้าทาย เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กด้วยชุดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ ของเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนสบเปิงวิทยาเพื่อใช้ในการประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ในระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 สบเปิงวิทยาต่อไป 1. สภาพปัญหาการจัดการเรียนรู้และคุณภาพการเรียนรู้ของผู้เรียน จากการสังเกตพฤติกรรมของนักเรียนระหว่างการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนสำหรับนักเรียนปฐมวัยระดับชั้นอนุบาลปีที่ 2 ปีการศึกษา 2564 โรงเรียนสบเปิงวิทยา จำนวน 18 คน พบว่าเด็กมีปัญหาด้านความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้เหมาะสมกับวัย กล่าวคือเด็กไม่มีความคล่องตัว ไม่มีทักษะในการประสานการใช้มือและสายตา กล้ามเนื้อเล็กยังไม่แข็งแรง จึงทำให้ไม่สามารถจับดินสอได้อย่างถูกวิธี การพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กจึงมีความสำคัญและจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของเด็กปฐมวัย เนื่องจากกล้ามเนื้อมัดเล็กเป็นอวัยวะหนึ่งในการประกอบกิจวัตรประจำวันของตนเอง และการทำกิจกรรมต่างๆซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมเด็กสู่การเรียนรู้ในระดับชั้นถัดไป เช่น การวาดภาพระบายสี การปั้น การติดปะ การพิมพ์ภาพ รวมไปถึงทักษะการเขียนด้วย จึงสามารถกล่าวได้ว่าหากเด็กใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กได้คล่องแคล่วจะช่วยส่งเสริมพัฒนาการ 4 ด้าน ส่งผลดีต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การเล่น และการเรียนรู้ครูผู้สอนจึงได้นำชุดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์มาประยุกต์ใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาความสามารถในการใช้กล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กปฐมวัยชั้นอนุบาลปีที่ 2 โรงเรียนสบเปิงวิทยา อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ 2. วิธีการดำเนินการให้บรรลุผล 1)ศึกษาหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560 เพื่อออกแบบหน่วยการเรียนรู้ตามมาตรฐานคุณลักษณะและตัวบ่งชี้ 2)ศึกษาการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กของเด็กปฐมวัย 3)ใช้กระบวนการ PLC เข้ามาช่วยในการประยุกต์ใช้ชุดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ที่เหมาะสมกับบริบทของห้องเรียนเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด 4)นำชุดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กไปประยุกต์ใช้และนำผลที่ได้มาปรับปรุงกิจกรรมการเรียนรู้ให้มีความน่าสนใจเข้าใจง่ายและนักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ด้วยตนเอง 5)นำผลสะท้อนในการใช้ชุดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ บันทึกข้อมูลในระบบสารสนเทศผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเพื่อประเมินการเรียนรู้นำข้อมูลที่ได้พัฒนาผลการเรียนรู้ให้ผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ 3. ผลลัพธ์การพัฒนาที่คาดหวัง 3.1 เชิงปริมาณ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนสบเปิงวิทยา ร้อยละ 70 ได้รับการพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กให้อยู่ในระดับ ดี ขึ้นไป 3.2 เชิงคุณภาพ นักเรียนชั้นอนุบาล 2 โรงเรียนสบเปิงวิทยา ได้รับการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กให้สูงขึ้นตรงตามมาตรฐานคุณลักษณะที่ พึงประสงค์และตัวบ่งชี้ในหลักสูตรการศึกษาปฐมวัยพุทธศักราช 2560
จากคุณครูดารณี วงค์ธานี โรงเรียนสบเปิงวิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2
จากคุณครูดารณี วงค์ธานี โรงเรียนสบเปิงวิทยา สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงใหม่ เขต 2
https://docs.google.com/document/d/18qRfMoYbTPtsSKPYZ1Y9LkOuDC3wVwyP/edit?usp=sharing&ouid=106872878421040230671&rtpof=true&sd=true |