บท ที่ 8 การส่งเสริมการตลาด

ความหมายของการสง่ เสริมการตลาด (The Meaning of promotion) การสง่ เสรมิ การตลาด (Promotion) ความพยายามทจ่ี ะทาให้ผรู้ ับ ขา่ วสารซงึ่ เปน็ ผบู้ ริโภค ได้ทราบข้อมูลเกยี่ วกบั ผลิตภัณฑห์ รือข้อมลู กจิ การ ของผ้ขู าย เพือ่ ทาให้ข่าวสารเกดิ ความรู้ ทศั นคติ และพฤติกรรมทเ่ี ป็นไปใน แนวทางทีต่ ้องการและจูงใจ ชกั ชวนใหย้ อมรบั แนวคิดผลติ ภัณฑ์ที่ได้เสนอไป

กระบวนการติดต่อสอ่ื สาร (The Communication Process) ผู้ส่งขา่ วสาร การใส่ ชอ่ งทาง การ ผูร้ บั หรือแหล่ง รหสั ข่าวสาร ถอดรหสั ขา่ วสาร ข่าวสาร (Message (Sources) (Encoding) Channel) (Decoding) (Receiver) สิง่ รบกวน (Noise) ที่อยู่ภายนอก การป้อนกลบั การตอบสนอง (Feedback) (Response)

กลยุทธก์ ารสง่ เสริมการตลาด (Promotion Strategy) กลยุทธ์การสง่ เสรมิ การตลาด ประกอบดว้ ย 3 กลยุทธ์ คอื 1. กลยุทธด์ ึง (Pull Strategy) เป็นการจัดกิจกรรมทางการตลาดโดยการโฆษณาและการสง่ เสริม การขาย เช่น การจดั แสดงสนิ คา้ การแลกซอ้ื การแจกของตัวอยา่ ง เปน็ ต้น ซง่ึ จะมุ่งสูผ่ ู้บรโิ ภคเป็นคนสดุ ทา้ ย เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความสนใจและตอ้ งการสินค้า

กลยทุ ธก์ ารส่งเสริมการตลาด (Promotion Strategy) 2. กลยุทธผ์ ลกั (Push Strategy) เป็นการผลกั สนิ ค้าของผู้ผลิตไปสคู่ นกลาง โดยอาศยั พนักงานขายให้ เปน็ ผผู้ ลกั ดนั สินคา้ ไปตามชอ่ งทางการจัดจาหน่าย เชน่ การให้เงินรางวลั พเิ ศษกบั พนกั งานขายทท่ี ายอดขายได้สูง การเล่ือนตาแหน่ง เป็นตน้

กลยทุ ธก์ ารสง่ เสรมิ การตลาด (Promotion Strategy) 3. กลยุทธผ์ สม (Push and Pull Strategy) เป็นการใชก้ ลยทุ ธ์ผลกั -ดึงรวมกนั คอื ใช้การส่งเสรมิ การขายทมี่ งุ่ สู่ ผูบ้ ริโภคร่วมกบั การส่งเสรมิ การขายทมี่ ่งุ สคู่ นกลางและพนักงานขาย เชน่ การประกวดจดั รา้ น คูปอง หรือสงิ่ จงู ใจอืน่ ๆ ผลกั ใหร้ า้ นคา้ ปลีกนาสนิ คา้ มา วางโชว์ และก็ใช้การชงิ โชค ของแถม เพอ่ื ดงึ ให้ลกู คา้ มาซอ้ื สนิ ค้าทีร่ า้ น

สว่ นประสมการส่งเสริมการตลาด (Promotion Mix) ส่วนประสมการส่งเสรมิ การตลาด มี 4 ประการ 1. การขายโดยการใช้บุคคล (Personal Selling) เป็นวธิ ีการสง่ เสริมการตลาดโดยการใชพ้ นักงานขาย ซ่งึ เป็นการสอ่ื สาร สองทาง ท่ีนาเสนอขา่ วสารให้กับกลุ่มเป้าหมาย และไดร้ ับขอ้ มลู ยอ้ นกลบั ไป พร้อมกนั สามารถทาให้เกดิ การส่ังซอื้ ไดท้ ันที

