ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

���ա˹���Ըբͧ����͡���ѧ��·�����Ѻ�����������ҧ������� ���ͧ�ҡ����ö�͡���ѧ�����ء��Ҿ�ҡ�� �������ö��Ѻ�дѺ�����״ ���ͤ�����ҹ�ҹ������Ҿ�������ç�ͧ������͡���ѧ��� ����͡���ѧ���Ф��駤��������㹡���͡���ѧ������ҧ���»���ҳ

การปั่นจักรยานลดน้ำหนัก ถือเป็นอีกรูปแบบการออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยข้อดีในเรื่องของความสะดวก สามารถใช้เป็นพาหนะปั่นไปได้ทุกที่ทุกเวลา ใช้งบประมาณน้อย และเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการการออกกำลังกายที่ช่วยเร่งการเผาผลาญ

Show

นอกจากการกระโดดเชือกแล้ว การปั่นจักรยานลดน้ําหนัก ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเร่งการเผาผลาญได้ดีเช่นกัน และสำหรับใครที่เริ่มสนใจอยากปั่นจักรยาน ออกกำลังกาย วันนี้เราจะมาแนะนำวิธีปั่นจักรยานลดน้ำหนัก ลดความอ้วน ที่ต้องบอกเลยว่าจะทำให้สาว ๆ ได้รู้วิธีการเริ่มต้นอย่างถูกต้องและสามารถนำข้อมูลที่ได้ไปปรับใช้จนบรรลุเป้าหมายที่ต้องการได้อย่างแน่นอน

ปั่นจักรยานลดน้ําหนักได้จริงหรือ

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

การปั่นจักรยาน คือการออกกำลังกายแบบแอโรบิกที่ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต ทำให้หัวใจแข็งแรง และช่วยเผาผลาญพลังงานและไขมันได้อย่างดีเยี่ยม จึงเป็นอีกหนึ่งการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมอย่างมาก

แล้วการปั่นจักรยาน ลดน้ําหนักได้ไหม? เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่าในน้ำหนักตัวเรานั้นจะมีทั้ง Fat Mass (ไขมัน) และ Lean Body Mass (กล้ามเนื้อ) ซึ่งหากน้ำหนักเราลดลง นั่นหมายความว่าสิ่งที่หายไปเป็นได้ทั้งกล้ามเนื้อและไขมัน ดังนั้นจึงไม่ควรให้ความสำคัญกับตัวเลขบนตราชั่งมากจนเกินไป แต่ควรสังเกตรูปร่างสัดส่วนของเรามากกว่า

แต่แน่นอนว่าสำหรับบางคนอาจยังเข้าใจเรื่องการปั่นจักรยานลดน้ำหนักแบบผิด ๆ อยู่ เช่น การปั่นจักรยานเป็นการออกกำลังกายแบบเฉพาะจุดที่เน้นลดไขมันเฉพาะขาเท่านั้น ซึ่งจริง ๆ แล้ว การลดไขมันเฉพาะจุดนั้นไม่มีอยู่จริง อย่างการปั่นจักรยาน ลดน้ําหนักจะเป็นการเผาผลาญพลังงานทั้งหมดในร่างกาย ซึ่งหากเราออกกำลังกายอย่างเหมาะสมจะช่วยลดไขมันสะสมในทุก ๆ ส่วนไปพร้อมกันได้

สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ปั่นจักรยานลดน้ำหนัก บางคนอาจจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนในส่วนที่มีการสะสมของไขมันน้อยก่อน ส่วนบริเวณที่มีไขมันสะสมมากอย่างหน้าท้องหรือต้นขาอาจจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณหนึ่ง จึงทำให้บางคนคิดว่าการปั่นจักรยานลดน้ำหนักไม่ได้ช่วยให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีตามที่คาดไว้

