MOBILE Show
โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)✅ บทความนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว KEY POINTS:
Table of
Contents โรคชิคุนกุนยาคืออะไร?โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya) หรือโรคไข้ปวดข้อยุงลาย คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาซึ่งมีพาหะเป็นยุงลาย ซึ่งยุงลายชนิดนี้เป็นพาหะชนิดที่ทำให้ติดโรคไข้เลือดออกได้เช่นเดียวกัน ไวรัสชิคุนกุนยาจะพบได้ในพาหะทั้งยุงลายสวนและยุงลายบ้าน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก แต่ไข้ชิคุนกุนยาจะมีอาการไข้สูงกว่า บางรายอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียสได้ แต่โดยทั่วไปผู้ป่วยจะไม่มีอาการที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากไข้ Chikungunya ไม่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการช็อกเหมือนกับอันตรายจากไข้เลือดออก แต่ชิคุนกุนยาจะมีอาการเด่นคือการปวดตามข้อ บางรายมีอาการยาวนานหลายเดือน ทำให้บางครั้งเรียกว่าโรคไข้ปวดข้อยุงลายนั่นเอง โรคชิคุนกุนยามีกี่ระยะ?
ชิคุนกุนยากับไข้เลือดออกแตกต่างกันอย่างไร?โรคชิคุนกุนยาจะมีข้อแตกต่างจากไข้เลือดออก ดังนี้
สาเหตุของโรคชิคุนกุนยาเกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya Virus) ที่มียุงลายเป็นพาหะ นำเอาเชื้อไวรัสจากเลือดของผู้ป่วยที่มีไข้สูงอยู่ในระยะแพร่เชื้อ มาเข้าสู่บุคคลอื่นโดยการกัดและปล่อยเชื้อไวรัสผ่านน้ำลายของยุง อาการของโรคชิคุนกุนยาโรคชิคุนกุนยาในเด็กผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคชิคุนกุนยาพบว่า นอกจากจะมีอาการทางผิวหนัง เช่น ผื่นแดง ผื่นนูนขึ้นตามร่างกาย แล้วมักมีตุ่มน้ำใสบนผิวหนังร่วมด้วย อาการตุ่มน้ำใสจะพบในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่ ส่วนอาการปวดตามข้อในเด็กก็จะไม่รุนแรงเท่าผู้ใหญ่ นอกจากนี้ในกลุ่มผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคชิคุนกุนยาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับตับ ไต และหัวใจได้ โรคชิคุนกุนยาในผู้ใหญ่โดยทั่วไปอาการปวดข้อจะพบในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 45 ปี ที่มีอาการปวดข้อเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งการได้รับเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาจะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นจนมีภาวะข้ออักเสบเรื้อรังได้ โรคชิกุนคุนย่าในคุณแม่ตั้งครรภ์พบว่าในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นผู้ป่วยชิคุนกุนยา จะมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสจากแม่ไปยังลูกในท้องได้ แต่ไม่ได้ส่งผลอันตรายถึงขั้นทำให้เกิดการแท้งหรือการคลอดก่อนกำหนด แต่ทำให้ทารกติดเชื้อและมีอาการของโรคได้หลังจากคลอดประมาณ 3-7 วัน ซึ่งอาการที่จะเกิดขึ้นกับทารกคือทำให้ทารกมีอาการแขนขาบวม มีผื่น กระสับกระส่ายและดูดนมได้น้อยลง อาการที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องไปพบแพทย์หากพบว่ามีอาการไข้ขึ้นสูงเฉียบพลัน อ่อนเพลีย มีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว และมีผื่นขึ้น รวมถึงอยู่ในที่ที่มียุงลายเยอะ ให้ไปพบแพทย์ทันที เพื่อวินิจฉัยแยกโรคโดยแพทย์จะซักประวัติและตรวจอาการเพื่อแยกออกจากโรคไข้เลือดออก โรคไข้มาลาเรีย หรือโรครูมาตอยด์
การรักษาโรคชิคุนกุนยาในระยะแรกเมื่อผู้ป่วยไปพบแพทย์อาการอาจจะใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก ทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ต้องได้รับการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อไวรัสโดยละเอียด จากนั้นจะเป็นการรักษาตามอาการของโรคที่เกิดขึ้น เช่น การให้น้ำเกลือ การให้ยาบรรเทาอาการปวดข้อ การให้ยาลดไข้ แต่ผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยา ห้ามใช้ยาแอสไพรินในการลดไข้ เนื่องจากจะทำให้เลือดออกง่ายมากขึ้น รวมถึงการรักษาด้วยการดูแลผู้ป่วยตามอาการ เช่น ใช้การเช็ดตัวเพื่อลดไข้ การดื่มน้ำเพื่อลดการขาดน้ำ การลดอาการปวดข้อ การพักผ่อนให้เพียงพอร่วมด้วย ยารักษาโรคชิคุนกุนยาปัจจุบันโรคชิคุนกุนยายังไม่มียารักษา แต่จะใช้ยาเพื่อรักษาตามอาการอย่างยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ เพราะในช่วงแรกจะแยกโรคนี้ออกจากไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ได้ยาก และถ้าหากไม่ได้เป็นสองโรคดังกล่าว ผู้ป่วยก็จะได้รับการตรวจเลือดต่อไป เพื่อหาเชื้อไวรัสว่าส่งผลต่อการเป็นโรคชิคุนกุนยาหรือไม่
