เหรียญ ค ริ ป โต ที่น่า ลงทุน วันนี้

ในยุคที่เงินเฟ้อแบบนี้ หลายคนเริ่มมองหาช่องทางในการออมเงินใหม่ๆ ที่นอกเหนือจากการฝากเงินในธนาคาร ซึ่งนอกจากหุ้นแล้ว คริปโต ก็ได้ก้าวเข้ามาเป็นตัวเลือกใหม่ สำหรับคนที่กำลังหาทางเอาชนะภาวะเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นแทบจะทั่วโลกในขณะนี้

คริปโต คือ

คริปโต หรือ คริปโตเคอเรนซี เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลประเภทหนึ่ง สามารถใช้ซื้อขาย แลกเปลี่ยนและสะสมได้บนเว็บเทรดคริปโต เสมือนเงินจริง โดยมี Bitcoin (บิทคอยน์) เป็นสกุลเงินคริปโตแรกที่เกิดขึ้นบนโลก ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด และมีมูลค่าสูงที่สุดในตลาด เพราะถูกสร้างขึ้นมาให้มีจำกัดเพียง 21 ล้านเหรียญเท่านั้น เพื่อป้องกันภาวะเงินเฟ้อ นอกเหนือจากบิทคอยน์แล้ว ก็ยังมีสกุลเงินอื่นอีกเป็นจำนวนมาก โดยสกุลอื่นๆ เหล่านี้เรียกรวมกันว่า อัลท์คอยน์ (Altcoin ย่อมาจาก Alternative Coin) เป็นสกุลเงินทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง หรือเก็งกำไรในเหรียญสกุลอื่นที่นอกเหนือจากบิตคอยน์ เหรียญอัลท์คอยน์ที่ได้รับความนิยมในปัจจุบัน เช่น Ethereum (ETH), Tether (USDT), Dogecoin (DOGE) รวมถึง Kub Coin (KUB) ของไทยด้วยเช่นกัน

สำหรับคนที่กำลังสนใจจะเข้ามาเล่นในตลาดคริปโตเคอเรนซี แต่ไม่ถนัดที่จะมานั่งจ้องจอคอมหรือมือถือตลอดเวลาเพื่อเก็งกำไรระยะสั้น แต่ละแพลตฟอร์มหรือเว็บเทรดคริปโต (Crypto Exchange) เองก็มีทางเลือก ให้กับคนกลุ่มนี้เช่นเดียวกัน เหมาะกับสายถือยาว ที่ไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาดูความเคลื่อนไหวบ่อยๆ แต่ต้องการสร้างรายได้แบบ Passive Income ซึ่งวันนี้เราจะพาไปดูวิธีการออมเงิน ด้วยคริปโต จาก 3 เว็บเทรดคริปโตเจ้าดังที่คนไทยใช้เยอะที่สุด อย่าง Binance, Bitkub และ Zipmex เพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุน เพื่อเอาชนะเงินเฟ้อในระยะยาว เหมือนดั่งเช่นการลงทุนอสังหาฯ

BINANCE (ไบแนนซ์)  

เว็บเทรดคริปโตที่เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบการลงทุน แบบได้รับผลตอบแทนที่หลากหลาย

ภายใต้คอนเซ็ปต์ Don't just HODL your crypto. Grow it. ฟังก์ชัน Binance Earn มีทางเลือกให้ลงทุนหลากหลาย รูปแบบด้วยกัน ได้แก่

ประกอบด้วย

จะเหมือนกับการฝากเงินเข้าธนาคารแบบออมทรัพย์แล้วได้ดอกเบี้ย จุดเด่นอยู่ที่เราสามารถฝาก-โอน-ได้ตลอดเวลา แต่อาจจะได้ดอกเบี้ยน้อยกว่าแบบอื่น

เป็นการออมคริปโตแบบระยะยาวตามที่กำหนด คือ 7 วัน 14 วัน 30 วัน และ 90 วัน ขึ้นอยู่กับแต่ละเหรียญ ซึ่งระยะเวลาที่ต่างกันจะได้รับกำไรที่ไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่ยิ่งนานก็ยิ่งได้รับดอกเบี้ยสูงตามไปด้วยการออมแบบนี้เปรียบได้กับการฝากประจำของธนาคาร