อัตราการเต้นของหัวใจส่งผลต่อการเผาผลาญไขมัน

ในการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักนั้น เรื่องของอัตราการเต้นของหัวใจก็เป็นสิ่งที่มีผลต่อการเผาผลาญไขมัน หากเราต้องการลดน้ำหนักควรออกกำลังกายให้หัวใจเราทำงานประมาณ 50 – 80% ของอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุด ซึ่งการกำหนดอัตราการเต้นของหัวใจนอกจากจะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้แล้ว ยังทำให้เราไม่ออกกำลังหนักเกินจนทำให้มวลกล้ามเนื้อหายไปด้วย

เราสามารถคำนวณอัตราการเต้นของหัวใจสูงสุดได้โดยการนำ 220 – อายุ เช่น หากเราอายุ 30 ให้นำ 220 – 30 = 190 ดังนั้นช่วง 60 – 90% จะอยู่ที่ 114 – 171

อัตราการเต้นของหัวใจกับการออกกำลังกายประเภทต่างๆ

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

  • Zone 1 : อุ่นเครื่อง อัตราการเต้นของหัวใจ 50 – 60%
    เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น เป็นการออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยที่เน้นการฟื้นฟูสภาพร่างกาย ช่วยลดน้ำหนักได้นิดหน่อย และไม่รู้สึกเหนื่อย
  • Zone 2 : เผาผลาญไขมัน อัตราการเต้นของหัวใจ 60 – 70%
    เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและไขมันส่วนเกิน เป็นการออกกำลังกายแบบเบา ๆ ที่เพิ่มความแข็งแรงทนทาน ไม่เหนื่อยมาก และดึงพลังงานจากไขมันส่วนเกินในร่างกายมาใช้
  • Zone 3 : ฝึกความอดทน อัตราการเต้นของหัวใจ 70 – 80%
    เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ เป็นการออกกำลังกายแบบปานกลาง ช่วยเพิ่มความฟิต (Aerobic Fitness) รู้สึกเหนื่อยและมีเหงื่อออกมากขึ้น การออกกำลังกายในช่วง Zone นี้ จะช่วยลดไขมัน น้ำตาล และน้ำหนักได้เป็นอย่างดี
  • Zone 4 : เพิ่มประสิทธิภาพ อัตราการเต้นของหัวใจ 80 – 90%
    เหมาะกับนักกีฬาและคนทั่วไปที่ต้องการเพิ่มความทนทานของกล้ามเนื้อและการออกกำลังกาย เป็นการออกกำลังกายแบบหนัก ๆ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของร่างกายในการออกกำลังกาย จะรู้สึกตึงล้ากล้ามเนื้อ เหนื่อย และหายใจเร็ว
  • Zone 5 : ออกกำลังกายแบบเต็มพิกัด อัตราการเต้นของหัวใจ 90 – 100%
    เหมาะกับการฝึกซ้อมนักกีฬาที่เตรียมแข่งขัน การออกกำลังกายที่เพิ่มความเร็วและประสิทธิภาพของร่างกายในการออกกำลัง จะรู้สึกเหนื่อยมาก หายใจเร็ว และมีการตึงล้ากล้ามเนื้อมาก

ข้อดีของการปั่นจักรยานลดน้ำหนัก

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

การปั่นจักรยานลดน้ำหนักนั้น นอกจากจะมีข้อดีในเรื่องการเผาผลาญพลังงานที่ช่วยลดน้ำหนักได้แล้ว ยังมีข้อดีอื่น ๆ อีกมากมายทั้งในแง่สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้น และอารมณ์ที่สดใสขึ้นจากการปั่นจักรยาน ไปดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่ามีข้อดีอะไรกันบ้าง

1. เสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา

การปั่นจักรยาน ลดน้ําหนัก เป็นการบริหารสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อขา โดยเฉพาะกล้ามเนื้อต้นขาหน้าและหลัง ซึ่งจะช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อขาได้ นอกจากนี้การปั่นจักรยานยังเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยยืดกล้ามเนื้อบริเวณเอวและสะโพกอีกด้วย

