ผลกระทบจากการใช้พลังงานต่อสิ่งแวดล้อมในกรณีการคมนาคมขนส่ง Show ปัจจุบันรถยนต์เป็นปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ยังรวมถึงใช้ในการขนส่งและการจราจร ส่งผลให้การขนส่งและการจราจรเพิ่มจำนวน ก่อให้เกิดผลเสียอันร้ายแรงต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์ต่อสิ่งแวดล้อมของโลก และต่อคุณภาพชีวิตของเรา องค์การอนามัยโลก (WHO and UNEP, 1996) พบว่าเมืองใหญ่ของโลกที่มีประชากรมากกว่า 10 ล้านคน ในปี ค.ศ. 2000 จำนวน 20 เมืองที่ทำการศึกษา รวมถึงกรุงเทพมหานคร ล้วนแต่มีปัญหาคุณภาพอากาศที่รุนแรงจนถึงรุนแรงมาก จากสถานการณ์ดังกล่าวเนื่องจากมีการใช้น้ำมันเพิ่มขึ้น แผนภูมิที่ 5.2 สัดส่วนการขนส่ง ที่มา: http://benjaponwattana.blogspot.com/ จะเห็นได้ว่าสัดส่วนในภาคขนส่งทางบก โดยเฉพาะระบบถนนหรือรถยนต์ มีสัดส่วนมากที่สุดถึง 86% ของการขนส่งทั้งหมด เนื่องจากความสะดวกรวดเร็วในการขนส่ง ขณะที่ระบบรางหรือรถไฟมีสัดส่วน 2% ระบบการขนส่งทางเรือมีสัดส่วนมาเป็นที่สองด้วยสัดส่วน 12% เนื่องมาจากความสะดวกในการขนส่ง แต่ก็ยังไม่สะดวกมากเท่าทางรถยนต์ ทางอากาศมีสัดส่วนน้อยที่สุด เนื่องจากมีต้นทุนที่สูงเกินไป สอดคล้องกับความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงในภาคคมนาคมขนส่ง ซึ่งสัดส่วนของน้ำมันดีเซลที่ใช้มากในรถบรรทุกมีอัตราเพิ่มขึ้นในช่วงหลายปี และมีการเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องพลังงานที่ใช้ในสาขาคมนาคมขนส่งนี้คือ · น้ำมันเบนซิน · น้ำมันดีเซล · ก๊าซ NGV · ก๊าซหุงต้ม (LPG) ผลกระทบจากการใช้พลังงาน จากการใช้พลังงานก่อให้เกิดมลพิษในบรรยากาศจากการใช้น้ำมัน ดังนี้ สารตะกั่วจากน้ำมันเบนซิน ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกไซด์ของไนโตรเจน ไฮโดรคาร์บอน และควันเสียที่ปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์ เนื่องจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ดีเซลและรถมอเตอร์ไซด์ 2 จังหวะ การคมนาคมขนส่ง มีการใช้พลังงานน้ำมันสูงมาก การใช้เป็นไปอย่างไม่ประหยัดและขาดประสิทธิภาพ เนื่องด้วยโครงสร้างราคาระหว่างผลิตภัณฑ์น้ำมันประเภทเดียวกันถูกกำหนดให้แตกต่างกันมาก ความคับคั่งของการจราจรและอุตสาหกรรมการ ขนส่งทางถนนและรถบรรทุกสินค้าที่แข่งขันกันอย่างสิ้นเปลืองมาก เมื่อเทียบต้นทุนต่อหน่วยแล้ว ส่วนการใช้พลังงานในสาขาอุตสาหกรรมนั้นยังใช้กรรมวิธีการผลิตและเครื่องจักรอุปกรณ์ที่มีอายุการใช้งานมาก ทำให้การใช้พลังงานเกิดการสูญเสียเปล่าประโยชน์อยู่อีกมาก นอกจากนั้น การใช้พลังงานส่วนมากอยู่ในเขตเมืองใหญ่ๆ โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร