ทา โลชั่น ก่อน นอน ดี ไหม

แม้ว่ารูทีนของหนุ่มสาวผู้รักสวยรักงามจะต้องมีกิจวัตรการทาครีมบำรุงผิวบรรจุอยู่ในนั้นด้วยเสมอ แต่หากไม่นับคนที่เซียนเรื่องการทาครีมแล้ว เชื่อไหมว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ยังสับสนในสเตปของการทาครีมบำรุงผิว เช้า กลางวัน ก่อนนอน อยู่เลย บางคนยังสงสัยและแยกไม่ออกว่าทำไมเดย์ครีมกับไนท์ครีมต้องแยกกันทาด้วยล่ะ? ทำไมถึงทาครีมกระปุกเดียวกันไม่ได้? ไหนจะเรื่องข้อห้ามในการบำรุงผิวที่ควรรู้อีก ใครที่อยากตัดขาดกับความงง และสับสนในการทาครีมมาตลอดชีวิต Cracked วันนี้ขอชวนทุกคนมาทำความเข้าใจลำดับการทาครีมบำรุงเสียใหม่ ถ้าทำตามสเตปที่เราบอกรับรองว่าหายงงอย่างแน่นอน 

 

กฎพื้นฐานของการทาครีมบำรุงผิวเริ่มต้นอย่างไร? 

  • อย่างแรกสิ่งที่ต้องรู้คือ รู้จักสภาพผิวของตัวเองให้ได้ก่อน ฉันเป็นคนผิวแห้ง ผิวมัน ผิวผสม หรือผิวบอบบางแพ้ง่ายกันแน่นะ? เรื่องเบสิกเหล่านี้ต้องรู้เป็นลำดับแรก ทั้งนี้เพื่อให้การเลือกผลิตภัณฑ์ในการบำรุงผิวถูกต้องกับสภาพผิวของตัวเอง ถ้าเลือกถูก และมีขั้นตอนการทาครีมที่ถูก จะช่วยเคลียร์ปัญหาการทาครีมแล้วไม่เห็นผลไปได้เลย ดังนั้นก่อนจะไปสเตปอื่น เราต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นด้วยการวิเคราะห์ผิวตัวเองก่อน เมื่อรู้จักสภาพผิวของตัวเองแล้ว จะช่วยให้การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวถูกต้องและเห็นผลมากขึ้น

 

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสภาพผิวของเราเป็นแบบไหน? 

  • วิธีง่ายที่สุดคือไปตรวจเช็กตามร้านดรักสโตร์ เคาน์เตอร์สกินแคร์ คลินิกผิวพรรณ หรือร้านเวชสำอางที่จะมีบริการตรวจสภาพผิวอยู่แล้ว แต่ถ้าใครไม่มีเวลา ก็สามารถเช็กสภาพผิวผ่านการสังเกตุได้ง่ายๆ ดังนี้ 
  • ผิวธรรมดา จุดสังเกต: ผิวมีความเรียบเนียน สม่ำเสมอ รูขุมขนมีขนาดเล็ก บริเวณแก้มมักจะเป็นส่วนที่แห้งที่สุดบนใบหน้า แต่ไม่แห้งจนเกินไป ซึ่งบางครั้งคนผิวธรรมดาจะรู้สึกว่าผิวมีความมัน และรูขุมขนแลดูกว้างโดยเฉพาะบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง แต่ความสมดุลระหว่างน้ำและน้ำมันในผิวมีความสมดุลที่พอดี ทำให้นี่เป็นชนิดผิวที่ง่ายต่อการดูแล รวมทั้งง่ายต่อการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวด้วย
  • ผิวแห้ง จุดสังเกต: คนผิวแห้งเมื่อล้างหน้าเสร็จจะรู้สึกตึงๆ ที่ผิว บางครั้งจะเห็นว่าผิวลอกเป็นขุยชัดเจน ใบหน้าดูแห้ง และเมื่อลองเอามือจับหรือสัมผัสใบหน้าดู จะรู้สึกว่าหยาบและไม่เรียบเนียน เนื่องจากผิวขาดความชุ่มชื้นอย่างมาก และเสี่ยงต่อการเป็นผิวแพ้ง่าย ข้อดีคือคนผิวแห้งจะมีรูขุมขนที่เล็กจนแทบจะมองไม่เห็น แต่ขณะเดียวกันก็มีข้อเสียที่ใหญ่หลวงคือเป็นผิวที่มักเกิดริ้วรอยได้ง่ายกว่าผิวประเภทอื่นๆ
  • ผิวมัน จุดสังเกต: มีความมันเงาบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก และคาง) มีสาเหตุมาจากการที่ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป ทำให้รูขุมขนใหญ่และมองเห็นได้ชัดเจน คนผิวมันมักจะเป็นสิวอักเสบบ่อยๆ แต่ก็มีข้อดีตรงที่เกิดริ้วรอยยากกว่าคนผิวแห้ง
  • ผิวผสม จุดสังเกต: มีความมันบริเวณทีโซน (หน้าผาก จมูก และคาง) แต่ข้างแก้มทั้งสองข้างจะค่อนข้างแห้ง หรือมีบางจุดที่ขาดความชุ่มชื้น บางคนอาจมีรูขุมขนกว้างบริเวณหน้าผาก จมูก และคาง
  • ผิวบอบบางแพ้ง่าย จุดสังเกต: ผิวบอบบางแพ้ง่ายเกิดขึ้นได้ทั้งในผิวแห้งและผิวมัน จะมีลักษณะของผิวที่ระคายเคืองง่าย เวลาใช้เครื่องสำอางจะพบปัญหามากกว่าผิวประเภทอื่นๆ เพราะแพ้ง่ายและไวต่อสิ่งกระตุ้น ทำให้มองเห็นเป็นรอยแดง เป็นจ้ำๆ และมีอาการคัน