2. ช่วยเพิ่มการแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนในร่างกาย

การปั่นจักรยานถือเป็นอีกหนึ่งวิธีลดน้ำหนักที่นอกจากจะช่วยเร่งเผาผลาญพลังงานได้ดีแล้ว ยังเป็นกิจกรรมนอกบ้านที่ช่วยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและช่วยให้ระบบหายใจแลกเปลี่ยนก๊าซออกซิเจนเพื่อไปกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวในกระแสเลือด และส่งผลให้เราอารมณ์ดีจากระดับฮอร์โมนแอนเดอร์ฟินที่เพิ่มขึ้น

3. ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต

เนื่องจากการปั่นจักรยานลดน้ำหนักเป็นการออกกำลังกายแบบแอโรบิกซึ่งมีผลในการช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนของโลหิตภายในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

4. ช่วยให้ปอดและหัวใจแข็งแรง

เพราะการปั่นจักรยานมีผลในการช่วยกระตุ้นให้ระบบไหลเวียนของโลหิต จึงส่งผลให้ปอดและหัวใจแข็งแรงขึ้น ตะกรันไขมันที่เกาะอยู่ตามเส้นเลือดก็จะค่อย ๆ ถูกกำจัดออกไปด้วย ทำให้เป็นการป้องกันภาวะเส้นเลือดตีบตันไปในตัว

5. สะดวกและไม่สิ้นเปลือง

การขี่จักรยาน ลดความอ้วน ถือเป็นการออกกำลังกายที่สะดวกและไม่สิ้นเปลือง เพราะด้วยราคาจักรยานที่ไม่ได้สูงมาก มีให้เลือกหลากหลาย เเละคุณสามารถใช้จักรยานเป็นพาหนะปั่นไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการปั่นออกกำลังกายตามสวนสาธารณะ หรือแม้แต่ปั่นไปทำงานในยามเช้า ต้องบอกเลยว่าเป็นการออกกำลังกายที่นอกจากจะได้สุขภาพที่ดียังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วยล่ะ

ปั่นจักรยานลดน้ำหนัก ประเภทไหนดี

ก่อนที่จะไปเริ่มปั่นจักรยานลดน้ำหนัก เราต้องผ่านขั้นตอนการเลือกจักรยานคู่ใจเสียก่อน เพราะการเลือกจักรยานที่เหมาะกับตนเองเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ควรให้ความสำคัญ เนื่องจากจักรยานสำหรับออกกำลังกายนั้นมีด้วยกันหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีขนาดและฟังก์ชันที่ต่างกัน

หากเราเลือกจักรยานที่มีขนาดไม่พอเหมาะกับเรา หรือมีฟังก์ชันที่ใช้งานยากเกินไป ก็อาจทำให้เราหมดสนุกและล้มเลิกความตั้งใจไปได้ ดังนั้นก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะเลือกใช้จักรยานออกกำลังกายยี่ห้อไหนดี แบบไหนดี ก็ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อน ก่อนอื่นเราไปเริ่มกันที่ประเภทจักรยานออกกำลังกายที่นิยมใช้กันในปัจจุบัน ไปดูกันเลยค่าว่ามีแบบไหนบ้าง

1. จักรยานฟิตเนส

การปั่นจักรยานฟิตเนส ลดน้ำหนัก หรือ Stationary Bike ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะสามารถใช้เป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายที่บ้านได้หรือออกกำลังกายได้ทุกที่ทุกสภาพอากาศได้ มีฟังก์ชันที่สามารถเลือกความต้านทานขณะปั่นตามความแข็งแรงของผู้ใช้ โดยจักรยานฟิตเนสจะแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ

  • จักรยานออกกำลังกายแบบนั่งตรง หรือ Upright Exercise Bike

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

เป็นจักรยานที่มีลักษณะเหมือนจักรยานทั่วไป ที่เป็นการนั่งตรงแล้วปั่น แฮนด์จะถูกบังคับให้จับแบบตายตัวไม่สามารถปรับท่าทางได้ แต่สามารถปรับระดับความต้านทานในการปั่นได้ มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ออกกำลังกายตั้งแต่แบบเบา – กลาง เน้นการฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เหมาะกับการยืดกล้ามเนื้อ และเหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักตัวมากและผู้สูงอายุ

