นี้เพื่อความเป็นต่อ ในยุทธศาสตร์การแข่งขันระดับประเทศเลยทีเดียว หากประเทศไทยยังละเลยไม่ได้พัฒนาตนเองให้เข้าใจ เพื่อจะได้รองรับระบบ EMS นี้ ก็จะกลายเป็นอุปสรรค ในการส่งออก และถือเป็นการกีดกันทางการค้ารูปแบบใหม่ที่ไม่ใช่กำแพงภาษี (Non-Tariff Barrier) จะทำให้เสียโอกาส ขาดดุลการค้า และ ไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ จึงน่าจะหันมาสนใจและศึกษาเรื่องนี้กันอย่างจริงจังในกลุ่ม โรงงานอุตสาหกรรม บริษัท ห้าง ร้าน SME และ แม้แต่องค์กร สมาคม เล็กๆ ทั่วไป ก็สมควรศึกษาเพื่อให้ทราบถึงที่มาที่ไป ของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) นี้
ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) คือ กระบวนการจัดการรูปแบบใหม่ที่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบ ทั้งระบบการผลิต การจัดส่ง การจำหน่าย และ การจัดการกับซากเศษเหลือทิ้ง โดย จะต้องทำการตรวจหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Measurement) ที่เกิดขึ้นจริงกับ กระบวนการผลิต ซึ่งแต่เดิมนั้น โรงงานผู้ผลิต จะเน้นเฉพาะแค่ ราคา และมาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้า เท่านั้น แต่ในปัจจุบันนอกจากจะคำนึงถึงคุณภาพของตัวสินค้าแล้ว ยังจะต้องรวมไปถึง มาตรฐานด้านสุขภาพพลานามัย ความปลอดภัย และ สภาพแวดล้อม ที่การผลิตจะมีผลโดยตรงทั้งก่อนหรือหลังการผลิต โดยจะดูรวมไปถึง การทำงาน ทั้งระบบ ในหน่วยงาน และจะต้องสามารถทำการเชื่อมโยง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นเทียบกับมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ หรือ เทียบมูลค่าเป็นจำนวนเงิน ที่จะเรียกว่า “บัญชีต้นทุนสิ่งแวดล้อม” (Environmental Management Account – EMA) ที่จะเก็บรวบรวมข้อมูล คำนวณ และทำรายงาน ทั้งทางด้านเศรษฐศาสตร์ (Economical) สังคม (Social) และ ระบบนิเวศน์ (Ecological) ทั้ง 3 ส่วนเข้ามาพิจารณาในการคิดต้นทุน สินค้าและบริการ ทั้งกระบวนการ เครื่องมือ (Management Tools) ที่ใช้สำหรับ ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) มีดังนี้ Green Procurement หรือ Green Purchasing Network (GPN) การจัดซื้อผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ระบบจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) สำคัญอย่างไร และเกี่ยวข้องอย่างไร จะเห็นได้ว่าปัจจุบันทฤษฎีทางเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับอุปสงค์ และ อุปทาน เดิมไม่สามารถนำมาใช้ในการดำเนินธุรกิจให้มีผลกำไรสูงสุดได้แล้ว เพราะมีตัวแปรอื่นๆเข้ามา นั่นก็คือ ความสำนึกในเรื่องสิ่งแวดล้อม ในต่างประเทศที่เป็นประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ต่างก็เริ่มใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น และมีความใส่ใจในเรื่องผลกระทบในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น จนอาจจะเรียกได้ว่า โลกของเรากำลังก้าวต่อไปจากยุคข้อมูลข่าวสาร ยุคแห่งการเรียนรู้ (Knowledge Based Society) ไปสู่อีกช่วงหนึ่งแล้วนั่นก็คือ ยุดของสังคมสีเขียว สังคมแห่งสุขภาพพลานามัยที่ดี ยุคแห่งความกังวลเรื่องโลกร้อน ยุคแห่งการกังวลเรื่องขยะเป็นพิษ มลพิษ ทั้งทางน้ำ ทางเสียง ทางอากาศ ยุคที่ประชาชนหรือผู้บริโภคเริ่มจะเป็นผู้เรียกร้องให้ผู้ขาย หรือ ผู้ผลิต มีจิตสำนึก มีความรับผิดชอบ มิใช่แต่เพียงผลิตสินค้าให้มีคุณภาพ หรือ ให้มีต้นทุนที่ต่ำแต่เพียงอย่างเดียว แต่เขาก็จะเรียกร้องให้ผู้ผลิตมีความรับผิดชอบ มีจิตสำนึกมากขึ้น และในที่สุดพวกเขาก็จะเริ่มเลือกซื้อสินค้าที่ สะอาดเท่านั้น สินค้าที่สกปรก เจือปน สินค้าที่ปล่อยของเสีย สินค้าที่กลายเป็นขยะเหลือมากมายจะต้องเป็นปัญหาให้กับพวกเขา สังคมจึงเริ่มเรียกร้องมากขึ้นๆ จนเป็นแรงกดดันที่ทำให้ผู้ผลิตต้องเร่งปรับตัวโดยด่วน เพื่อจัดการกับเรื่องสิ่งแวดล้อมเหล่านี้ ปัญหาการเก็บขยะนั้นก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งเพราะ การคัดแยก ไม่ได้กระทำกันจากที่บ้าน ดังนั้น รถเก็บขยะ ก็มาเก็บ โดยไปแยกขยะที่ขายได้ กันที่บนรถขนขยะ และอาจนำไปเป็นรายได้ของตนเอง การประสานนโยบายร่วมกันระหว่างภาครัฐในส่วนกลางและส่วนท้องถิ่น ยังมีความหละหลวม และทำงานแบบต่างคนต่างทำ จึงทำให้เกิดปัญหา ในต่างประเทศ โดยเฉพาะในประเทศญี่ปุ่นและอเมริกา ชุมชน ท้องถิ่นมีความเข้มแข็งและ ได้ดำเนินการกิจกรรมให้เป็นไปตามนโยบายของกระทรวงสิ่งแวดล้อม ที่พยายามกำจัด ขยะให้เหลือศูนย์ (หรือให้เหลือน้อยที่สุด) ด้วยวิธีการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดงานวันแลกเปลี่ยนของเก่า วันกำจัดขยะพิษโดยนำมาไว้ที่ ที่ว่าการอำเภทส่วนท้องถิ่น กระตุ้นให้ภาคเอกชนบางหน่วยที่มีหน้าที่ในการรีไซเคิล มาให้ความรู้แก่ประชาชน เป็นต้น ฯลฯ การับรู้เรื่องการแยกทิ้งขยะ เป็นเรื่องที่ทุกบ้านทุกครัวเรือนให้ความร่วมมือกันอย่างมากภาพแสดงการแยกทิ้งถังเพื่อเตรียมรีไซเคิล ปัญหาที่คิดว่าสำคัญที่สุดคือ นโยบายภายในบริษัทเอง ซึ่งหลายบริษัท หรือหน่วยงานอาจจะคิดว่า การจัดทำ EMS ยากเกินไป และ ทำให้ค่าใช้จ่ายสูง ซึ่งการเปลี่ยนภาพนี้จะต้องให้ผู้บริหารเปลี่ยนวิธีคิด และจิตสำนึกให้รู้สึกว่าการปรับเปลี่ยนนี้มีผลต่อสังคม และส่วนรวมและจะทำให้บริษัทได้รับผลกำไร ตอบแทนตามมาภายหลัง ซึ่งจะต้องปลูกฝังและสร้างขึ้นมาให้ได้ในบริษัท จึงจะสามารถทำ EMS ได้สำเร็จ ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) ในประเทศญี่ปุ่น ปัจจัยหลักของความสำเร็จในประเทศญี่ปุ่นปัจจัยการออกกฏหมายรีไซเคิลเริ่มจาก Home Appliance Recycle Law (HARL) เมื่อพูดถึงเรื่องรีไซเคิ้ลก็เป็นที่ทราบกันดีกับกฏหมายที่ออกประกาศมาใช้ คือ Home Appliance Recycle Law (HARL) เป็นการออกกฏระเบียบให้ประชาชน