การขายโดยการใชบ้ ุคคล 1. ประเภทของพนกั งานขาย 1.1 พนักงานขายในงานขายปลกี (The Retail Salesperson) แบง่ เป็น 4 ประเภทคือ 1) พนกั งานขายในร้านหรอื พนกั งานขายประจาต้สู นิ ค้า (The In- store Salesperson) 2) พนกั งานขายสนิ ค้าเฉพาะอยา่ ง (The Specialty Salesperson) 3) พนักงานขายสนิ คา้ ตามบ้าน (House-to-House Salesperson) 4) พนักงานขายสนิ ค้าตามเสน้ ทาง (The Route Salesperson)

การขายโดยการใชบ้ คุ คล 1. ประเภทของพนักงานขาย 1.1 พนักงานขายในงานขายปลีก 1) พนักงานขายในรา้ นหรือพนักงานขายประจาต้สู ินคา้ (The In- store Salesperson)

การขายโดยการใช้บุคคล 1. ประเภทของพนกั งานขาย 1.1 พนักงานขายในงานขายปลีก 2) พนกั งานขายสินค้าเฉพาะอยา่ ง (The Specialty Salesperson)

การขายโดยการใช้บุคคล 1. ประเภทของพนกั งานขาย 1.1 พนักงานขายในงานขายปลีก 3) พนกั งานขายสินค้าตามบา้ น (House-to-House Salesperson)

การขายโดยการใช้บคุ คล 1. ประเภทของพนกั งานขาย 1.1 พนกั งานขายในงานขายปลกี 4) พนกั งานขายสินคา้ ตามเสน้ ทาง (The Route Salesperson)

การขายโดยการใช้บุคคล 1. ประเภทของพนักงานขาย 1.2 พนักงานขายในงานขายส่ง (The Wholesale Salesperson) แบ่งออก 3 ประเภท 1) พนกั งานขายแนะนาสินคา้ (The Detail Salesperson) 2) พนักงานขายสง่ หรือพนักงานขายประจารถสง่ สนิ ค้า (The Dealer Service Salesperson or Mobile Salesperson) 3) พนักงานขายค้าสง่ (The Jobber Salesperson)

การขายโดยการใช้บุคคล 1. ประเภทของพนักงานขาย 1.2 พนักงานขายในงานขายส่ง 1) พนักงานขายแนะนาสินคา้ (The Detail Salesperson) หรือ พนกั งานขายบุกเบิก (The Pioneer Salesperson) แนะนาสนิ คา้ ใหมๆ่

การขายโดยการใช้บคุ คล 1. ประเภทของพนกั งานขาย 1.2 พนกั งานขายในงานขายส่ง 2) พนกั งานขายสง่ หรือพนกั งานขายประจารถสง่ สนิ ค้า (The Dealer Service Salesperson or Mobile Salesperson)

การขายโดยการใช้บุคคล 1. ประเภทของพนักงานขาย 1.2 พนักงานขายในงานขายสง่ 3) พนกั งานขายค้าส่ง (The Jobber Salesperson)

การขายโดยการใช้บุคคล 1. ประเภทของพนักงานขาย 1.3 พนักงานขายในงานขายอุตสาหกรรม (The Industrial Salesperson) แบง่ เปน็ 3 ประเภท 1) พนักงานขายอตุ สาหกรรมทว่ั ไป (The General Industrial Salesperson) 2) วศิ วกรขาย (The Sales Engineer) 3) บรกิ รขาย (The Service Salesperson)

การขายโดยการใช้บคุ คล 1. ประเภทของพนักงานขาย 1.3 พนกั งานขายในงานขายอตุ สาหกรรม 1) พนักงานขายอตุ สาหกรรมทั่วไป (The General Industrial Salesperson)

การขายโดยการใชบ้ ุคคล 1. ประเภทของพนกั งานขาย 1.3 พนักงานขายในงานขายอุตสาหกรรม 2) วศิ วกรขาย (The Sales Engineer)

การขายโดยการใชบ้ ุคคล 1. ประเภทของพนักงานขาย 1.3 พนักงานขายในงานขายอุตสาหกรรม 3) บริกรขาย (The Service Salesperson)

การขายโดยการใชบ้ คุ คล 2. กระบวนการในการขาย (Selling Process) 2.1 การแสวงหาผมู้ ่งุ หวงั (Prospecting) หมายถงึ การแสวงหารายช่อื ผซู้ ่ึงพนักงานขายคาดว่าจะเป็นลกู ค้าของกิจการ