  • จักรยานออกกำลังกายแบบเอนปั่น หรือ Recumbent Bike

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

เป็นจักรยานแบบนั่งเอนปั่นที่มีพนักพิง มีความปลอดภัยสูง ขณะปั่นจะไม่ทำให้เกิดแรงกระแทกใด ๆ กลับมาที่กระดูกช่วงสะโพก จึงเหมาะกับผู้ที่มีปัญหาด้านกล้ามเนื้อและกระดูกขา ผู้ที่มีน้ำหนักตัวมาก และผู้สูงอายุ

  • จักรยานออกกำลังกายแบบ Spin Bike

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

เป็นจักรยานที่เหมาะสำหรับการปั่นเพื่อเบิร์นโดยเฉพาะ สามารถปรับได้ทั้งแฮนด์จับและเบาะนั่ง ทำให้สามารถปั่นได้ในหลายท่า ทั้งนั่งปั่น หมอบปั่น ยืนปั่น และสามารถปรับความเร็วได้ตามต้องการ โดยจักรยานประเภทนี้นิยมใช้จัดเป็น Group ในฟิตเนส แบบ Spinning Class หรือ RPM Class และมีเทรนเนอร์มาแนะนำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด


2. จักรยานเสือหมอบ (Road Bike)

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

Road Bike หรือจักรยานเสือหมอบ เป็นจักรยานที่ต้องปั่นในท่าหมอบต่ำ เนื่องจากยางมีขนาดเล็กจึงเน้นการทำเวลาและความเร็วในการปั่นบนที่เรียบและถนน ตัวจักรยานส่วนใหญ่จะใช้เบรกแบบคาลิเปอร์ที่ติดตั้งบริเวณขาตะเกียบหรือขาโช๊คด้านหน้า สามารถบังคับได้ง่าย จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการสนุกกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอด้วยการปั่นโดยใช้ความเร็ว เพื่อเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ และช่วยลดต้นขาและน่องได้ดี


3. จักรยานฟิกเกียร์ (Fixed Gear)

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

จักรยานเกียร์เดียว ที่ล้อหลังไม่สามารถฟรีได้ และต้องปั่นตลอดเวลาขณะจักรยานวิ่ง มีข้อดีในเรื่องขนาดที่เล็ก เพรียวกะทัดรัด และมีน้ำหนักเบา จึงมีอีกชื่อเรียกว่า Messenger Bike ที่ผู้ปั่นสามารถปั่นได้หลากหลายท่าซอกแซกไปตามซอยต่าง ๆ ได้

จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการปั่นออกกำลังกายในระยะเวลานาน เพราะต้องปั่นตลอดเวลาขณะจักรยานวิ่งไป และควบคุมความเร็วและหยุดรถได้ตามการเคลื่อนไหวของเท้าทั้งสองข้าง Fixed Gear ถูกนำไปใช้ในการแข่งขันกีฬาจึงไม่มีเบรกหน้าและหลัง และได้รับความนิยมในการใช้ปั่นออกกำลังกายและใช้เป็นพาหนะแทนการใช้รถ โดยต้องติดเบรกเพื่อความปลอดภัย

สำหรับคำแนะนำในการเลือกซื้อจักรยานเพิ่มเติม สามารถอ่านได้ที่บทความ 7 อันดับ จักรยานออกกำลังกายยี่ห้อไหนดี ยี่ห้อไหนปัง! พร้อมวิธีเลือก Spin Bike