จะต้องเสียค่ารีไซเคิลเมื่อซื้อสินค้าในครัวเรือนใหม่ ซึ่งก็นับว่าต้องจ่ายเป็นเงินจำนวนมาก เพื่อจ่ายเมื่อเวลาซื้อสินค้าตัวใหม่ที่ร้าน และร้านก็จะกรอกแบบฟอร์ม ให้นำมาติดไว้ที่เครื่องเก่าและเมื่อนำสิค้าตัวใหม่มาส่งก็มารับสินค้าตัวเก่ากลับไป เพื่อส่งต่อไปยังโรงงานรีไซเคิลต่อไป ในประเทศญี่ปุ่นได้ให้ความสำคัญกับเรื่องการ รีไซเคิลอย่างมาก เพราะประเทศญี่ปุ่นมีทรัพยากรน้อย ต้องอาศัยการนำเข้าวัตถุดิบเป็นส่วนใหญ่ และญี่ปุ่นก็ได้คำนวณดูแล้วว่า หากยังใช้วัตถุดิบที่นำมาใช้ในการผลิตอย่างฟุ่มเฟือย โดยไม่คำนึงถึงอนาคตต่อไปข้างหน้า ก็จะเห็นว่าวัตถุดิบดังกล่าวก็จะหมดไปในที่สุด และโดย เฉพาะอย่างยิ่งราคาค่าวัตถุดิบก็จะถีบตัวสูงขึ้นมา ญี่ปุ่นจึงได้เริ่มทำการศึกษาวิธีรีไซเคิลโดยมองว่าหากทำได้สำเร็จก็จะได้ส่วนกำไรคืนกลับมาและยังไม่ใช้ทรัพยากรเกินความจำเป็นไปอีก
ปัจจัยการปลูกฝังการแยกทิ้งขยะ ซึ่งนับว่าปัจจัยนี้มีความสำคัญและเป็นพื้นฐานของการเริ่มต้นที่ดีกับระบบการรีไซเคิล โดยประเทศญี่ปุ่นเริ่มปลุกฝังแนวคิดการคัดแยกขยะ เริ่มจากภาครัฐที่นำถังขยะสองใบมาแจกจ่ายตามบ้านเรือน ร้านค้า โดยถังจะแยกเป็นขยะทั่วไปเช่นเศษอาหาร หรือ อื่นๆ กับอีกถังหนึ่งคือ ขยะที่สามารถรีไซเคิลได้ (Recyclable Material) เช่น กระดาษ พลาสติก ปัจจุบันได้เห็นถังที่มีจำนวนมากขึ้นบางแห่งจะมีถึง 4-5 ใบ เลยทีเดียว เนื่องจากจะแยกเป็น แก้ว กระดาษ พลาสติก พืช–ผัก–ผลไม้ และจะมีถังเหล่านี้ให้เห็นตามห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ต่างๆ ที่ผู้ซื้อสามารถนำขยะเหล่านี้มาทิ้งได้ ซึ่งทำให้สะดวกสบายต่อการทิ้ง เพราะเมื่อไปช๊อปปิ้ง ซื้อของก็สามารถนำไปทิ้งที่ห้างสรรพสินค้าได้ ดังนั้นการแยกทิ้งจึงเริ่มแพร่หลายไปอย่างกว้างขวางมากในตอนนี้ในประเทศญี่ปุ่น ทั้งในส่วนครัวเรือนและที่ทำการสำนักงานต่างๆ แม้ในโรงอาหาร (Cafeteria) ของหน่วยงานก็ยังมีการแยกจาน ช้อน และเศษกระดาษ เศษพลาสติก และเทเศษอาหารลงไปในที่บดซึ่งจะนำไปสู่ ระบบการแปรสภาพไปเป็นปุ๋ย อาหารไก่ ต่อไป ซึ่งระบบดังกล่าวนี้เป็นระบบหมุนเวียนที่ดีมาก ที่ประเทศญี่ปุ่นเรียกว่า Close Loop ซึ่งเป็นหลักการหมุน เวียนกลับมาใช้ใหม่ เพื่อเข้าได้กับหลักการยั่งยืน (Sustainable) ซึ่งทำได้ง่ายและไม่สิ้นเปลืองค่าใช้จ่าย สามารถนำเอากลับมาใช้ประโยชน์ได้ใหม่ ซึ่งจะทำให้ประหยัด ลดค่าใช้จ่ายและสามารถนำของเสียกลับมาใช้ประโยชน์ใหม่ได้ นอกจากนี้ยังมีระบบบำบัดของเสียจากห้องน้ำหลักจากชำระล้างชักโครกแล้ว ระบบก็จะนำมาผ่านกระบวนการแยกของเสียไป และนำน้ำมาปรับสภาพให้กลับมาใสเพื่อนำกลับมาใส่ในโถชักโครกใหม่ และไม่ต้องใช้น้ำใหม่ทำให้ประหยัดน้ำ ตัวอย่างข้างต้นดังที่ได้กล่าวมานี้เป็น แนวทางการปฎิบัติและแนวคิดของระบบรีไซเคิลของญี่ปุ่น ที่ทุกภาคส่วนได้ปลูกฝังจิตสำนึกมากขึ้นไปเรื่อยๆ ซึ่งหากประเทศไทยสามารถทำได้มากขนาดนี้ คาดว่าเศษเหลือทิ้ง ที่เป็นขยะจะลดลง และสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกอย่างมหาศาล ปัจจัยการให้การศึกษาในทุกระดับชั้น ตั้งแต่ระดับประถม มัถยม และอุดมศึกษา โดยประเทศญี่ปุ่นเน้นเรื่องการปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆ และ ได้บรรจุหลักสูตรเกี่ยวกับระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม ให้กับเด็กนักเรียน นักศึกษา โดยนอกจากการให้การศึกษาในโรงเรียน มหาวิทยาลัย ที่เป็นภาคทฤษฎีแล้วยังได้นำเด็ก ไปชมงานแสดงสินค้า ไปดูโรงงานรีไซเคิ้ล โรงงานที่อยู่ใน Eco-Town เพื่อให้เด็กนักเรียน นักศึกษา ได้เข้าใจ ถึงเส้นทางของขยะว่าไปที่ใดบ้าง และผ่านขั้นตอนอย่างไร ดังนั้นในประเทศไทยควรที่จะนำระบบการศึกษา เช่นนี้มาบรรจุในหลักสูตร เพื่อให้เด็ก ได้ตระหนักถึง ความสำคัญของระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) ที่ดีและเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะสามารถนำความรู้ที่เรียนมา ปรับใช้ได้และเพื่อความยั่งยืนของประเทศในอนาคต ต่อไป
5.) ยังไม่มีการอบรม เฉพาะหลักสูตร สำหรับพนักงานเพื่อไปฝึกฝน อบรม เพิ่มเติมได้6.) ยังขาดการประสานงาน ความร่วมมือ และการเชื่อมโยงในแต่ละภาคส่วน (การมีส่วนร่วมแบบพหุภาคีของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง) 7.) หลักธรรมาภิบาลโดยเฉพาะความโปร่งใสของภาครัฐ หรือ ผู้ตรวจสอบ (Code Enforcer)8.) ความมีระเบียบวินัยที่ยังต้องปรับปรุง เคร่งครัดในกฏระเบียบ กติกา มารยาท9.) หลักผู้ก่อมลพิษเป็นผู้รับผิดชอบ (PPP) และหลักความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้นของผู้ผลิต (EPR)10.) แนวคิดเรื่อง 3R และการนำมาใช้ให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม นิยมคัดแยกขยะก่อนทิ้ง และมีการออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม (DfE) ที่กล่าวมาข้างต้นนี้เป็นอุปสรรคต่อการนำระบบการจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อมเข้ามาใช้ในประเทศไทย แต่เชื่อว่า หลายบริษัท โดยเฉพาะโรงงานผลิตขนาดใหญ่และที่เป็นบริษัทข้ามชาติ (MNC) ก็คงจะสามารถปรับตัวได้ในอีกไม่ช้านี้ เพราะต้องเข้าสู่การแข่งขันในระดับสากลในอนาคตอันใกล้นี้ เหลือแต่เพียงบริษัทขนาดกลางและเล็กเท่านั้นที่จะต้องเร่งศึกษาหาความรู้และปรับตัวเองให้สามารถทันต่อกระแสโลกได้ การเริ่มต้น EMS ควรทำอย่างไร
บริษัทจะต้องจัดตั้งผู้บริหารด้านสิ่งแวดล้อม โดย จัดตั้งคณะกรรมการ ที่กำกับดูแลนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม (Senior Executive Committee for Environmental Policy) และคณะกรรมการกำหับดูแลด้านการปฎิบัติการเพื่องานด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Management Operation Committee) เพื่อควบคุมนโยบาย มหภาค ของบริษัท