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคชิคุนกุนยาDo
Don’tสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือการกินยาแอสไพริน หรือยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่เสตียรอยด์ (กลุ่ม NSAIDs) เพราะจะทำให้เลือดออกมากขึ้นได้ รวมถึงป้องกันไม่ให้ยุงกัดในช่วงแรกที่รับเชื้อ เพราะอาจเป็นการแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่น การป้องกันโรคชิคุนกุนยาควรเก็บพื้นที่บริเวณบ้านหรือพื้นที่พักอาศัยอื่นๆ ให้ปลอดโปร่ง ไม่รกหรือมีกองขยะสะสม เพราะการเก็บพื้นที่ให้สะอาดปลอดโปร่งจะช่วยให้ไม่มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่เป็นพาหะของโรคชิคุนกุนยา
คำถามเกี่ยวกับโรคชิคุนกุนยา1. โรคชิคุนกุนยาอันตรายไหม?โรคชิคุนกุนยาไม่เป็นอันตรายกับผู้ป่วยจนถึงแก่ชีวิต แต่จะสร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยในระยะยาวมากกว่า โดยเฉพาะอาการปวดข้อ ที่บางรายใช้เวลานานกว่าจะหาย โรคชิคุนกุนยาอันตรายน้อยกว่าโรคไข้เลือดออก เพราะไม่ทำให้ผู้ป่วยช็อกจนเกิดภาวะวิกฤติเหมือนไข้เลือดออกถึงแม้จะมีไข้สูงก็ตาม เนื่องจากไม่ทำให้ผู้ป่วยมีเกล็ดเลือดต่ำ และไม่ทำให้พลาสมารั่วออกนอกเส้นเลือดจนทำให้ความดันโลหิตต่ำจนเป็นสาเหตุของการช็อก 2. โรคชิคุนกุนยาติดต่อไหม?นอกจากโรคชิคุนกุนยาจะติดต่อผ่านทางยุงลายที่เป็นพาหะของโรค โดยการนำเอาเชื้อไวรัสนี้แพร่ไปยังคนอื่นโดยการกัดแล้ว พบว่าไวรัสนี้ยังสามารถแพร่จากแม่ที่มีเชื้อไวรัสนี้ไปยังทารกแรกคลอด และจากการให้เลือดที่มีไวรัสได้เช่นกัน 3. เป็นโรคชิคุนกุนยาปวดข้อนานไหม?ไวรัสทำให้อาการปวดมากขึ้น บางคนสามารถมีอาการปวดข้อเรื้อรังได้นานถึง 3 เดือนหรือยาวนานกว่านั้น ทำให้เกิดความรำคาญได้ อาการปวดข้อจะขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละคน บางคนมีอาการปวดข้ออยู่แล้ว เช่น ในผู้ป่วยที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยบางรายที่มีอายุมากกว่า 45 ปี เกิดอาการข้ออักเสบเรื้อรังได้ บางรายใช้เวลาในการรักษาอาการปวดข้อนานร่วมเดือน บางรายอาจใช้เวลาเป็นปีในการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการในแต่ละบุคคล ทำให้ผู้ป่วยต้องทรมานจากอาการเหล่านี้ได้ 4. ผื่นชิคุนกุนยาคันไหม?ผื่นบริเวณลำตัว แขน ขา ที่เกิดจากโรคชิคุนกุนยามักไม่มีอาการคันร่วมด้วย แต่อาจเกิดขึ้นได้ในบางราย โดยผื่นเหล่านี้จะลอกออกได้เองใน 7-10 วัน หรืออาจจะมีผื่นบริเวณกระพุ้งแก้มหรือเพดานปากได้ด้วย ✅ ตรวจสอบข้อมูลโดย แหล่งข้อมูล โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya)✅ บทความนี้ได้รับการตรวจสอบแล้ว KEY POINTS:
Table of
Contents โรคชิคุนกุนยาคืออะไร?โรคชิคุนกุนยา (Chikungunya) หรือโรคไข้ปวดข้อยุงลาย คือโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาซึ่งมีพาหะเป็นยุงลาย ซึ่งยุงลายชนิดนี้เป็นพาหะชนิดที่ทำให้ติดโรคไข้เลือดออกได้เช่นเดียวกัน ไวรัสชิคุนกุนยาจะพบได้ในพาหะทั้งยุงลายสวนและยุงลายบ้าน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูงเช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก แต่ไข้ชิคุนกุนยาจะมีอาการไข้สูงกว่า บางรายอาจสูงถึง 40 องศาเซลเซียสได้ แต่โดยทั่วไปผู้ป่วยจะไม่มีอาการที่เป็นอันตรายถึงชีวิต เนื่องจากไข้ Chikungunya ไม่ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการช็อกเหมือนกับอันตรายจากไข้เลือดออก แต่ชิคุนกุนยาจะมีอาการเด่นคือการปวดตามข้อ บางรายมีอาการยาวนานหลายเดือน ทำให้บางครั้งเรียกว่าโรคไข้ปวดข้อยุงลายนั่นเอง โรคชิคุนกุนยามีกี่ระยะ?