ประกอบด้วย

เป็นการนำทุนเข้าไปสนับสนุนการทำ Proof of Stake (POS) ให้กับเครือข่ายบล็อคเชน (สนับสนุนด้านความปลอดภัยและการทำงานของเครือข่ายบล็อคเชน) วิธีออมคล้ายกับการทำ Locked Savings ที่ต้องนำเหรียญไปล็อคบนเว็บเทรดคริปโตเป็นช่วงเวลาหนึ่ง 30, 60 และ 90 วัน ไม่สามารถถอน หรือซื้อขายได้ตลอดระยะเวลาที่ล็อค เพื่อแลกกับผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูง

เป็นฟีเจอร์ที่ Binance ช่วยให้เราสามารถเข้าร่วมโครงการ Defi Mining ผ่าน Smart contract ต่างๆ ที่ปกติมีความยุ่งยากซับซ้อน ได้ง่ายขึ้น ในคลิกเดียว ซึ่งโครงการ DeFi ในปัจจุบันมีเป้าหมายที่จะเพิ่มรายได้รายปี ที่สูงขึ้นสำหรับบางสกุลเงินโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามถึง DeFi Staking จะเป็นโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูง แต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นเดียวกัน ซึ่ง Binance มีหน้าที่นำเสนอโครงการต่างๆ และให้บริการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น แต่จะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียใดๆ ที่เป็นผลมาจากปัญหาด้านความปลอดภัยของของโครงการ

สำหรับวิธีการลงทุน DeFi Staking จะคล้ายๆ กับ Locked Staking ที่ต้องนำเหรียญไปล็อกเป็นช่วงเวลาหนึ่งและรับอัตราดอกเบี้ยตามที่แต่ละเหรียญกำหนดไว้

เป็นโปรเจกต์ที่ Binance นำเอาเหรียญ BNB ของเราเข้าไปฝากในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อย่าง Launchpool, Saving, DeFi Staking เพื่อเป็นการเพิ่มสภาพคล่องให้ตลาด โดยเราจะได้รางวัลตอบแทนเป็นเหรียญอื่นๆ ซึ่งรางวัลเหล่านั้นจะมาจากการรวบรวมกำไรจากผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยเราจะได้รางวัลในวันถัดไปนับจากวันที่ออม ข้อดีคือไม่ต้องนำเอา BNB ไปบริหารจัดการเอง และสามารถถอนออกมาได้ทุกเวลาตามต้องการ

เหมือนเป็นการลงทุน Future ประเภทหนึ่ง เป็นการแทงราคาว่า เมื่อถึงครบวันที่กำหนด ราคาเหรียญที่เราแทง (Settlement Price) จะไปถึงราคาที่เดิมพัน (Strike price) หรือไม่ ถ้าไปถึงไม่เกินก็ได้ดอกเบี้ยตาม APY (Annual Percentage Yield: การคำนวณผลตอบแทนโดยเอาดอกเบี้ยมาทบต้น) ตามระยะเวลาที่ล็อกไว้ เช่น 7 วัน หรือ 30 วัน แต่ถ้าเกินก็ได้ดอกเบี้ยเหมือนกัน แต่จะได้น้อยกว่า ซึ่งบางทีการถือแบบปกติจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

Dual Investment ถือเป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงมาก สูงกว่าการเอาไป Stake แบบปกติ แต่ก็แลกมากับความเสี่ยงสูงมากเช่นเดียวกัน ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุน

เป็นโปรเจกต์ที่ใช้หลักการของ Defi หรือ Decentralized Finance ระบบการเงินแบบไร้ศูนย์กลาง ที่จะตัดตัวกลางในการทำธุรกรรมต่างๆ ออกไป เพื่อให้ค่าธรรมเนียมต่ำลง แต่ยังคงความปลอดภัยภายใต้ระบบ Blockchain ที่มาพร้อมสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) ที่กำหนดให้คู่สัญญาต้องปฏิบัติตาม ทำให้โกงกันได้ยาก