ซึ่งใช้ไฟฟ้ามากกว่าภูมิภาค 10 เท่าตัว และใช้น้ำมันมากกว่าถึง 6 เท่าตัว การใช้พลังงานในชนบทยังนับว่าอยู่ในขอบเขตจำกัดมาก ตัวอย่าง เช่น สาขาเกษตร ใช้พลังงานร้อยละ 8 ของการใช้พลังงานทั้งหมดของประเทศ และในปี 2523 จากหมู่บ้านจำนวน 51,211 แห่ง มีหมู่บ้านเพียง 18,511 แห่ง หรือ ร้อยละ 36 เท่านั้น ที่มีไฟฟ้าใช้ ฉะนั้นจึงเกิดประเด็นช่องว่างแลความไม่สมดุลของการใช้พลังงานระหว่างสาขาการผลิตและระหว่างชนบทกับเมือง รถยนต์ไฟฟ้า ถือว่าเป็นรถที่เริ่มเป็นที่นิยมในปัจจุบัน หลายคนเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพราะประหยัดค่าน้ำมัน แล้วก็ยังตามเทรนด์ด้วยการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย แต่รถยนต์ไฟฟ้าคันหนึ่งก็ไม่ใช่ราคาถูกๆ หากคิดจะเลือกรถยนต์ไฟฟ้าก็ต้องรู้ทั้งข้อดีข้อเสีย ซึ่งข้อดีเราก็รู้มามากมายแล้ว วันนี้ Chobrod จะพาไปดูข้อเสียกันก่อนตัดสินใจ 5 ข้อเสียรถยนต์ไฟฟ้า ที่หลายคนคิดไม่ถึง!!! ตอนนี้เทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าถือว่ากำลังมาแรงอย่างมาก เพราะเป็นรถยนต์ทางเลือกให้กับหลายๆคนที่อยากประหยัดเงินค่าน้ำมันในกระเป๋า ด้วยการเดินทางในเมืองที่มีสถาพรถติด การเลือกรถยนต์ไฟฟ้าก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยให้ประหยัดพลังงาน อีกทั้งสมรรถนะก็ดี มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่ความจริงแล้ว รถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) นั้น ก็มีข้อเสียเหมือนกัน เป็นข้อจำกัดที่หลายคนอาจยังไม่รู้ เราลองไปดูกันว่าข้อเสียข้อจำกัดของรถยนต์ไฟฟ้ามีอะไรบ้าง 1.ราคาแพงรถยนต์ไฟฟ้านั้นจัดอยู่ในประเภทรถยนต์ที่มีราคาสูงถึงสูงมาก เช่น Tesla Model S มีราคาสูงถึง 2.4 ล้านบาท ซึ่งราคานี้ยังไม่รวมภาษีนำเข้าหากนำมาขายในประเทศไทยราคาไม่ต่างจากรถยนต์หรู Mercedes-Benz หรือ BMW เลย หรือแม้แต่ Nissan Leaf ที่เป็นรถค่ายตลาดทั่วไปราคาเริ่มต้นในสหรัฐฯ ก็ยังสูงถึง 1 ล้านบาทเลยทีเดียว ด้วยราคาที่สูงของแบตเตอรี่ (Battery) ที่มีราคาประมาณ 50% ของตัวรถ EV เอง และ EV ก็ยังถือเป็นเทคโนโลยีใหม่อยู่ ยังไม่มีการผลิตเพื่อการค้าในปริมาณที่สูง จึงทำให้ราคายังสูงอยู่ รถยนต์ไฟฟ้าราคาค่อนข้างแพง ดูเพิ่มเติม ราคารถ benz 2.สถานีชาร์จไฟฟ้ายังไม่แพร่หลายเนื่องจากรถยนต์ไฟฟ้ายังไม่ค่อยมีให้เห็นในไทยมากนัก ไม่มีสถานีในการชาร์จพลังงานไฟฟ้าที่มากอย่างปั๊มน้ำมัน ทำให้การใช้รถในการเดินทางไกลนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะไม่สามารถชาร์ทไฟฟ้าระหว่างทางหรือที่จุดหมายปลายทางได้ สถานีชาร์จสามารถสร้างและใช้งานได้ทันทีก็จริง แต่ก็ต้องใช้งบประมาณในการสร้างที่ไม่เบาเช่นกัน