แนะนำวิธีปั่นจักรยานเพื่อลดน้ำหนัก

การปั่นจักรยานลดน้ำหนักอาจฟังดูเป็นเรื่องง่าย ใคร ๆ ก็ทำได้ แต่ก็อาจไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ วันนี้เรามีวิธีปั่นจักรยานลดน้ําหนักมาแนะนำค่ะ ซึ่งต้องบอกเลยว่าจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์เร็วขึ้นอย่างแน่นอน ไปดูกันเลยค่าว่าต้องเริ่มกันอย่างไรบ้าง

ควรทานอาหารก่อนเล็กน้อย

ในการออกกำลังกายทุกชนิดต้องใช้พลังงาน โดยเฉพาะการปั่นจักรยาน ลดน้ําหนักที่เผาผลาญพลังงานจำนวนมาก จึงควรรองท้องสักเล็กน้อยก่อนเริ่มปั่นจักรยานเพื่อให้มีพลังงานเพียงพอและไม่รู้สึกหิวจัดหลังการปั่นจักรยาน และไม่ควรทานอาหารทันทีหลังออกกำลังกายเพราะอาจทำให้รู้สึกจุกได้ แต่ควรดื่มน้ำเพื่อทดแทนปริมาณเหงื่อที่เสียไป

ควรเริ่มที่การอบอุ่นร่างกาย

ก่อนออกกำลังกายทุกครั้งเราควรเริ่มที่การอบอุ่นร่างกายเตรียมพร้อมในการออกกำลังกาย โดยปรับเบาะนั่งให้สูงพอที่เราจะเหยียดขาขณะปั่นได้ เมื่อวางเท้าบนแป้นขนานกับพื้น หัวเข่าจะต้องทำมุม 10 – 15 องศา ซึ่งการนั่งอยู่ต่ำเกินไปจะทำให้รู้สึกเหนื่อยมากและต้องใช้หัวเข่าออกแรงมากกว่าปกติ หรือถ้าอยู่สูงเกินไปก็จะทำให้ต้องเคลื่อนไหวอุ้งเชิงกราน ทำให้หลังส่วนล่างต้องรับน้ำหนักมากขึ้น และปรับที่จับเริ่มจากระดับสูง ก่อนวางมือทั้งสองข้างขนานกันบนที่จับและค่อย ๆ ลดระดับลงเพื่อเพิ่มความโค้งให้แผ่นหลัง

เลือกวิธีการปั่นที่เหมาะสม

การเลือกวิธีปั่นจักรยานลดน้ําหนักที่เหมาะสมกับเรา ควรคำนึงถึงความพร้อมของร่างกายและเป้าหมายในการออกกำลังกาย โดยเราจะขอพูดถึงวิธีการออกกำลังกาย 2 แบบ คือ

  • แบบคาร์ดิโอ เหมาะกับผู้เริ่มต้นออกกำลังกาย เป็นการออกกำลังกายแบบต่อเนื่อง เช่น การปั่นจักรยานไปเรื่อย ๆ การเดินลดน้ำหนัก โดยเป็นการออกกำลังกายที่ไม่เน้นการใช้มัดกล้ามเนื้อ แต่ใช้การขยับร่างกายในระยะเวลาที่มีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ
  • แบบอินเทอร์วอล เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเผาผลาญอย่างรวดเร็ว ด้วยการปั่นจักรยานด้วยความเร็วและช้าสลับกัน เพื่อให้เกิดความแปรปรวนของความเร็วและความหนักตลอดเวลา เช่น ปั่นเร็ว 30 วินาที และปั่นช้า 90 วินาที และทำซ้ำ 10 – 15 นาที

ควบคุมความเร็วและความแรง

หากเรายังไม่ชินกับการปั่นจักรยานลดน้ำหนักหรือเป็นผู้เริ่มต้น ควรค่อย ๆ เริ่มปั่นแบบธรรมดาเพื่อให้ร่างกายมีการปรับสภาพก่อน โดยเริ่มปั่นที่ความเร็ว 60 รอบ ต่อ 1 นาที เป็นเวลา 10 นาที และปรับให้ชันขึ้นมาทีละนิด ใช้เวลาปั่น 10 นาที และสลับกลับไปแบบธรรมดา ทำเช่นนี้สัปดาห์ละ 3 ครั้ง นาน 3 สัปดาห์ ก่อนจะเริ่มโปรแกรมออกกำลังกายถัดไป