การขายโดยการใช้บุคคล 2. กระบวนการในการขาย 2.1 การแสวงหาผู้มุง่ หวงั เทคนคิ การแสวงหาผมู้ ุง่ หวัง 1) การสังเกตสว่ นตวั 6) ห่วงโซไ่ มม่ ีวันสิน้ สุด 2) คนทลี่ กู ค้าแนะนาให้ 7) จารการไปเยี่ยมคนทวั่ ไป 3) ช่อื ผู้ม่งุ หวงั จากออฟฟิศ 8) จากเพอ่ื นร่วมงานทัง้ เก่าและใหม่ 4) บุคคลในครอบครวั 9) ศนู ยอ์ ิทธพิ ล 5) งานนทิ รรศการหรืองานแสดงสินค้า 10) จากชอ่ื ในรายการต่างๆ

การขายโดยการใช้บคุ คล 2. กระบวนการในการขาย 2.2 การเตรยี มตวั ก่อนเข้าพบ (Pre Approach) หมายถึง การวางแผน กอ่ นการเข้าพบผู้ม่งุ หวงั เพอื่ ให้การเข้าพบมีโอกาสประสบความสาเรจ็ ใน การขายมากทส่ี ดุ สิ่งท่ีตอ้ งเตรยี มตัว ได้แก่ เตรยี มบุคลกิ ภาพ เตรยี มสนิ คา้ เตรยี มอุปกรณ์ เตรยี มความร้เู กยี่ วกบั ลูกค้า กจิ การและคู่แขง่ ขัน

การขายโดยการใช้บุคคล 2. กระบวนการในการขาย 2.3 การเขา้ พบ (Approach) เปน็ ข้นั ตอนสาคญั ทีจ่ ะนาไปสูก่ ารเสนอขาย วตั ถปุ ระสงคข์ องการเขา้ พบ เพอื่ ใหค้ วามรแู้ ก่ผู้ม่งุ หวงั เพอื่ ช่วยแกป้ ญั หาใหก้ บั ผ้มู ุ่งหวัง เพ่ือกระตนุ้ ความสนใจของผูม้ ่งุ หวงั เพ่ือเสนอขายสนิ ค้าหรือบริการ

การขายโดยการใชบ้ คุ คล 2. กระบวนการในการขาย 2.3 การเขา้ พบ (Approach) วธิ ีการเขา้ พบ การเขา้ พบด้วยการแนะนา การเขา้ พบด้วยผลประโยชน์ การเขา้ พบดว้ ยการสารวจ การเข้าพบด้วยชื่อเสยี งของตวั สนิ คา้ การเขา้ พบดว้ ยการอยากรู้อยากเหน็

การขายโดยการใชบ้ ุคคล 2. กระบวนการในการขาย 2.4 การเสนอขาย (Presenting) หมายถึง กจิ กรรมที่พนักงานขายตอ้ ง กระทาต่อจากการเขา้ พบ เพื่อสรา้ งความสนใจเกี่ยวกับผลิตภณั ฑ์ กระต้นุ ให้ เกิดความตอ้ งการและตดั สินใจซ้ือในทส่ี ดุ โดยพนักงานขายตอ้ งรขู้ อ้ มูลของ ผู้มุ่งหวงั ใหม้ ากท่สี ดุ ควรเรมิ่ ต้นดว้ ยการเปดิ ใจ

การขายโดยการใช้บคุ คล 2. กระบวนการในการขาย 2.5 การสาธติ (Demonstration) หมายถึง การพูดพร้อมกบั การแสดง ประกอบ เพื่อให้ผมู้ ่งุ หวงั เกดิ ความเข้าใจด้วยประสาทสัมผัสทงั้ 5 เกยี่ วกบั คุณสมบตั ิและประสทิ ธิภาพของผลติ ภัณฑ์ แนวทางการสาธิตสนิ ค้า มีดังนี้ กระต้นุ ความสนใจผ้มู ง่ หวงั วางแผนก่อนการสาธติ จัดลาดับขนั้ ตอนการสาธติ ใหเ้ หมาะสม สรปุ งานขายและปดิ การขายให้ประทบั ใจ

การขายโดยการใช้บุคคล 2. กระบวนการในการขาย 2.6 การเผชญิ ขอ้ โตต้ อบ (Meeting Objections) สาเหตทุ ผี่ มู้ งุ่ หวังเกิดข้อ โตแ้ ย้ง ไดแ้ ก่ ยงั ไมต่ อ้ งการสินคา้ ไมม่ ีเงนิ ไมม่ ีอานาจซือ้ ไดร้ บั ขอ้ มลู นอ้ ยไป วธิ ีตอบข้อโตแ้ ย้ง วธิ ีการเสนอชดเชย วธิ ยี อ้ นกลบั วธิ ียอมรบั แล้วหาผลมาตอบ วธิ ีใช้คาถาม วธิ ีผา่ นไปเลย วธิ ปี ฏเิ สธโดยตรง

