การ ทำความ สะอาดหน้าจอโทรศัพท์

แต่ในช่วงที่เราต้องการสิ่งที่จะมาช่วยป้องกันเชื้อโรค คงหนีไม่พ้นที่จะต้องใช้แอลกอฮอล์ อีกหนึ่งทริคที่จะช่วยลดการทำลายสารเคลือบโทรศัพท์มือถือ ก็คือการติดฟิล์มที่หน้าจอมือถือค่ะ ยิ่งฟิล์มกระจกจะยิ่งดีมากๆ ส่วนการใส่เคสก็ช่วยนะคะ แทนที่เราจะสัมผัสกับตัวเครื่องเลย เราเช็ดจากเคสจะดีกว่ามากๆค่ะ เพราะอย่างไรแล้วเคสก็ช่วยป้องกันตัวเครื่องได้อีกชั้นหนึ่งแล้วค่ะ จากนั้นเราก็สามารถใช้แอลกอฮอล์เช็ดที่หน้าจอรวมถึงด้านข้าง และด้านหลังได้อย่างสบายใจแล้วค่ะ

เราใช้มือถือเป็นประจำจึงไม่น่าแปลกใจที่หน้าจอจะเต็มไปด้วยรอยนิ้วมือและคราบสกปรกต่างๆ ถ้าคุณอยากให้หน้าจอใช้งานไปนานๆ นี่คือ 9 สิ่งที่ไม่ควรนำมาช้ทำความสะอาดหน้าจอ

กระดาษทิชชู่: เรียกว่าน่าจะเป็นของที่หลายคนหยิบมาใช้เช็ดหน้าจอบ่อยสุด แต่ข้อเสียของกระดาษทิชชู่คือ ฉีกขาดได้ง่าย เมื่อจอเปียก กระดาษอาจจะขาด ก็จะทิ้งเศษเล็กเศษน้อยไว้บนหน้าจอได้

น้ำยาทำความสะอาดกระจก: เราอาจใช้น้ำยาทำความสะอาดกระจกเช็ดหน้าต่างหรือกระจกต่างๆได้ แต่ไม่เหมาะกับนำมาใช้ทำความสะอาดจอมือถือ เพราะมันจะทำอันตรายต่อสารเคลือบปกป้องหน้าจอให้ค่อยๆหลุดออกมา ส่งผลให้หน้าจอเป็นรอยได้ง่ายขึ้นเมื่อเจอการขีดข่วนต่างๆ

สารทำความสะอาดอื่นๆ: ทาง LeBeau แนะนำว่าสารป้องกันรอยขีดข่วนของจอมือถือนั้นไม่ได้ถูกปรับปรุงให้ใช้งานได้กับทุกน้ำยาทำความสะอาด ซึ่งจะทำให้ชั้นที่เคลือบปกป้องกระจกทำให้เป็นรอยด่างเพราะสารเคลือบหลุดออกมา รวมถึงประสิทธิภาพในการป้องกันการขีดข่วนก็จะลดลงด้วย ซึ่งในเว็บของ Apple แนะนำว่าไม่ควรใช้สารพวกนี้ทำความสะอาดจอมือถือ

น้ำยาล้างเครื่องสำอาง: บางคนเห็นจอมือถือสกปรกก็เอาน้ำยาล้างเครื่องสำอางมาเช็ด แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือวิธีที่ผิด เพราะมันมีสารเคมีที่ทำอัตรายต่อจออิเลคทรอนิกส์ ทาง LeBeau แนะนำว่าควรใช้ผ้านุ่มๆ ชุบน้ำหมาดๆเช็ดทำความสะอาดแทน

แอลกอฮอล์ : สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ๆจะมาพร้อมสารเคลือบหน้าจอเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน ซึ่งแอลกอฮอล์จะทำให้สารเหล่านี้ค่อยๆหลุดออกไป ทำให้จอเป็นรอยง่ายขึ้น

เป่าลมร้อน: หลายคนเวลาทำเครื่องตกน้ำหรือเผลอทำน้ำหกใส่ มักจะใช้ลมร้อนเพื่อป่าทำความสะอาดให้แห้งไวๆ แต่นั่นจะทำให้อุปกรณืเสียหายได้ โดยเฉพาะไมคโครโฟน

น้ำยาล้างจาน/น้ำยาล้างมือ: แม้น้ำยาเหล่านี้จะอ่อนโยนกว่าสารทำความสะอาดชนิดอื่นๆ แต่ก็ต้องใช้งานร่วมกับน้ำ ซึ่งถ้าเครื่องไม่กันน้ำก็มีโอกาสเข้าไปข้างในได้