ปรับระดับเมื่อชำนาญมากขึ้น

เมื่อร่างกายเริ่มปรับสภาพและชำนาญมากขึ้นแล้ว ให้เริ่มปรับระดับการปั่น เป็น 80 – 90 รอบต่อนาที สลับกับแบบธรรมดา 15 นาที และแบบชัน 15 นาที สลับกับแบบธรรมดา 15 นาที ทำ 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ อย่างน้อย 3 สัปดาห์ ก่อนจะเริ่มโปรแกรมที่สูงขึ้นถัดไป และเมื่อเริ่มชินกับระดับต่าง ๆ แล้ว จึงเริ่มเปิดเพลงเพื่อกำหนดความเร็วสำหรับการปั่นแบบธรรมดาและแบบชัน และอาจสลับด้วยการเดินและเพิ่มเวลาอีก 2 สัปดาห์

หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทุกชนิด

ในการขี่จักรยาน ลดความอ้วนนั้น แม้เราจะปฏิบัติตามวิธีที่ถูกต้องมาโดยตลอด แต่หลายคนก็มักจะต้องมาสะดุดเพราะการเผลอดื่มเครื่องดื่มเกลือแร่ที่มีน้ำตาล เพราะคิดว่านั่นจะช่วยทดแทนน้ำตาลที่เสียไปขณะออกกำลังกายได้ แต่ขอบอกเลยว่านั่นแหละค่ะเป็นสิ่งที่จะทำให้คุณไม่สามารถลดน้ำหนักได้ตามเป้าหมายที่ต้องการ ดังนั้นหันมาดื่มน้ำเปล่าแทนดีกว่านะคะ นอกจากจะสดชื่นเหมือนกันแล้วยังไม่เพิ่มน้ำตาลให้กับร่างกายอีกด้วย

ปั่นจักรยานช่วยลดกี่แคล

อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้แล้วว่าการปั่นจักรยานลดน้ำหนักนั้นสามารถเผาผลาญพลังงานได้อย่างดีเยี่ยม แล้วปั่นจักรยาน ลดกี่แคลกันล่ะ?

โดยทั่วไปแล้วในการปั่นจักรยานนาน 1 ชั่วโมง สามารถเผาผลาญพลังงานได้ถึง 400 – 500 กิโลแคลอรี ซึ่งยิ่งเราปั่นเร็วมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งเผาผลาญมากขึ้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวและความหนักในการปั่นจักรยานด้วย

ยกตัวอย่างเช่น ในการปั่นจักรยานแบบเบา ๆ ด้วยความเร็ว 16 – 19 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับผู้ที่มีน้ำหนักตัว 86 กิโลกรัม จะเผาผลาญพลังงานได้ประมาณ 470 กิโลแคลอรี ผู้ที่มีน้ำหนักตัว 70.3 กิโลกรัม จะเผาผลาญพลังานได้ประมาณ 380 กิโลแคลอรี ซึ่งหากทำเป็นประจำติดต่อกันก็จะสามารถช่วยลดน้ำหนักได้อย่างแน่นอน

ปั่นจักรยาน ลดน้ำหนัก ควรปั่นกี่นาที

การปั่นจักรยานลดน้ำหนักให้ได้ผลดี ควรใช้ระยะเวลาในการปั่นให้เหมือนกับการคาร์ดิโอทั่วไป โดยปั่นอย่างน้อย 40 นาที 3 – 4 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งจะช่วยเผาผลาญพลังงานเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 400 – 500 กิโลแคลอรี/ชั่วโมง ซึ่งหากเรามีการปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอติดต่อกันก็จะทำให้น้ำหนักของเราค่อย ๆ ลดลงได้