 

 

ทา โลชั่น ก่อน นอน ดี ไหม

 

เดย์ครีมกับไนท์ครีม ทำไมต้องแยกกันทา? 

  • เพราะว่าช่วงกลางวันเน้นไปที่การเติมน้ำให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว และปกป้องผิวจากแสงแดด มลภาวะ และปัจจัยทำร้ายผิวต่างๆ เป็นพื้นฐาน ในช่วงเวลานี้ควรงดการใช้สกินแคร์แรงๆ ที่กระตุ้นการผลัดผิว ส่วนกลางคืนเราควรเน้นดูแลผิวให้ชุ่มชื้น เสริมสกินแคร์ที่ช่วยแก้ปัญหาเฉพาะจุด และซ่อมแซมผิว และเลือกผลิตภัณฑ์ที่สร้างมาเพื่อใช้ตอนกลางคืน จะทำให้ผิวของเราได้รับประสิทธิภาพสูงสุด จำไว้ว่าถ้าเลือกสกินแคร์ที่ใช่ ทาถูกเวลา ผลลัพธ์ที่ได้ก็จะได้ผลดีมากกว่าการทาครีมมั่วๆ อยู่แล้ว 

 

ลำดับการทาครีม ควรเรียงอย่างไร? 

  • กฎพื้นฐานที่ ดร.เฮเธอร์ โรเจอร์ส (Dr. Heather Rogers) แพทย์ผิวหนังแนะนำคือ ให้ดูตามหน้าที่ของสกินแคร์ จากล้างทำความสะอาด บำรุง ไปถึงปกป้องผิว และยึดความเข้มข้นของเนื้อสัมผัสเป็นหลักโดยเริ่มจากเบาไปหนัก หรือจากของเหลวใสไปออยล์และครีม

 

  • ทั่วๆ ไปคือจากเนื้อเบาไปหนัก และสำคัญมากว่าสกินแคร์ที่มีส่วนผสมบำรุงผิวเข้มข้นอย่างแอนติออกซิแดนต์ในเซรั่ม ควรซึมซาบไปเป็นอันดับแรกๆ แล้วจึงตามด้วยสกินแคร์ที่เคลือบบนผิวอย่างพวกอิโมลเลียนต์เก็บความชุ่มชื้นในครีม

 

 

ทา โลชั่น ก่อน นอน ดี ไหม

 

ลำดับการทาครีมตอนเช้า

  1. คลีนเซอร์
  2. โทนเนอร์ 
  3. เอสเซนส์ หรือโลชั่น 
  4. อายครีม
  5. เซรั่ม
  6. มอยส์เจอไรเซอร์ หรือเดย์ครีม
  7. ครีมกันแดด 

 

ลำดับการทาครีมก่อนนอน

  1. เมกอัพรีมูฟเวอร์ ตามด้วยคลีนเซอร์ 
  2. โทนเนอร์ 
  3. เอสเซนส์ หรือโลชั่น 
  4. อายครีม
  5. เซรั่ม หรือทรีตเมนต์
  6. มอยส์เจอไรเซอร์ หรือไนต์ครีม

 

Tips การบำรุงผิว มีอะไรอีกบ้างที่ควรรู้?