น้ำส้มสายชู : ทาง Lifehacker เคยแนะนำว่าสามารถใช้น้ำส้มสายชูเจือจางทำความสะอาดมือถือได้ แต่ทาง Android Central บอกว่าเป็นวิธีที่ผิด เพราะมันจะไปทำลายสารที่เคลือบป้องกันไม่ให้รอยนิ้วมือเลอะหน้าจอได้

ทิชชู่เปียก: ปกติแล้วทิชชู่เปียกจะผสมแอลดอฮอล์มาด้วย ซึ่งมันจะทำอันตรายกับสารเคลือบหน้าจอป้องกันรอยนิ้วมือและไล่น้ำ

VIA Cnet

Tags: tip, ข่าวมือถือ, ทำความสะอาดมือถือ, มือถือ

Vote Up

Vote Down

Dailygizmo Gadget Master

" DailyGizmo.tv " เป็นบล็อกที่นำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฮเทค และแก็ดเจ็ตต่างๆตลอดจนเรื่องราวที่น่าสนใจบนอินเทอร์เน็ต เป็นประจำทุกวัน โดย ซี ฉัตรปวีณ์ ตรีชัชวาลวงศ์ พิธีกร และผู้ดำเนินรายการ 168 ชั่วโมง ช่อง 3 , WeeklyC3 ข่าวไอทีในเรื่องเด่นเย็นนี้เสาร์ อาทิตย์ และการรีวิวแก้ดเจ้ทแปลกใหม่ แอพพลิเคชั่น และเรื่องราวไฮเทคน่าสนใจผ่านบลอคนี้และ youtube.com/chatpawee ค่ะ เจอกันในSocial Network ในชื่อ @ceemeagain นะคะ

“หน้าจอสมาร์ตโฟน” เป็นสิ่งที่เราต้องสัมผัสอยู่บ่อยครั้ง จนอาจทำให้เกิดรอยนิ้วมือจำนวนมาก ยิ่งเมื่อเหงื่อออกในระหว่างที่เพลิดเพลินกับสมาร์ตโฟนอยู่ล่ะก็ รอยนิ้วมือจะยิ่งทวีความเลอะเทอะเปรอะเปื้อนกว่าเดิมเสียจนน่าหงุดหงิดเลยจริง ๆ ซึ่งในตอนที่เจ้าสมาร์ตโฟนของเราเปื้อนรอยนิ้วมือ รอยเหงื่อพวกนี้นี้แหละ ที่เราจะต้องจัดการกับมันให้เรียบร้อยซะ ไม่เช่นนั้นความเพลิดเพลินที่มีต่อสมาร์ตโฟนในมือจะสะดุดไปสุด ๆ เลย เพราะนอกจากรอยนิ้วมือจะเกะกะสายตายามมองหน้าจอแล้ว มันยังอาจทำให้การสัมผัสหน้าจอไม่เสถียรเท่าที่ควรอีกด้วย

ซึ่งการจะทำความสะอาดตัวหน้าจอนั้นก็เป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนน่าจะทำกันอยู่บ่อย ๆ อยู่แล้ว แต่พวกคุณรู้หรือเปล่า ว่าการทำความสะอาดโดยวิธีที่เคยชินนั้นมันเหมาะสมกับเจ้าสมาร์ตโฟนของพวกคุณแค่ไหน? จะมีผลกระทบอะไรตามมาหรือเปล่า?

เรามาพูดถึงเรื่องเหล่านี้กันดีกว่า

ก่อนอื่นเลย เราคงต้องบอกให้คุณผู้อ่านรู้เอาไว้ก่อน ว่าสมาร์ตโฟนในยุคนี้เกือบทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ มักจะมีสารเคลือบกันรอยติดเครื่องมาตั้งแต่ออกจากโรงงานอยู่แล้ว นั่นหมายความว่า แม้จะไม่ต้องพึ่งฟิล์มกันรอย สมาร์ตโฟนของพวกคุณก็จะสามารถกันรอยนิ้วมือได้ด้วยตัวเองอยู่แล้วนั่นเอง! แต่ว่าประสิทธิภาพของมันจะถอยร่นไปเรื่อย ๆ ในระยะเวลาอันสั้น คือประมาณ 1-2 ปีเท่านั้น ซึ่งนอกจากการเสื่อมสภาพของสารเคลือบหน้าจอตามธรรมชาติการใช้งานของเราแล้ว มันยังสามารถเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่น ๆ ได้อีก ได้แก่ การโดนสารบางอย่างทำลาย เช่น แอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้นสูง หรือแม้แต่น้ำยาเช็ดกระจกที่ผู้คนจำนวนหนึ่งนำมาใช้เช็ดทำความสะอาดจอเองก็สามารถเร่งการเสื่อมสภาพของสารเคลือบหน้าจอได้เช่นกัน

