ลู่ วิ่ง ไฟฟ้า กับ ลู่ วิ่ง สายพาน

6 ข้อหลัก เลือกซื้อลู่วิ่งให้เหมาะกับเรา?

ลู่ วิ่ง ไฟฟ้า กับ ลู่ วิ่ง สายพาน


                    ไม่ว่ามือใหม่ที่เพิ่งจะมีความคิดอยากซื้อลู่วิ่ง หรือคนที่เคยมีอยู่แล้วและกำลังจะซื้อใหม่ อยากให้ดูข้อมูลตรงนี้ก่อน เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกซื้อลู่วิ่งให้ถูกใจเรา คุ้มค่าเงินและเหมาะกับการใช้งานของเราและที่บ้านที่สุด

ข้อ1. มอเตอร์
                     มอเตอร์ของลู่วิ่งถือเป็นปัจจัยหลักของลู่วิ่งไฟฟ้า ตัวมอเตอร์นี้เราแทนค่าเป็น HP=Horsepower (แรงม้า) ซึ่งในบางรุ่นจะมีค่าของ CHP เข้ามาด้วย โดยค่าของ CHP=Continuous Horsepower คือค่าความเร็วแบบต่อเนื่องนั่นเอง  
                     
                     โดยที่ยิ่งแรงม้าสูงเท่าไร กำลังการลากน้ำหนักของผู้ใช้และความเร็วก็สูงตามนั้น ซึ่งการเลือกมอเตอร์ที่มีแรงม้าสูงๆ นั้นย่อมเป็นข้อได้เปรียบกว่าแรงม้าน้อยๆ เพราะสิ่งสำคัญของการวิ่งแต่ละก้าวของเรานั้น มันจะส่งแรงต้านเข้าไปที่มอเตอร์ ซึ่งถ้ากำลังมอเตอร์ที่ใช้ไม่เพียงพอต่อน้ำหนักของผู้ใช้ ตัวมอเตอร์ก็จะทำงานหนักขึ้นและทำให้เกิดการ "ชะงัก" ในแต่ละก้าวได้ควรเลือกมอเตอร์แรงม้าเท่าไรสำหรับการใช้งานของแต่ละคน? 
       1. มอเตอร์ขนาด 1.5 - 2 แรงม้า

       - เหมาะสำหรับการใช้เดิน
       2.  มอเตอร์ขนาด 2 - 3 แรงม้า
       - เหมาะสำหรับใช้วิ่งในบ้าน
       3.  มอเตอร์ขนาด 4 แรงม้า
       
- เหมาะสำหรับงานในยิม, ฟิตเนส

          ซึ่งการเลือกขนาดมอเตอร์ให้เหมาะกับการใช้งานนอกจากจะประหยัดแล้ว ยังทำให้การใช้งานยาวนานด้วย

ข้อ2. รับน้ำหนัก
                     การรับน้ำหนักของลู่วิ่งนี้ ไม่ใช่แค่ดูที่น้ำหนักของตัวเครื่องเพียงอย่างเดียว ต้องดูไปถึงตัวมอเตอร์ และควรมีความสัมพันธ์กับน้ำหนักตัวของผู้ใช้ด้วย ซึ่งมอเตอร์แต่ละแรงม้าให้กำลังในการลากจูงน้ำหนักต่างกัน แนะนำง่ายๆ ดังนี้

       1.  มอเตอร์ขนาด 2.0 - 2.75 แรงม้า
       - สำหรับน้ำหนัก 50 แต่ไม่เกิน 80 Kg.
       2.  มอเตอร์ขนาด 3.0 แรงม้า
       - สำหรับน้ำหนัก 80 - 100 Kg.
       3.  มอเตอร์ขนาด 4.0 แรงม้า
       
สำหรับน้ำหนัก 100 - 150 Kg.

ข้อ3. ขนาดเครื่อง / พื้นที่วิ่ง(สายพาน)
                     ข้อนี้เป็นข้อสำคัญอีกข้อนึง เหมือนกับพื้นที่ใช้สอยนั่นเอง โดยขนาดของพื้นที่วิ่งหรือขนาดสายพาน เป็นตัวบอกถึงความกว้างขวางของเครื่อง ยิ่งพื้นที่วิ่งกว้าง ขนาดเครื่องก็จะใหญ่และแพงตามไปด้วย โดยปกติแล้วจะไม่มีขนาดตายตัวเท่าไร แต่พื้น๗านความกว้างก็แนะนำให้ไม่ต่ำกว่า 40 cm ขึ้นไปจะไม่อึดอัดเท่าไรเวลาใช้งาน และแน่นอนถ้าคุณเป็นคนตัวใหญ่หรือผู้ใช้งานที่บ้านมีคนตัวใหญ่ หรือพอจะมีงบประมาณให้เลือกมากหน่อยก็แนะนำให้เลือกใช้พื้นที่วิ่งที่กว้างไปเลยจะสบายกว่ากันเยอะ