การขายโดยการใชบ้ ุคคล 2. กระบวนการในการขาย 2.7 การปดิ การขาย (Closing Sales) หมายถึง เทคนิควิธที ี่นามาใชเ้ พ่ือให้ ลกู ค้าเกิดการตดั สินใจซอ้ื สนิ ค้า หลกั การสาคญั ของการปิดการขาย ควรปดิ การขายโดยให้ผู้มงุ่ หวงั ตัดสินใจ ควรปิดการขายทกุ ครงั้ ทถ่ี กู ปฏิเสธ ควรพยายามทดลองปดิ การขายอยู่เสมอ ควรยกย่องใหเ้ กยี รตลิ กู ค้าอยู่เสมอ

การขายโดยการใชบ้ คุ คล 2. กระบวนการในการขาย 2.7 การปดิ การขาย (Closing Sales) วิธกี ารปดิ การขาย ถามคาส่ังซอื้ โดยตรง คาดคะเนวา่ จะซื้อ เสนอโอกาสสุดทา้ ย เสนอทางเลือกให้ตดั สนิ ใจ ใหข้ ้อเสนอพเิ ศษ ปิดการขายแบบของดีมนี ้อย ปดิ การขายแบบตัว T ต้ังคาถามใหผ้ ้มู งุ่ หวงั ตอบรับอย่างตอ่ เน่อื ง

การขายโดยการใชบ้ คุ คล 2. กระบวนการในการขาย 2.8 การตดิ ตามผลการขาย (Follow Up) หมายถงึ การตรวจสอบวา่ สนิ คา้ ท่ีขายไป สรา้ งความพึงพอใจใหแ้ กล่ กู คา้ มากนอ้ ยเพียงใด มีปัญหา เกี่ยวกับการขายอย่างไรบา้ ง เพ่ือเป็นประโยชนต์ อ่ การพฒั นาการขายประสบ ความสาเรจ็ ในคร้งั ต่อไป รวมถึงการเยย่ี มเยยี นลูกคา้ ทซ่ี ้อื สนิ คา้ ไปแลว้ ดว้ ย

การโฆษณา (Advertising) การโฆษณา หมายถงึ กระบวนการทางด้านการสอ่ื สารมวลชนท่เี กดิ ข้นึ เพ่อื จูงใจใหผ้ บู้ ริโภคมคี วามต้องการสนิ คา้ หรอื บรกิ าร

การโฆษณา (Advertising) 1. ประเภทของการโฆษณา (Type of Advertising) ไดแ้ ก่ 1.1 การโฆษณาระดับชาติ 1.2 การโฆษณาระดับท้องถ่นิ 1.3 การโฆษณาการค้า 1.4 การโฆษณานาทางพนักงานขายสนิ คา้ พเิ ศษ 1.5 การโฆษณาสินคา้ ที่ใช้ในวงการอตุ สาหกรรม 1.6 การโฆษณาในงานอาชพี 1.7 การโฆษณาทีไ่ มเ่ ก่ียวกับสนิ ค้า

การโฆษณา (Advertising) 1. ประเภทของการโฆษณา (Type of Advertising) ไดแ้ ก่ 1.1 การโฆษณาระดบั ชาติ (National Advertising) กลมุ่ เป้าหมายอย่ทู ้ัง ในประเทศและต่างประเทศ เนน้ ตรายหี่ อ้ ชื่อสนิ คา้ เพือ่ เตือนความทรงจา

การโฆษณา (Advertising) 1. ประเภทของการโฆษณา (Type of Advertising) ไดแ้ ก่ 1.2 การโฆษณาระดบั ท้องถน่ิ (Local Advertising) หรือการโฆษณา การคา้ ปลีก เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร เพื่อชกั ชวนใหผ้ บู้ ริโภคใน ทอ้ งถนิ่ ซื้อสินคา้ จากร้านคา้ ปลีก

การโฆษณา (Advertising) 1. ประเภทของการโฆษณา (Type of Advertising) ไดแ้ ก่ 1.3 การโฆษณาการคา้ (Trade Advertising) เปน็ การโฆษณาของผู้ผลติ เพือ่ ชักจูงใหพ้ อ่ คา้ คนกลาง ตัวแทน ผ้คู า้ สง่ ผู้ค้าปลีก ใหซ้ อ้ื สนิ คา้ ไปจาหนา่ ย ต่อใหก้ ับผู้บรโิ ภค