สำหรับคำอธิบายเกี่ยวกับสิ่งที่สามารถใช้กับจอที่มีสารเคลือบกันรอยนั้น เราสามารถเห็นได้จากทาง Apple เจ้าของสมาร์ตโฟนตระกูล iOS ซึ่งเป็นการให้ข้อมูลไว้ในเว็บไซต์ของบริษัท โดยเราจะขอยกมาอ้างอิงเล็กน้อย ดังข้อความเบื้องล่างนี้

คุณสามารถใช้แผ่นไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์ 70%, แผ่นเอทิลแอลกอฮอล์ 75% หรือแผ่นฆ่าเชื้อโรคคลอร็อกซ์เช็ดเบา ๆ บนพื้นผิวด้านนอกของ iPhone ได้ ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารฟอกขาวหรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ หลีกเลี่ยงไม่ให้ความชื้นเข้าไปในช่องเปิดต่างๆ และห้ามแช่ iPhone ของคุณในสารทำความสะอาด

จะเห็นได้ว่ามีสิ่งที่ถูกห้ามไว้อย่างชัดเจน ซึ่งก็คือ “สารฟอกขาวหรือไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์“ นั่นเอง (และคำแนะนำที่พบได้ในเว็บทั่วไปคือห้ามใช้น้ำยาเช็ดกระจกในบ้านไปเช็ดหน้าจอด้วย) ส่วน “แอลกอฮอล์” นั้นยังเป็นสิ่งที่ทาง Apple กล่าวว่าเราสามารถนำมาเช็ดหน้าจอสมาร์ตโฟนได้

แต่คุณผู้อ่านบางคนอาจจะเคยได้ยินมาว่า ไม่ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดหน้าจอสมาร์ตโฟน…

ถ้างั้นสรุปแล้วแอลกอฮอล์ใช้เช็ดหน้าจอสมาร์ตโฟนได้ไหม?

เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน อ้างอิงจากข้อมูลที่ทาง Apple ให้ไว้ หากเป็นแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70-75 เปอร์เซ็นต์จะสามารถใช้ได้ ซึ่งแอลกอฮอล์ 70-75 เปอร์เซ็นต์นั้น ก็หมายถึง แอลกอฮอล์สีฟ้าที่หาซื้อได้ตามท้องตลาดทั่วไปนั่นเอง โดยนอกจากทาง Apple แล้ว จะยังมีบทความอื่น ๆ ที่แนะนำให้ใช้แอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70-75 เปอร์เซ็นต์ในการทำความสะอาดหน้าจอด้วย

แอลกอฮอล์ความเข้มข้น 70% ในท้องตลาดทั่วไป

อย่างไรก็ตาม นี้เป็นเพียงการอธิบายจากแอปเปิ้ลเท่านั้น เราก็ยังคงไม่รู้ว่าประสิทธิภาพสารเคลือบหน้าจอของสมาร์ตโฟนแต่ละเจ้านั้นแตกต่างกันอย่างไรบ้างอยู่ดี ก็คาดว่าหน้าจอของอุปกรณ์ไฮเทคส่วนใหญ่ก็สามารถใช้แอลกอฮอล์ความเข้มข้นไม่เกิน 75% ทำความสะอาดได้ ยกเว้นจอบางแบบที่มีคำเตือนเฉพาะ ซึ่งเราก็เห็นบทความในเว็บเมื่อหลายปีก่อน ว่าห้ามเอาแอลกอฮอล์ไปเช็ดจออยู่นะ ซึ่งคาดว่าเป็นหน้าจอนิ่มๆ แบบจอโน้ตบุ๊กที่ไม่มีกระจกปิดทับที่ห้ามเอาแอลกอฮอล์ไปเช็ด

ดังนั้นแม้ว่าการใช้แอลกอฮอล์เช็ดจอในยุคนี้ ผู้ผลิตหลายรายจะยืนยันแล้วว่าปลอดภัย แต่หากเป็นจอที่เราไม่แน่ใจ ก็ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดหน้าจอโดยเฉพาะ จะดีที่สุด พร้อมด้วยการใช้ผ้าที่ไม่เป็นขุย ไม่แข็งเกินไป