ชิคุนกุนยากับไข้เลือดออกแตกต่างกันอย่างไร?โรคชิคุนกุนยาจะมีข้อแตกต่างจากไข้เลือดออก ดังนี้
สาเหตุของโรคชิคุนกุนยาเกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา (Chikungunya Virus) ที่มียุงลายเป็นพาหะ นำเอาเชื้อไวรัสจากเลือดของผู้ป่วยที่มีไข้สูงอยู่ในระยะแพร่เชื้อ มาเข้าสู่บุคคลอื่นโดยการกัดและปล่อยเชื้อไวรัสผ่านน้ำลายของยุง อาการของโรคชิคุนกุนยาโรคชิคุนกุนยาในเด็กผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคชิคุนกุนยาพบว่า นอกจากจะมีอาการทางผิวหนัง เช่น ผื่นแดง ผื่นนูนขึ้นตามร่างกาย แล้วมักมีตุ่มน้ำใสบนผิวหนังร่วมด้วย อาการตุ่มน้ำใสจะพบในเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่ ส่วนอาการปวดตามข้อในเด็กก็จะไม่รุนแรงเท่าผู้ใหญ่ นอกจากนี้ในกลุ่มผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคชิคุนกุนยาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวกับตับ ไต และหัวใจได้ โรคชิคุนกุนยาในผู้ใหญ่โดยทั่วไปอาการปวดข้อจะพบในผู้ใหญ่มากกว่าในเด็ก โดยเฉพาะกับผู้สูงอายุหรือผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 45 ปี ที่มีอาการปวดข้อเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งการได้รับเชื้อไวรัสชิคุนกุนยาจะทำให้อาการรุนแรงมากขึ้นจนมีภาวะข้ออักเสบเรื้อรังได้ โรคชิกุนคุนย่าในคุณแม่ตั้งครรภ์พบว่าในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นผู้ป่วยชิคุนกุนยา จะมีการแพร่กระจายของเชื้อไวรัสจากแม่ไปยังลูกในท้องได้ แต่ไม่ได้ส่งผลอันตรายถึงขั้นทำให้เกิดการแท้งหรือการคลอดก่อนกำหนด แต่ทำให้ทารกติดเชื้อและมีอาการของโรคได้หลังจากคลอดประมาณ 3-7 วัน ซึ่งอาการที่จะเกิดขึ้นกับทารกคือทำให้ทารกมีอาการแขนขาบวม มีผื่น กระสับกระส่ายและดูดนมได้น้อยลง อาการที่บ่งบอกว่าถึงเวลาต้องไปพบแพทย์หากพบว่ามีอาการไข้ขึ้นสูงเฉียบพลัน อ่อนเพลีย มีอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว และมีผื่นขึ้น รวมถึงอยู่ในที่ที่มียุงลายเยอะ ให้ไปพบแพทย์ทันที เพื่อวินิจฉัยแยกโรคโดยแพทย์จะซักประวัติและตรวจอาการเพื่อแยกออกจากโรคไข้เลือดออก โรคไข้มาลาเรีย หรือโรครูมาตอยด์
การรักษาโรคชิคุนกุนยาในระยะแรกเมื่อผู้ป่วยไปพบแพทย์อาการอาจจะใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่และไข้เลือดออก ทำให้วินิจฉัยโรคได้ยาก ต้องได้รับการตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อไวรัสโดยละเอียด จากนั้นจะเป็นการรักษาตามอาการของโรคที่เกิดขึ้น เช่น การให้น้ำเกลือ การให้ยาบรรเทาอาการปวดข้อ การให้ยาลดไข้ แต่ผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยา ห้ามใช้ยาแอสไพรินในการลดไข้ เนื่องจากจะทำให้เลือดออกง่ายมากขึ้น รวมถึงการรักษาด้วยการดูแลผู้ป่วยตามอาการ เช่น ใช้การเช็ดตัวเพื่อลดไข้ การดื่มน้ำเพื่อลดการขาดน้ำ การลดอาการปวดข้อ การพักผ่อนให้เพียงพอร่วมด้วย ยารักษาโรคชิคุนกุนยาปัจจุบันโรคชิคุนกุนยายังไม่มียารักษา แต่จะใช้ยาเพื่อรักษาตามอาการอย่างยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้ เพราะในช่วงแรกจะแยกโรคนี้ออกจากไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ได้ยาก และถ้าหากไม่ได้เป็นสองโรคดังกล่าว ผู้ป่วยก็จะได้รับการตรวจเลือดต่อไป เพื่อหาเชื้อไวรัสว่าส่งผลต่อการเป็นโรคชิคุนกุนยาหรือไม่
ดูแลตัวเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคชิคุนกุนยาDo
Don’tสิ่งที่ห้ามทำเด็ดขาดคือการกินยาแอสไพริน หรือยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่เสตียรอยด์ (กลุ่ม NSAIDs) เพราะจะทำให้เลือดออกมากขึ้นได้ รวมถึงป้องกันไม่ให้ยุงกัดในช่วงแรกที่รับเชื้อ เพราะอาจเป็นการแพร่เชื้อไปให้ผู้อื่น การป้องกันโรคชิคุนกุนยาควรเก็บพื้นที่บริเวณบ้านหรือพื้นที่พักอาศัยอื่นๆ ให้ปลอดโปร่ง ไม่รกหรือมีกองขยะสะสม เพราะการเก็บพื้นที่ให้สะอาดปลอดโปร่งจะช่วยให้ไม่มีแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายที่เป็นพาหะของโรคชิคุนกุนยา
คำถามเกี่ยวกับโรคชิคุนกุนยา1. โรคชิคุนกุนยาอันตรายไหม?โรคชิคุนกุนยาไม่เป็นอันตรายกับผู้ป่วยจนถึงแก่ชีวิต แต่จะสร้างความทรมานให้กับผู้ป่วยในระยะยาวมากกว่า โดยเฉพาะอาการปวดข้อ ที่บางรายใช้เวลานานกว่าจะหาย โรคชิคุนกุนยาอันตรายน้อยกว่าโรคไข้เลือดออก เพราะไม่ทำให้ผู้ป่วยช็อกจนเกิดภาวะวิกฤติเหมือนไข้เลือดออกถึงแม้จะมีไข้สูงก็ตาม เนื่องจากไม่ทำให้ผู้ป่วยมีเกล็ดเลือดต่ำ และไม่ทำให้พลาสมารั่วออกนอกเส้นเลือดจนทำให้ความดันโลหิตต่ำจนเป็นสาเหตุของการช็อก 2. โรคชิคุนกุนยาติดต่อไหม?นอกจากโรคชิคุนกุนยาจะติดต่อผ่านทางยุงลายที่เป็นพาหะของโรค โดยการนำเอาเชื้อไวรัสนี้แพร่ไปยังคนอื่นโดยการกัดแล้ว พบว่าไวรัสนี้ยังสามารถแพร่จากแม่ที่มีเชื้อไวรัสนี้ไปยังทารกแรกคลอด และจากการให้เลือดที่มีไวรัสได้เช่นกัน 3. เป็นโรคชิคุนกุนยาปวดข้อนานไหม?ไวรัสทำให้อาการปวดมากขึ้น บางคนสามารถมีอาการปวดข้อเรื้อรังได้นานถึง 3 เดือนหรือยาวนานกว่านั้น ทำให้เกิดความรำคาญได้ อาการปวดข้อจะขึ้นกับผู้ป่วยแต่ละคน บางคนมีอาการปวดข้ออยู่แล้ว เช่น ในผู้ป่วยที่อยู่ในวัยผู้ใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยบางรายที่มีอายุมากกว่า 45 ปี เกิดอาการข้ออักเสบเรื้อรังได้ บางรายใช้เวลาในการรักษาอาการปวดข้อนานร่วมเดือน บางรายอาจใช้เวลาเป็นปีในการรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการในแต่ละบุคคล ทำให้ผู้ป่วยต้องทรมานจากอาการเหล่านี้ได้ 4. ผื่นชิคุนกุนยาคันไหม?ผื่นบริเวณลำตัว แขน ขา ที่เกิดจากโรคชิคุนกุนยามักไม่มีอาการคันร่วมด้วย แต่อาจเกิดขึ้นได้ในบางราย โดยผื่นเหล่านี้จะลอกออกได้เองใน 7-10 วัน หรืออาจจะมีผื่นบริเวณกระพุ้งแก้มหรือเพดานปากได้ด้วย ✅ ตรวจสอบข้อมูลโดย แหล่งข้อมูล |