การโฆษณา (Advertising) 1. ประเภทของการโฆษณา (Type of Advertising) ไดแ้ ก่ 1.4 การโฆษณานาทางพนกั งานขายสินค้าพเิ ศษ (Advertising to Get Leads for Special Salesman) เปน็ การโฆษณาสนิ คา้ ท่ีมีราคาแพงหรอื มี เทคนคิ ทส่ี ลบั ซับซ้อนก่อนทผี่ ู้บริโภคจะตดั สนิ ใจซื้อ ถา้ มผี สู้ นใจตดิ ตอ่ สอบถาม บรษิ ทั จะจดั พนกั งานขายออกไปนาเสนอสนิ ค้า

การโฆษณา (Advertising) 1. ประเภทของการโฆษณา (Type of Advertising) ได้แก่ 1.5 การโฆษณาสนิ ค้าทใี่ ชใ้ นวงการอตุ สาหกรรม (Industrial Advertising) มุ่งไปยงั องคก์ รธุรกจิ หรือผูซ้ อ้ื ทใ่ี ชส้ นิ คา้ อุตสาหกรรม เพื่อ นาไปผลิตแปรสภาพเปน็ สนิ คา้ เพอื่ ขายตอ่

การโฆษณา (Advertising) 1. ประเภทของการโฆษณา (Type of Advertising) ไดแ้ ก่ 1.6 การโฆษณาในงานอาชพี (Professional Advertising) เน้นบคุ คลที่ ประกอบอาชพี เฉพาะ เช่น แพทย์ วิศวกร นักดนตรี เพ่อื ให้ซ้อื สินค้าไปใชใ้ น การประกอบอาชีพ

การโฆษณา (Advertising) 1. ประเภทของการโฆษณา (Type of Advertising) ได้แก่ 1.7 การโฆษณาทไ่ี ม่เกย่ี วกบั สนิ คา้ (Non Product Advertising) เปน็ การโฆษณาของสถาบนั พรรคการเมือง องคก์ ร กลุ่มชนต่างๆ หรอื กิจการท่ี มไิ ด้เน้นการขายสนิ คา้ แตต่ อ้ งการเผยแพร่หรอื ชกั จงู ใจแก่บคุ คลยอมรับ หลักการ และใหก้ ารสนบั สนุน

การโฆษณา (Advertising) 2. สอ่ื โฆษณา (Advertising Media) 2.1 โทรทศั น์ 2.2 วทิ ยุ 2.3 หนงั สอื พิมพ์ 2.4 นิตยสาร 2.5 การโฆษณานอกสถานที่

การโฆษณา (Advertising) 2. สือ่ โฆษณา (Advertising Media) 2.1 โทรทศั น์ (Television) เปน็ สื่อโฆษณาท่ีมอี ทิ ธพิ ลต่อการส่อื สารมาก ทสี่ ดุ การซือ้ เวลา การเป็นผ้อู ุปถมั ภ์รายเดยี ว การเป็นผู้โฆษณาร่วมกนั

โทรทัศน์ (Television) ข้อดี ขอ้ จากดั 1) เข้าถงึ กลมุ่ เป้าหมายได้กว้างขวางและ 1) ตน้ ทุนคา่ ใช้จ่ายสงู รวดเร็ว 2) ไมส่ ามารถบรรยายสรรพคุณไดห้ มด 2) เลอื กรายการใหเ้ หมาะสมและตรง กลุม่ เป้าหมายได้ 3) ข่าวสารอายสุ ัน้ ต้องใชค้ วามถี่ในการ โฆษณา ผชู้ มจงึ จะจาชอ่ื ยห่ี ้อได้ 3) มีภาพ เสยี ง และการเคล่อื นไหว ดึงดูด 4) ผู้ชมอาจจะสนใจรปู แบบโฆษณา ใจผู้ชมไดด้ ี งา่ ยต่อความเข้าใจ มากกวา่ เนื้อหา 4) ความคุม้ ค่าในเร่ืองของคา่ โฆษณาต่อ 5) เปลย่ี นชอ่ งไดเ้ รว็ หลีกเลย่ี งโฆษณาไดง้ า่ ย จานวนผชู้ ม