ในที่นี้หากเป็นบริษัทขนาดเล็กก็ไม่จำเป็นต้องตั้งคณะกรรมการ แต่อาจเป็นคณะทำงานกลุ่มย่อยที่มีหัวหน้ากลุ่มทำงาน เป็นผูกำกับดูแลการทำงานด้าน การบริหารจัดการระบบสิ่งแวดล้อม (EMS) จากนั้นก็จะต้องกระจายการบริหารออกไปในส่วนต่างๆ ส่วนผลิตภัณฑ์ การผลิต การกำจัด ผลกระทบต่างๆ และต้องกำหนดนโยบายไปตามทิศทางต่างๆของบริษัท (ดูภาพตัวอย่างนโยบายของบริษัทฮิตาชิ) สำหรับผู้ที่เริ่มนำระบบ EMS มาใช้ควรค่อยทำในส่วนที่ง่ายๆก่อน และไม่ควรออกแบบรายงานที่ซับซ้อนเกินไป การวัดผลจะต้องดำเนินการโดยแผนกที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย มิใช่เพียงแต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับแผนกบริหารสิ่งแวดล้อมเท่านั้น และเมื่อได้ข้อมูลในปีแรกแล้วก็ให้ตั้งเป้าหมายที่จะทำให้ดีขึ้นไปอีก พร้อมกับเพิ่มในส่วนอื่นอีก และเพิ่มไปเรื่อยๆ เพื่อให้ครอบคลุมเรื่องราวต่างๆทั้งหมด ในที่สุด ในส่วนของการวิเคราะห์ ผู้บริหารจะต้องคำนึงถึงปริมาณการนำเข้าและส่งออกของกระบวนการ หรือกิจกรรมหลักของโรงงาน บริษัท ห้าง ร้าน นั้นๆ และจะต้องแปลงปริมาณกิจกรรมให้เป็นจำนวนเงินที่นับได้เท่านั้นเพื่อจะได้วัดได้ชัดเจน ทั้งนี้อาจต้องมีสมมุติฐาน เพื่อแปลงเป็นตัวเลขจำนวนเงินได้ง่าย ตัวอย่างที่นำมาแสดงให้เห็นดังรูปที่ 12 เป็นการแสดงปริมาณการนำเข้าและส่งออก ของกระบวนการผลิตของบริษัท ฮิตาชิ ซึ่งได้รวบรวมสรุปกิจกรรมด้านระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมแต่ไม่ได้เป็นจำนวนเงิน แต่เป็นปริมาณตรวจวัดจริง ซึ่งบริษัทขนาดใหญ่อย่างฮิตาชิ มีระบบ มีเครื่องมือที่ทันสมัยและดีพอในการตรวจวัดค่าต่างๆได้ เนื่องจากผู้เขียนต้องการให้บริษัท SME นำระบบนี้มาใช้จึงอยากให้แปลงเป็นจำนวนเงินจะทำให้ตรวจวัดค่าได้ง่ายขึ้น
Advertisement Share this:Like this:ถูกใจ กำลังโหลด... 37 ความเห็น so far ใส่ความเห็น ข้อมูลที่นำมาลงให้ความรู้ดีมากเลยครับ ความเห็น โดย รักชาติ มกราคม 10, 2008 @สวัสดีค่ะ ได้อ่านบทความเรื่องระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมที่อาจารย์เขียนไว้ รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่มีประโยชน์มากเลยค่ะ มีเรื่องอยากรบกวนถามค่ะ ว่า ถ้าอยากทำงานเกี่ยวกับการรีไซเคิล ต้องเรียนต่อด้านไหนหรอคะ(คณะไหน) เยี่ยมมากเลยครับพี่เดช ได้อ่านแล้วเกิดประกายไฟในการทำ Thesis ให้จบเร็ว ๆ แล้ว ความเห็น โดย ณัฐพงษ์ เข็มเพ็ชร์ มกราคม 21, 2008 @สวัสดีค่ะ ตอนนี้ที่บริษัทกำลังทำเรื่อง 14001 อยู่ค่ะ ต้องจัดทำ Action Plan ประหยัดพลังงาน ลดน้ำลดไฟ ลดปริมาณขยะ,ลดการใช้น้ำมัน อยากได้ตัวอย่างเพื่อเป็นแนวทางค่ะ ความเห็น โดย ad มีนาคม 21, 2008 @[…] ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม (EMS) […] Pingback โดย ISO 14000 เพื่อสิ่งแวดล้อม « Clean Technology for the World มีนาคม 26, 2008 @เรียน ดร