  • สำหรับสกินแคร์พิเศษที่ไม่ได้ใช้ทุกวัน เช่น บูสเตอร์ มาสก์ สครับ ให้ดูตามหน้าที่และสอดแทรกเข้าไปตามขั้นตอนพื้นฐานข้างต้น หรือใช้แทนบางขั้นตอนได้ เช่น บูสเตอร์วิตามินซี ควรใช้ก่อนเซรั่ม มาสก์แผ่นให้ผิวชุ่มชื้นสามารถใช้แทนเซรั่มในตอนเช้าได้ มาสก์ข้ามคืนใช้แทนไนต์ครีมได้ หรือสครับใช้ทำความสะอาดผิวสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง 
  • อย่าลืมว่าสภาพผิวในแต่ละวัน หรือแต่ละไทม์โซน ต้องการการดูแลที่ต่างกันไป จึงควรสังเกตุผิวของตัวเองว่าจริงๆ แล้วผิวต้องการอะไร ควรเลือกสกินแคร์ให้เหมาะกับปัญหาผิวในช่วงเวลานั้นๆ มากกว่าจะเลือกจากสกินแคร์ที่มีอยู่และใช้ตามความเคยชิน เช่น แม้เป็นคนผิวธรรมดา แต่หากวันไหนเจอมลภาวะ ความร้อน ร่างกายขาดน้ำ ผิวอาจแย่และแห้งได้ จึงควรปรับมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เน้นบำรุงเติมน้ำให้ผิว

    ครีมทาก่อนนอนได้ไหม

    จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่กฎข้อบังคับอะไรที่เราจะต้องทาครีมทุกคืน แต่การทาครีมตอนกลางคืนด้วยย่อมให้ประโยชน์ต่อผิวเราอยู่แล้ว เหมือนผิวได้ถูกบำรุงไปด้วยในขณะที่เราหลับ และเขาว่ากันว่า ในขณะที่เรานอนหลับ ครีมจะซึมเข้าสู่ผิวได้ดีค่ะ ก็สรุปได้ว่า ถ้าอยากให้ผิวสุขภาพดี ก็ควรทาครีมตอนกลางคืนด้วย แต่ก็ควรเลือกครีมให้เหมาะสมกับสภาพผิว ...

    โลชั่นทาผิว ทาตอนไหน

    Body Lotion ทาตอนไหนดี? หลังจากอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ การทาโลชั่นในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่รูขุมขนของเราเปิด ทำให้โลชั่นสามารถซึมเข้าสู่ผิวได้ดีที่สุด แนะนำสำหรับคนผิวแห้ง ให้หยดเบบี้ออยล์แล้วลูบไล้ให้ทั่ว ตามด้วยโลชั่นบำรุงผิว เพียงเท่านี้ผิวก็จะเนียนนุ่มชุ่มชื้น สุขภาพดีขึ้นค่ะ

    ควรทาครีมแบบไหนก่อนนอน

    การทาครีมบำรุงผิวก่อนนอน โดยเฉพาะสาวผิวมัน ไม่ควรโบกครีมให้หนาๆ เพราะคิดว่า ยิ่งใช้เยอะ ยิ่งบำรุงได้ดี แต่ควรใช้ในปริมาณที่พอดี เพื่อให้ผิวดูดซึมครีมเข้าฟื้นฟูบำรุงได้อย่างเต็มที่ โดยการโบกครีมหนาๆ นอกจากจะไม่ช่วยให้ครีมเข้าฟื้นฟูบำรุงได้อย่างเต็มที่แล้ว เนื้อครีมที่หนาเกินไป ยังทำให้ผิวหน้าไม่สามารถระบายอากาศได้ดี จน ...

    ทาครีมตอนกลางคืนช่วยอะไร

    ตอนกลางคืนผิวจะสามารถฟื้นฟูซ่อมแซมและดูดซึมสารบำรุง ต่างๆได้ดีที่สุด ทำให้เหมาะมากที่จะใช้ครีมบำรุงเพื่อเสริมสร้างผิวให้แข็งแรง จากการที่เจอมลภาวะทำร้ายผิว มาตลอดทั้งวัน