การโฆษณา (Advertising) 2. สอ่ื โฆษณา (Advertising Media) 2.2 วทิ ยุ (Radio) สามารถครอบคลุมพื้นที่ได้กว้าง ทั้งในระดับท้องถ่ินและ ระดับชาติ เพราะในแตล่ ะทอ้ งถิ่นจะมสี ถานวี ิทยุ เรียกวา่ “สถานวี ิทยชุ มุ ชน”

การโฆษณา (Advertising) ระบบการสง่ กระจายเสยี งทางวทิ ยุ ระบบ A.M. (Amplitude Modulation) เนน้ ความกว้างของคลื่น สามารถกระจายเสียงไดไ้ กล และเขา้ ถงึ กลมุ่ เป้าหมายได้ทัว่ ประเทศ ระบบ F.M. (Frequency Modulation) เน้นความถ่ีของคล่ืน มคี วามถ่ี มากกว่าระบบ A.M. 20 เทา่ ทาใหส้ ง่ สัญญาณเสียงไดช้ ดั เจน แต่กระจาย เสยี งได้ในขอบเขตจากดั ภายในจงั หวดั

วิทยุ (Radio) ขอ้ ดี ขอ้ จากดั 1) สามารถเข้าถงึ กล่มุ เปา้ หมายได้ 1) ไมส่ ามารถสรา้ งจนิ ตภาพได้ มแี ต่ รวดเรว็ เสยี งเทา่ น้ัน 2) สามารถเลือกรายการและสถานใี ห้ 2) บรรจขุ ้อความได้น้อย ตรงกลุม่ เป้าหมายได้ 3) สามารถออกอากาศซา้ ได้งา่ ย 3) มีจานวนสถานีและรายการมาก เกนิ ไป 4) ขณะทฟ่ี ังสามารถทากจิ กรรมอน่ื ได้ 4) เปลี่ยนคล่ืนได้ง่าย

การโฆษณา (Advertising) 2. ส่ือโฆษณา (Advertising Media) 2.3 หนงั สอื พมิ พ์ (Newspaper) มีอทิ ธพิ ลต่อชวี ติ ประจาวนั ของผบู้ รโิ ภค อยา่ งมาก เนอ่ื งจากใหร้ ายละเอยี ดขอ้ มูลข่าวสารและรูปภาพได้มาก เขา้ ถงึ กลุ่มเปา้ หมายไดห้ ลายกลุ่ม

การโฆษณา (Advertising) 2. ส่ือโฆษณา (Advertising Media) 2.3 หนงั สือพมิ พ์ (Newspaper) ประเภทของการโฆษณาในหนังสอื พมิ พ์ โฆษณาในสว่ นท่ัวไปของหนงั สอื พมิ พ์ โฆษณาตามกลมุ่ ผ้รู ับขา่ วสาร (โฆษณาเตม็ หนา้ หนงั สอื พิมพ)์ (ขนาดพืน้ ทค่ี ิดเปน็ คอลัมนน์ ้วิ )

หนงั สือพิมพ์ (Newspaper) ข้อดี ขอ้ จากดั 1) เข้าถึงกลุม่ เปา้ หมายไดใ้ นวงกวา้ ง 1) คณุ ภาพกระดาษและการพมิ พต์ า่ เพราะมีจาหน่ายทวั่ ประเทศ 2) สามารถบรรยายสรรพคุณได้อย่าง 2) ไม่สามารถเจาะกลมุ่ เป้าหมายแบบ ละเอียด เฉพาะกลุ่มได้ 3) สง่ ข่าวสารไดร้ วดเร็ว ทนั ตอ่ เหตกุ ารณ์ 3) อายุของหนังสือพิมพส์ ั้น วันตอ่ วัน 4) อา่ นซ้าได้ 5) หาซ้ือได้งา่ ย อา่ นได้ทกุ ท่ี

การโฆษณา (Advertising) 2. สอื่ โฆษณา (Advertising Media) 2.4 นิตยสาร (Megazine) สามารถเจาะกลมุ่ ผ้บู รโิ ภคได้ดที ่ีสุด และบรรจุ เนอ้ื หาขอ้ มลู ไว้หลากหลาย การซ้อื พื้นท่ีโฆษณาทางนติ ยสาร จะขายพืน้ ท่ีโฆษณาแบบเตม็ หนา้ ครึ่งหนา้ และหนึง่ ในสี่ส่วนของหนา้ หรอื อาจจะคิดเป็นคอลมั นน์ วิ้