ข้อจำกัดของการปั่นจักรยานลดน้ำหนัก

แม้การปั่นจักรยานลดน้ำหนักจะเป็นการออกกำลังกายที่มีข้อดีมากมาย แต่แน่นอนว่าทุกวิถีทางมักมีข้อจำกัดบางอย่างเสมอ

ในการปั่นจักรยานออกกำลังกาย แม้ว่าจะช่วยให้เรารู้สึกสดชื่นและสนุกกับการปั่นไปที่ต่าง ๆ แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะเจอกับมลภาวะทางอากาศจากสภาพแวดล้อมที่เราไป อีกทั้งยังมีเรื่องอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้

ดังนั้นในการปั่นจักรยานทุกครั้งจึงควรศึกษากฎจราจรหรือสัญญาณมือที่ใช้บนท้องถนน และสวมหมวกกันน็อก อุปกรณ์ป้องกันกรณีเกิดอุบัติเหตุ หรือใส่เสื้อผ้าสีสันสว่างหากปั่นจักรยานในตอนกลางคืน เพื่อความปลอดภัยในการขี่จักรยาน

ปั่นจักรยาน ลดน้ําหนัก ทำให้ขาใหญ่จริงไหม

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

เป็นอีกคำถามยอดฮิตที่หลายคนคิดหนัก และสงสัยว่าการปั่นจักรยานลดน้ำหนักแล้วขาใหญ่จริงไหม? ในความเป็นจริงแล้วในการออกกำลังทุกชนิดจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปจนทำให้รูปร่างกระชับขึ้น

โดยเฉพาะการปั่นจักรยานลดน้ําหนัก ที่เป็นการออกกำลังกายที่ช่วยเผาผลาญพลังงานได้เร็ว ซึ่งก็จะยิ่งทำให้เรามีไขมันที่น้อยลง และแน่นอนไม่ได้ทำให้ขาใหญ่ขึ้นค่ะ แต่กลับทำให้ขาเล็กลงและกระชับขึ้นด้วยซ้ำ จากการเผาผลาญที่ทำให้ไขมันสลายไป ดังนั้นไม่ต้องกังวลนะคะ เพราะการปั่นจักรยานไม่ทำให้ขาใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน

ข้อสรุป

การปั่นจักรยานลดน้ำหนักเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายและสะดวก อีกทั้งยังเหมาะกับทุกเพศทุกวัย เป็นกิจกรรมที่สนุก สามารถปั่นคนเดียวหรือปั่นเป็นหมู่คณะได้ ทั้งนี้ก่อนที่จะไปเริ่มปั่นจักรยาน ลดน้ําหนักก็ควรตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน ศึกษาวิธีการ วางแผน และมีการป้องกันด้วยอุปกรณ์ป้องกันอุบัติเหตุทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย

และที่สำคัญการลดน้ำหนักนั้นจะเป็นไปไม่ได้เลยถ้าคุณไม่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจปฏิบัติติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอ และอย่าลืมทำควบคู่กับการทานอาหารที่มีประโยชน์ เพียงเท่านี้รับรองเลยค่ะว่าคุณจะมีรูปร่างที่ดีสมสัดส่วนได้อย่างแน่นอน

Share:

Share on facebook

Facebook

Share on twitter

Twitter

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

รวม 7 ท่าสควอท เสกหุ่นสวย สอนท่าสควอทอย่างถูกวิธี ต้องทำอย่างไร?

22/03/2022

ปัจจุบันผู้คนหันมาให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นจำนวนมาก ทั้งเป้าหมายด้านสุขภาพ รูปร่าง หรือการพัฒนาความสามารถด้านกีฬาเองก็ตาม และไม่ว่าเป้าหมายใด ท่าสควอทถือเป็นท่าออกกำลังกายพื้นฐานที่ควรฝึก