ทำให้สถานีชาร์จไม่มากจะครอบคลุมตามจุดชาร์จต่างๆที่ลูกค้าเดินทางไปในแต่ละที่ สถานีชาร์จไฟฟ้ายังไม่แพร่หลาย 3.EV ใช้เวลาในการชาร์จนานรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะมีแบตเตอรี่ที่มีประจุไฟมากกว่ารถไฮบริดทั่วไปหลายเท่าตัว ดังนั้นต้องใช้เวลาชาร์จไฟเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่นรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด BMW X5 xDrive 40e พบว่า หากใช้ปลั๊กชาร์จไฟบ้านขนาด 220 โวลต์ทั่วไป ต้องใช้เวลาชาร์จนานถึง 3 ชั่วโมง 48 นาที จนกว่าแบตเตอรี่จะเต็ม ซึ่งตัวรถจะสามารถวิ่งด้วยไฟฟ้าได้เป็นระยะทางราว 30 กิโลเมตร ในปัจจุบันนี้มีการเพิ่มอีกทางเลือกให้กับผู้ใช้รถ EV นั่นก็คือการชาร์จแบตเร็ว หรือ Fast Charging ที่ใช้เวลาชาร์จเพียง 4-10 นาที ในอนาคตอาจได้เห็นการชาร์จไร้สาย การสลับแบต การชาร์จขณะขับรถ EV ใช้เวลาในการชาร์จนาน ดูเพิ่มเติม 4.ระยะทางวิ่งจำกัดรถไฟฟ้ามีให้เลือกหลายรุ่นหลายแบบหลายราคาก็จริง แต่ใช่ว่ารถนี้จะเป็นรถที่คนทั่วไปหาซื้อได้ง่าย อย่าง Tesla Model S ที่ใช้ว่าใครๆจะสามารถเป็นเจ้าของได้ ด้วยราคา ขนาดราคาย่อมเยาอย่าง Nissan Leaf ก็ยังมีระยะทางการขับขี่เพียง 250 กิโลเมตร หรือจะเป็นรถ Chevrolet Bolt EV ที่วิ่งระยะทางแค่ราว 320 กิโลเมตร หรือไปกรุงเทพพัทยา ได้แต่ก็แบบฉิวเฉียด ระยะทางวิ่งจำกัด 5.อันตรายจากไฟฟ้าและแบตเตอรี่เนื่องจากรถ EV ไฟฟ้าที่มี Voltage สูงกว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เราใช้ แม้จะมีมาตรฐานที่เข้มงวดในการควบคุมมากกว่าอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ แต่ก็สามารถเกิดอุบัติเหตุได้ ส่วนแบตเตอรี่ที่อยู่ในรถส่วนมากจะใช้ Lithium Ion Battery เพราะด้วยความจุมาก สมรรถนะที่ดี การใช้งานที่นาน แต่แบตเตอรี่ชนิดนี้ สามารถระเบืดได้ง่าย หากไม่มีการควบคุมที่ดี นอกจากนี้หากเกิดอุบัติเหตุรถชน แบตเตอรี่อาจเกิดการกระทบกระเทือนทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้ อันตรายจากไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ที่ว่ามานี้เป็นข้อเสียที่เห็นได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้า EV ยังคงมีข้อเสียอยู่ อาจไม่คุ้มกับรถราคาอย่างนี้ แม้ว่าจะเป็นรถยนต์ที่มีนวัตกรรมที่ดีต่อโลกและสภาพแวดล้อม และปัจจุบันนี้ก็มีผลักดันให้ใช้กันมากมาย แต่ว่าก็ยังมีข้อเสียที่เรายังต้องพัฒนาและศึกษาอีกมาก และคงจะไม่ได้เป็นรถยอดนิยมเร็วๆ นี้ หากใครอยากรู้เรื่องราวสาระดีๆ ก็สามารถติดตามได้ที่ Chobrod.com หรือใครอยากได้รถมือสองก็มีให้เช่นกัน เข้าไปดูได้เลย ดูเพิ่มเติม ติดตามข่าวสารรถยนต์ เชิญที่นี่ |