เดช ค่ะ ขอบคุณค่ะ ที่ทำงานวิจัยที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเช่นนี้ ชอบมากเลยค่ะ อ่านแล้วอยากศึกษาด้านนี้ให้มากยิ่งขึ้น ขอบจั้ยเด้อ ขอยไจ หลายๆ นะ ที่รัก ตังว เอง ความเห็น โดย วิลลี่ กันยายน 10, 2008 @ผมได้อ่านและรู้สึกมีประโยชย์มากครับเพราะโรงงานของผมกำลังจะเริ่มทำระบบเกี่ยวกับสิอ่งแวดล้อมแต่ผมในฐานะผู้นำยังไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ความเห็น โดย อนันต์ ตุลาคม 10, 2008 @ตอนนี้ทำงานอยู่ที่บ.ที่ปรึกษาสิ่งแวดล้อม ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดทำทำระบบ EMS อยู่ค่ะอยากมีความรู้เพิ่มเติมและก็อยากสอบเป็นผู้ตรวจประเมินระบบบ้างค่ะสามารถสมัครที่ไหนได้บ้างค่ะ ความเห็น โดย มัทธิว ตุลาคม 15, 2008 @ข้อมูลดีมากครับ ดีมากๆเลยครับ และขอทราบรายละเอียดเกี่ยวกับการประเมิน Aspects ด้วยได้มั๊ยครับ รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญด้วย ขอบคุณล่วงหน้าครับ ความเห็น โดย bhamorn มกราคม 5, 2009 @ขอบคุณที่อ้อมเข้าใจ ความเห็น โดย เก่ง มกราคม 31, 2009 @123 ความเห็น โดย tccnature กุมภาพันธ์ 13, 2009 @ขอบคุณมากเลยค่ะ กำลังเรียนวิชาวิจัยทางสังคมศาสตร์ และสนใจทำเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะกระแสการรณรงค์เรื่องโลกร้อน ระบบการจัดการนี้เกี่ยวข้องด้วยค่ะ ความเห็น โดย phung กุมภาพันธ์ 13, 2009 @อยากทราบว่า ISO 14000 กับ ISO 14001 มีความเหมือนหรือ ต่างกันอย่างไรคะ ความเห็น โดย phung กุมภาพันธ์ 13, 2009 @คุ นพ่อเก่ งงง ^-^ !! ขออนุญาต นำข้อมูลไปอ้างอิงในปัญหาพิเศษนะค่ะ ความเห็น โดย ภูริกานต์ มีนาคม 10, 2009 @ขอบคุณนะคะมีประโยชน์มาก ขออนุญาติไปใช้อ้างอิงด้วยนะคะ ความเห็น โดย พจนย์ กรกฎาคม 18, 2009 @ดีจังเลยช่วยลดโลกร้อนได้ด้วย ความเห็น โดย นิรนาม กรกฎาคม 26, 2009 @ข้อมูลดีมากเลยครับ ขออนุญาตเอาข้อมูลไปอ้างอิงด้วยนะครับ ความเห็น โดย GODJIs สิงหาคม 5, 2009 @เหน่งแวะมาดูค่ะ…อ่านซะตาลายเลย.. ความเห็น โดย เหน่ง อีซูซุ กันยายน 27, 2009 @ขอบคุณมากนะคะที่เขียนสิ่งที่มีประโยชน์อย่างนี้ให้ได้อ่าน เพราะตอนนี้กำลังเริ่มเรียนเรื่องนี้อยู่พอดีเลยค่ะ แต่ไม่รู้เรื่องเพราะเรียนเป็นภาษาอังกฤษ เป็นเรื่องใหม่ที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ก็คงต้องหาอ่านภาษาไทยควบคู่กันไป ขอบคุณมากๆค่ะ ความเห็น โดย ๋JJ ตุลาคม 6, 2009 @เป็นเรื่องใหม่และมีประโยชน์มากค่ะ ขออนุญาตนำไปใช้อ้างอิงเพื่อการศึกษานะคะ ความเห็น โดย KT ตุลาคม 24, 2009 @ขอ อนุญาต นำไปอ้างอิงในการศึกษา นะครับ ความเห็น โดย chat ธันวาคม 2, 2009 @ขอบคุณมากนะคะ ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากนะคะ และก็ ไม่ทราบว่าพอจะแนะนำบริษัท หรือโรงงาน ที่เปิดให้ศึกษาดูงานเกี่ยวกับ EMS ได้หรือป่าวคะ ความเห็น โดย รัตนวดี