Read More

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

รวม 10 ท่านอนออกกำลังกาย ลดพุง ลดขาง่ายๆ แม้อยู่บนเตียง

22/03/2022

ในบางสถานการณ์การออกกำลังกายอาจเป็นเรื่องยากโดยเฉพาะหลังตื่นนอนในยามเช้า และยิ่งถ้าไม่ใช่คนที่ตื่นเช้าเป็นประจำอยู่แล้ว การลุกออกจากเตียงในช่วงเช้าเพื่อไปออกกำลังกายยิ่งเป็นเรื่องที่แสนยากลำบาก ดังนั้น ในบทความนี้เราจะพามาดูท่านอนออกกำลังกายที่สามารถทำได้ง่ายๆ จะทำบนพื้นในห้องนอน

Read More

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

7 ท่าสร้างซิกแพค วิธีสร้างกล้ามท้องฉบับง่าย ทำตามได้ เห็นผลจริง

11/03/2022

มาดูท่าสร้างซิกแพคง่ายๆ ที่ทุกคนก็ทำได้ 7 ท่าสร้างซิกแพคสำหรับผู้หญิงและผู้ชาย ตามสไตล์เบเบ้

Read more

Read More

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ลดส่วนไหน

รวม 10 ท่าลดเอว วิธีทำให้เอวเล็กแบบเร่งด่วน ลดเอวข้าง สร้างหน้าท้องสวย!

03/03/2022

แนะนำ 10 ท่าลดเอว หุ่นฟิต บริหารหน้าท้องสวย ฉบับเบเบ้! อยากมีเอวบาง เอวเอส ต้องทำอย่างไรบ้าง หาคำตอบได้ในบทความนี้

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ได้ส่วนไหน

จักรยานเอนปั่นหรือ Recumbent Bike จะเป็นประโยชน์กับกระดูกสันหลังและส่วนเอวเป็นอย่างมาก ที่สำคัญอ่อนโยน ต่อข้อต่อทั้งหมดของคุณ เพราะเวลานั่ง ส่วนหลังจะได้รับการซัพพอร์ตจากเบาะและพนักพิงโดยตรง ที่นั่ง, หัวเข่าและข้อเท้าของคุณจะได้รับการปกป้องอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบใดๆ จากการใช้เจ้าเครื่องนี้ ด้วยมันถูกออกแบบ ...

ปั่นจักรยานไฟฟ้า ช่วยอะไร

การใช้งานรถจักรยานไฟฟ้าในเมืองหลวงนั้นเป็นที่นิยม เพราะจักรยานไฟฟ้าเป็นพาหนะที่ใช้ขึ้นรถไฟฟ้าได้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปทำงาน หรือเดินทางในระยะทางที่สั้นๆ จากรถไฟฟ้า 3. ประหยัดแรง จักรยานไฟฟ้าไม่ต้องออกแรงปั่น เมื่อเทียบกับการปั่นจักรยานในระยะไกลๆ เป็นประจำ ก็ช่วยลดการใช้แรงจากกล้ามเนื้อได้มากขึ้น

ปั่นจักรยานโซนไหนลดไขมัน

การออกกำลังที่ดีที่สุดในการกำจัดไขมันส่วนเกิน คือการออกกำลังกาย แบบ Aerobic exercise คือการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ให้ร่างกายเผาผลาญพลังงานตลอดเวลาที่ออกกำลัง ได้แก่ การ เดิน วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน เป็นต้น Zone ที่นิยมใช้ในการออกกำลังกายลดไขมันที่สุดคือ Zone 2 และ Zone 3 โดยมีรายละเอียดดังนี้

ปั่นจักรยานลดนน.ได้ไหม

การ ปั่นจักรยานลดน้ำหนัก วันละหนึ่งชั่วโมงที่ความเร็วช้าๆ ช่วยเบิร์นแคลอรีได้ราวๆ 400-500 แคลอรีเลยทีเดียว เทียบได้กับข้าวมันไก่หนึ่งจานเต็ม เมื่อเทียบกับการเดิน (เผา 150-250 แคลอรีต่อชั่วโมง) และการวิ่งเบาๆ (350-450 แคลอรีต่อชั่วโมง)