โดย Liquidity Farming ทาง Binance จะให้นักลงทุน นำคู่เหรียญมาฝากเพื่อเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกรรมของการแลกเปลี่ยนเหรียญบน Binance ซึ่งเราจะต้องมีเหรียญทั้ง 2 ตัว แล้วนำไปจับคู่กันตามที่ Binance กำหนด ซึ่งโปรแกรมจะคำนวณให้เองว่าควรฝากเท่าไหร่ ผลตอบแทนที่เราได้จะมาจากการที่มีคนมา Swap คู่เหรียญนั้นๆ เราจะได้ส่วนแบ่งค่าธรรมเนียมมาเป็นผลตอบแทน

DCA (Dollar Cost Average) โดย Feature นี้จะทำการตัดเงินในบัญชี Spot อัตโนมัติ ตามวัน เวลา ที่เราตั้งไว้ และนำไปซื้อเหรียญให้เราเก็บไว้ใน Wallet เหมาะกับนักลงทุนมือใหม่ และนักลงทุนที่ไม่ต้องการความเสี่ยงสูง

Bitkub

เว็บเทรดคริปโตที่เหมาะกับนักลงทุนที่ถูกใจกับการได้รับโบนัส 2 รูปแบบ KBTC และ KUSDT

สำหรับคนที่ใช้งาน Bitkub (บิทคับ) เว็บเทรดคริปโตชั้นนำของไทย ที่ได้รับการรับรองจาก กลต. และอยากที่จะออมเหรียญไว้เป็น Passive Income ทาง Bitkub ก็เปิดให้คุณได้เข้าไปล็อกเหรียญ Bitkub Coin (KUB) ได้แบบง่ายๆ ตามระยะเวลาที่กำหนด ผ่านทางแอปพลิเคชัน Bitkub NEXT โดยจะมีระยะเวลาให้เลือก ได้แก่ 30, 90, 120, 365 วัน

ซึ่งแต่ระยะเวลาจะได้รับโบนัสในเปอร์เซ็นต์ที่ต่างกันออกไป ซึ่งเลือกรับโบนัสได้ 2 รูปแบบคือ รับเป็น KBTC หรือรับเป็น KUSDT ตลอดระยะเวลาที่ล็อกเหรียญจะไม่สามารถถอนเหรียญ KUB ออกมาได้

ZIPMEX

เว็บเทรดคริปโตที่เหมาะกับนักลงทุนที่ชอบรับดอกเบี้ย เหมือนฝากประจำ

อีกหนึ่งเว็บเทรดคริปโตของไทย ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันก็คือ ZIPMEX ที่เปิดให้คุณเข้าไปออมเหรียญตามระยะเวลาที่กำหนด แล้วรับดอกเบี้ยมากกว่า 10% ต่อปี ผ่านฟีเจอร์ ZipLock ซึ่งเป็นบัญชีสำหรับล็อกเหรียญ ZMT (Zipmex Token) ที่เป็นเหรียญของทาง Zipmex เอง เป็นระยะเวลา 90 วัน ให้อารมณ์เหมือนการฝากประจำแบบ 3 เดือนของธนาคาร โดยเราจะได้รับดอกเบี้ยสูงถึง 16% ต่อปี ดอกเบี้ยก็จะถูกคิดรายวัน และทบต้นไปเรื่อยๆ เมื่อครบ 90 วัน จึงจะสามารถนำเงินในส่วนนี้พร้อมกับดอกเบี้ยออกไปใช้ได้

สรุปคริปโต

ไม่ว่าจะเลือกเว็บเทรดคริปโตที่ไหน หรือออมเหรียญใด ทั้งBitcoin (BTC), Ethereum (ETH) หรือ Altcoins อื่น ๆ ก็นับเป็นทางเลือกที่ดีในการรักษามูลค่าทรัพย์สินให้คงอยู่ในยุคเงินเฟ้อ เพราะมีให้เลือกออมหลากหลายรูปแบบ ให้ผลตอบแทนที่ดี ไม่จำเป็นต้องนั่งจ้องจอ เฝ้ากราฟก็ยังสามารถทำกำไรได้ และเป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยให้เราสามารถนำกำไร ดอกเบี้ย โบนัส ไปต่อยอดลงทุนในทรัพย์สินอื่น ๆ อย่างอสังหาริมทรัพย์ ที่มีหลายประเภทให้เลือกลงทุน ซึ่งได้รับผลตอบแทนน่าสนใจไม่แพ้กันได้อีกด้วย