กุมภาพันธ์ 3, 2010 @ข้อมูลดีมากเลยครับผม ความเห็น โดย ที่พักเชียงใหม่ พฤษภาคม 2, 2010 @ขอบคุณมากนะค่ะ ใด้ข้อมูลดีมากค่ะ เพื่อสังคมจริงจริง.. ความเห็น โดย บีบี กรกฎาคม 16, 2010 @ขอบคุณสำหรับข้อมูลที่ดี และมีประโยชน์มากๆค่ะ และ ขอบคุณครับ่อะนะ ความเห็น โดย หอพัก กันยายน 27, 2011 @เป็นความรู้ใหม่ ที่เราก็พึ่งรู้เหมือนกันค่ะ มีประโยชน์มากมาย Thank you very much. ความเห็น โดย นิรนาม มีนาคม 24, 2012 @ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากค่ะ อยากได้ตัวอย่างเสนอแนะแนวทางค่ะ ความเห็น โดย นิรนาม พฤษภาคม 21, 2013 @Do you have a spam problem on this website; I also am a blogger, and I was wondering your situation; we have created some […] ระบวนการจัดการรูปแบบใหม่ที่ต้องคำนึงถึงองค์ประกอบ ทั้งระบบการผลิต การจัดส่ง การจำหน่าย และ การจัดการกับซากเศษเหลือทิ้ง โดย จะต้องทำการตรวจหาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental Impact Measurement) ที่เกิดขึ้นจริงกับ กระบวนการผลิต ซึ่งแต่เดิมนั้น โรงงานผู้ผลิต จะเน้นเฉพาะแค่ ราคา และมาตรฐานด้านคุณภาพของสินค้า เท่านั้น แต่ในปัจจุบันนอกจากจะคำนึงถึงคุณภาพของตัวสินค้าแล้ว ยังจะต้องรวมไปถึง มาตรฐานด้านสุขภาพพลานามัย ความปลอดภัย และ สภาพแวดล้อม ที่การผลิตจะมีผลโดยตรงทั้งก่อนหรือหลังการผลิต โดยจะดูรวมไปถึง การทำงาน ทั้งระบบ ในหน่วยงาน และจะต้องสามารถทำการเชื่อมโยง ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเหล่านั้นเทียบกับมูลค่าทางเศรษฐศาสตร์ หรือ เทียบมูลค่าเป็นจำนวนเงิน ที่จะเรียกว่า “บัญชีต้นทุนสิ่งแวดล้อม” (Environmental Management Account – EMA) ที่จะเก็บรวบรวมข้อมูล คำนวณ และทำรายงาน ทั้งทางด้านเศรษฐศาสตร์ (Economical) สังคม (Social) และ ระบบนิเวศน์ (Ecological) ที่มา : คลิกเพื่อดูแหล่งที่มา […] เทคโนโลยีเพื่อการจัดการสิ่งแวดล้อม มีอะไรบ้าง1. ระบบอาคารอัตโนมัติ (Building Automation System) ... . 2. ศูนย์ข้อมูลเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Green Data Center) ... . 3. ระบบพลังงานทดแทน (Renewable Energy Systems) ... . 4. เครื่องพิมพ์ 3 มิติ (3D Printer) ... . 5. การประมวลผลแบบคลาวด์ (Cloud Computing). เครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์คืออะไรเครื่องมือทางเศรษฐศาสตร์ ได้แก่ มาตรการทางเศรษฐศาสตร์ที่ถูกนำาเอามาใช้เพื่อกระตุ้นให้ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในตลาด เช่น ผู้ผลิต ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ผู้ให้บริการ และผู้บริโภค ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม บางอย่างเพื่อลดการปล่อยมลพิษและลดการบริโภควัสดุหรือบรรจุภัณฑ์ที่อาจกลายมาเป็นขยะมูลฝอย อีกนัยหนึ่งกลไกดังกล่าวย่อมเสริมแรงจูงใจ ...
|