                     ในส่วนของความยาวของพื้นที่วิ่ง โขนาดที่เหมาะสมควรเลือกจากจุดประสงค์ที่ใช้เช่น ซื้อมาเพื่อเน้นเดิน หรือวิ่ง และเทียบกับความสูงของผู้ใช้งานก็จะได้ขนาดใช้ที่ค่อนข้างลงตัวกับผู้ใช้งานมากขึ้นอีก โดยขนาดวัดประมาณนี้
             1. พื้นที่วิ่งยาวไม่ต่ำกว่า 100 cm แนะนำให้ใช้เดิน
             
2. พื้นที่วิ่งยาวไม่ต่ำกว่า 130 cm แนะนำสำหรับผู้ใช้งานวิ่งทั่วไป
ข้อ4. ความเร็วและความชัน
                     ความเร็วของลู่วิ่งไฟฟ้าถูกกำหนดโดยขนาดของมอเตอร์เป็นหลักอยู่แล้ว มอเตอร์ตัวไหนให้กำลังขับที่สูง ก็ให้ความเร็วที่สูงเช่นเดียวกัน รวมไปถึงกำลังในการลากจูงน้ำหนักของผู้ใช้งานด้วย

ความเร็วที่เหมาะกับการใช้งารนในแบบที่ต่างกัน
             1. ความเร็วที่ 0 - 5 กม./ชม.
             - เหมาะกับการเดินเร็ว
             2.  ความเร็วที่ 6 - 10 กม./ชม.
             - เหมาะกับการวิ่งแบบปกติ / จ็อคกิ้งทั่วไป
             3.  ความเร็วที่ 10 - 15 กม./ชม.
             - เหมาะกับการวิ่งเร็ว
             4.  ความเร็วที่ 15 - 20 กม./ชม.
             
- เหมาะกับการวิ่งแข่งขัน

                      ความชัน/หรือ InCline คือความตั้งชันของตัวลู่วิ่ง โดยใช้ให้สัมพันธ์กับความเร็วเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกับการวิ่งให้ได้อรรถรสและการเผาผลาญร่างกายให้สูงสุด เพราะในขณะที่เราวิ่งทางเรียบธรรมดาในความเร็วปกติอาจใช้แรงไม่มากเท่าไหร่ แต่เมื่อเราใส่ความชันเพิ่มเข้าไปนั่นหมายถึงเราจำเป็นต้องออกแรงขาให้มากขึ้น เหนื่อยเพิ่มขึ้นในความเร็วที่เท่าเดิม นี่เป็นอีกหนึ่งฟังชั่นที่ไม่ควรมองข้าม เพราะความตั้งชันนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการวิ่งของเราให้ดีขึ้นโดยทั่วไปความชันมี 2 แบบ
             1.แบบปรับเอง (แมนนวล)
             2.แบบไฟฟ้า (ออโต้)
             
และในความตั้งชันถูกกำหนดการวัดค่าเป็น% ที่สูงจากพื้นเช่น 0 - 10% 0 - 15% เป็นต้น

ปล. จากประสบการณ์การขาย (ของทางร้าน)
       แนะนำให้ลองสินค้าด้วยตัวเอง เพราะสเปคความตั้งชันในแต่ละรุ่นแต่ละแบรนด์ที่แจ้งมาเท่ากัน พอปรับใช้งานจริงยังมีความแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะรุ่นที่ราคาต่ำ


ข้อ5. ตัวรับแรงกระแทก
             การวิ่งบนพื้นที่แข็งหรือพื้นที่ทั่วไป ทำให้เข่าและข้อเท้าต้องรับแรงกระแทกโดยตรง อนาคตอาจทำให้มีภาวะข้อเข่าเสื่อมได้แน่นอน ดังนั้นในลู่วิ่งไฟฟ้าที่คุณภาพสูงจะมีฟังชั่นรับแรงกระแทกมาให้ด้วยอยู่แล้ว 
             โดยระบบรับแรงกระแทกจะถูกติดตั้งมาให้เห็นอยู่ใต้กระดานลู่วิ่ง ส่วนการออกแบบก็มีหลายลักษณะแล้วแต่เทคโนโลยีของแต่ละแบรนด์ 
เช่น ระบบ air cushion หรือ Flex Tech Cushioning Systemโดยลักษณะจะคล้ายยางหรือลูกยางเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่นกระจายแรงออกไป หรือจะเป็นแบบสปริงที่ให้การโยนตัวที่มากกว่า ซึ่งแต่ละแบบก็จะนิ่มและก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน
   
