– ด้านการเลือกซื้อของ คือ เวลาเราจะเลือกซื้อของชิ้นใดชิ้นหนึ่งนั้นต้องคำนึงถึงความเหมาะสมว่าของสิ่งนั้นเหมาะสมกับเราหรือเปล่า ราคาเหมาะกับสินค้าหรือไม่และการนำไปใช้ประโยชน์ได้จริง และต้องเข้ากับหลักแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงด้วย คือไม่ฟุ่มเฟือยเกินไป ไม่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย และซื้อของที่จำเป็นจริงๆ เป็นต้น การผลิตเป็นกิจกรรมขั้นพื้นฐานที่จะแปรสภาพทรัพยากรซึ่งมีอยู่อย่างจำกัดให้เปลี่ยนเป็นสินค้าและบริการที่เพิ่มประโยชน์และอรรถประโยชน์มากยิ่งขึ้น ๑.๑ กระบวนการผลิต กระบวนการผลิต เป็นกระบวนการที่นำวัตถุดิบมาแปรสภาพเป็นผลผลิต เช่น โรงสีข้าวจะนำข้าวเปลือกมาสีเป็นข้าวสาร โรงงานน้ำตาลนำอ้อยมาหีบ และเข้าสู่กระบวนกานผลิตเป็นน้ำตาล เป็นต้น ๑.๒ ปัจจัยการผลิต ปัจจัยการผลิต หมายถึง สิ่งจำเป็นขั้นพื้นฐานที่ผู้ผลิตนำมาผ่านกระบวนการผลิต จนเกิดเป็นสินค้าและบริการ ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์ได้มีการแบ่งปัจจัยการผลิต ออกเป็น ๔ ประเภท ดังนี้ ๑) ที่ดิน ๒) แรงงาน สามารถแบ่งออกเป็น ๒ ประเภท ดังนี้ ๒.๑ แรงงานฝีมือ เป็นแรงงานที่ได้รับการอบรมความรู้เฉพาะทางมาเป็นอย่างดี ๒.๒ แรงงานไร้ฝีมือ ๒.๓ ทุน เป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญอีกประการหนึ่ง โดยทุนจะหมายถึง สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบเศรษฐกิจตลาด การบริหารจัดการ หรือการประกอบการเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น ๑.) ตัดสินใจเกี่ยวกับธุรกิจ ๒.) จัดองค์กรสำหรับการผลิต ๓.) ทำการพัฒนาหรือคิดค้นสิ่งใหม่ที่มีคุณภาพและเป็นสิ่งที่ต้องการของผู้ซื้อมากขึ้น ๔.) การตัดสินใจให้เหมาะสมกับภาวะความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง - ผลตอบแทนของปัจจัยการผลิต สำหรับรายได้ในทางเศรษฐศาสตร์ คือ ผลตอบแทนจากการใช้หรือจำหน่วยปัจจัยการผลิต โดยสามารถจำแนกออกเป็น ๔ ประเภท ตามประเภทของปัจจัยการผลิต ดังนี้ ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ ย่อมมีเรื่องที่ต้องคิดและตัดสินใจเกี่ยวกับการเลือกซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งมีให้พิจารณาอยู่มากมายหลายชนิด หลายราคา และหลายยี่ห้ออยู่ตลอดเวลาดังนั้น วิชาเศรษฐศาสตร์จึงสามารถนำมาประยุกต์ในชีวิตประจำวันของมนุษย์ได้ โดยมีปัจจัยหลายประการเข้ามีบทบาทเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจดังกล่าว เช่น ราคาของสินค้า จำนวนเงินที่มีอยู่ รสนิยม ความพึงพอใจต่างๆ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมตามหลักการทางเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งแสดงถึงรสนิยมที่เหมาะสมในการรู้จักเลือกบริโภค และยังเป็นการช่วยเหลือประเทศชาติในทางอ้อมอีกด้วย ครอบครัวหรือแม้แต่รัฐบาลก็เช่นเดียวกัน จึงจำเป็นต้องตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้จ่ายสิ่งต่างๆ ในลักษณะคล้ายคลึงกับการตัดสินใจของแต่ละคน ในระดับครอบครัวนั้น พ่อ แม่ หรือผู้นำของครอบครัวควรคำนึงถึงบัญชีรายรับ-รายจ่ายว่ารายได้โดยรวมของครอบครัวเป็นอย่างไรทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบให้มั่นใจว่า ครอบครัวมีกำลังในการใช้จ่ายซื้อสินค้าและบริการได้มากน้อยเพียงใด สำหรับรัฐบาลก็มีรายรับ-รายจ่ายเช่นเดียวกันกับระดับครอบครัว แต่รัฐบาลเป็นองค์กรที่มีขนาดใหญ่ และมีหน่วยงานบางหน่วยงานทำหน้าที่แสวงหารายได้เข้าประเทศ เช่น กรมสรรพากร มีหน้าที่เก็บภาษีรายได้จากประชาชน กรมสรรพสามิต มีหน้าที่เก็บภาษีสินค้าหรือกรมศุลกากร มีหน้าที่เก็บภาษีมินค้านำเข้าจากต่างประเทศ เป็นต้น ซึ่งรัฐบาลต้องอาศัยรายได้เหล่านี้สำหรับซื้อสินค้าและอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อนำมาใช้บริหารปกครองประเทศ รวมทั้งจัดสรรรายได้ส่วนหนึ่งสำหรับเป็นค่าจ้างและเงินเดือนของพนักงานและข้าราชการทั่วไป
|