      
ข้อ6. การรับประกัน
            ข้อนี้ควรมีความชัดเจนทุกจุด ผู้ซื้อส่วนใหญ่ต้องการแต่สินค้าที่ราคาถูก ทำให้ร้านค้าออนไลน์ที่เน้นแต่ยอดขาย แข่งกันนำของถูกมาขายหรือลดราคาลงมาเพื่อให้ขายได้ แต่รายละเอียดประกันกลับถูกซ่อนอยู่มากมายโดยไม่ได้แจ้งให้ลูกค้ารู้    เช่นแจ้งว่าประกัน 1 ปี, 2 ปี หรือจะกี่ปีก็แล้วแต่ แต่ไม่ได้แจ้งรายละเอียดขั้นต่อไปว่า ประกันแต่เฉพาะโครงสร้างหรือไม่ได้รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีกเช่น ค่าเดินทางช่าง ค่าอะไหล่สึกหรอ ค่าแรง โดยที่สิ่งเหล่านี้ผู้ซื้อควรสอบถามให้ละเอียดเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ซื้อ เพราะส่วนใหญ่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นกับร้านค้าที่ขายสินค้าราคาต่ำการสอบถามเรื่องประกัน
   1. ประกัน 1 ปี ดูแลทุกจุดหรือเปล่า?
      - ส่วนไหนบ้างที่ประกันและไม่ประกัน?
   2. มีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติมมั้ย ในส่วนประกัน?
   3
. หมดประกันแล้วดูแลยังไง?ปล.อย่าตัดสินใจซื้อเพียงเพราะราคาถูกเพียงอย่างเดียว และต้องดูด้วยว่าทางร้านค้านั้น "ดูแลเราในระยะยาวได้มั้ย" 


ลู่วิ่งไฟฟ้ากับลู่วิ่งสายพานต่างกันยังไง

ข้อดีเมื่อเปรียบเทียบกับลู่วิ่งไฟฟ้า - ระยะใช้งานยาวนาน ประหยัดค่าซ่อม ประหยัดค่าไฟ ไร้กังวลเรื่องของมอเตอร์ไฟฟ้า - กำหนดความเร็วตามร่างกายของผู้ใช้ ไม่ต้องคอยปรับตรงหน้าจอ - เผาผลาญไขมันได้มากกว่าลู่วิ่งไฟฟ้ามากถึง 30% - สานพานเป็นบานเกล็ด ทำให้ใช้งานได้นานกว่าสานพานของลู่วิ่งทั่วไป

ลู่วิ่งไฟฟ้ามีประโยชน์อย่างไร

10 ข้อดีของการมีลู่วิ่งไฟฟ้าภายในบ้าน โลกที่เปลี่ยนไปการรักษาสุขภาพ.
1. จะร้อนหรือฝนก็วิ่งได้ ... .
2. ปลอดภัยกว่าการวิ่งข้างนอก ... .
3. สามารถปรับระดับการวิ่งได้ ... .
4. ความสะดวกสบายเวลาไหนก็เหมาะสม ... .
5. คำนวณได้และเห็นผลอย่างชัดเจน ... .
6. เหมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว ... .
7. มีหลากหลายรุ่นให้เลือก ... .
8. เบิร์นไขมันส่วนเกินได้ไว.

ลู่วิ่งไฟฟ้า ดีไหม

ลู่วิ่งไฟฟ้า” จะช่วยเผาผลาญพลังงานของเรา ช่วยเรียกเหงื่อในการออกกำลังกายได้ดี อีกทั้งยังสามารถบริหารร่างกายได้ทุกส่วนอีกด้วยค่ะ และที่สำคัญหากคุณมีลู่วิ่งเป็นของตัวเอง คุณก็สามารถเลือกความบันเทิงระหว่างวิ่งได้ อาจจะเป็นรายการทีวีหรือเพลงสำหรับวิ่งที่คุณชอบ ไม่ว่าจะเป็น Pop, R&B, Rock หรือ Hip-hop ผ่านหูฟังบลูทูธและจอ ...

ลู่วิ่งควรเลือกแบบไหน

ลู่วิ่งทุกตัวควรจะมีฟังก์ชั่นหลัก 6 อย่าง คือ (1) ค่าความเร็ว (2) ค่าความชัน (3) แคลอรี่ที่เผาผลาญ (4) ระยะทางที่วิ่ง (5) การเต้นของหัวใจ และ (6) เวลาในการวิ่ง มีครบ 6 ออฟชั่นนี้ก็เพียงพอต่อการใช้งาน หากมีนอกเหนือจาก 6 ฟังก์ชั่นนี้ ถือเป็นออฟชั่นเสริม