คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยใช้สายอีเทอร์เน็ตอาจสูญเสียการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นครั้งคราว คอมพิวเตอร์อาจเชื่อมต่อโดยตรงกับโมเด็มหรือโมเด็ม DSL หรืออาจมีเราเตอร์ระหว่างคอมพิวเตอร์และโมเด็ม ถึงแม้ว่าการดำเนินการด้านล่างนี้อาจช่วยแก้ไขปัญหาในกรณีที่คอมพิวเตอร์ขาดการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์อื่นในเครือข่าย อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลบนเครือข่าย หรือเครื่องพิมพ์บนเครือข่าย แต่เอกสารชุดนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาการขาดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเป็นหลัก Show
บันทึก ไม่สามารถเชื่อมต่อได้เลย หากคอมพิวเตอร์ไม่เคยเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตได้เลย กรุณาติดต่อผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ของคุณเพื่อขอโปรแกรมและคำแนะนำในการต่อสาย LAN หรือดูเอกสารต่อไปนี้: การเชื่อมต่อแบบไร้สาย หากคอมพิวเตอร์สูญเสียการเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตในเครือข่ายไร้สาย ดูเอกสารต่อไปนี้:
ดำเนินการดังต่อไปนี้เป็นอันดับแรกมีขั้นตอนแก้ไขปัญหาง่ายๆ บางอย่างที่คุณสามารถทำได้ก่อนที่จะเริ่มการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองหรือการแก้ไขปัญหาขั้นสูง ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเหล่านี้สามารถช่วยแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตและเครือข่ายหลายๆ ปัญหาได้ ตรวจสอบสายเชื่อมต่อของสายเคเบิลในคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ จะมีไฟ LED อยู่ที่บริเวณที่มีการเชื่อมต่อทางกายภาพระหว่างสาย Ethernet กับคอมพิวเตอร์ ไฟ LED จะติดสว่างหรือกะพริบเพื่อแจ้งสถานะปัจจุบันของอุปกรณ์เครือข่าย หากขั้วต่อ Ethernet บนคอมพิวเตอร์ของคุณไม่มีไฟ LED อยู่ คุณสามารถดูที่เราเตอร์เพื่อตรวจสอบว่าไฟ LED มีการกะพริบเมื่อเชื่อมต่อเครือข่ายหรือไม่ ใช้สาย LAN แบบ Category 5 หรือ Category 5e (สาย Cat-5 Ethernet) ซึ่งมีขั้วต่อที่ปลายแบบ RJ45 ทั้งสองด้าน สายซึ่งมีขั้วต่อ RJ11 ซึ่งมีขนาดเล็กกว่า เป็นสายที่ใช้สำหรับการเชื่อมต่อโมเด็มแบบเรียกผ่านสายโทรศัพท์
เปิดปิดเราเตอร์และโมเด็มใหม่ไฟ LED ที่เราเตอร์และโมเด็มควรอาจติดสว่างและกะพริบเมื่อมีการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์ เราเตอร์เครือข่าย โมเด็ม และอินเทอร์เน็ต คุณควรดูเอกสารกำกับของผู้ผลิตเพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติม โดยทั่วไป ไฟ LED หนึ่งดวงบนเราเตอร์ควรจะติดค้างอยู่เมื่อมีการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ และไฟ LED ดวงอื่นๆ จะกะพริบเฉพาะเมื่อมีการรับส่งข้อมูลจาก ISP หากไฟ LED ใดๆ ของโมเด็มไม่ ติดสว่างหรือกะพริบ แสดงว่ามีปัญหากับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแม้ว่าไฟ LED บนเราเตอร์จะแสดงว่ามีการเชื่อมต่อระหว่างคอมพิวเตอร์และเครือข่ายก็ตาม หากเราเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เบราเซอร์แสดงข้อผิดพลาด Cannot find server (ไม่พบเซิร์ฟเวอร์) การรีเซ็ตเราเตอร์และโมเด็มกลับเป็นค่าเริ่มต้นของอุปกรณ์ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
การแก้ไขปัญหาด้วยตนเองคุณสามารถแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยตนเองได้โดยการทำขั้นตอนในรายการต่อไปนี้ตามลำดับ ตรวจสอบการ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NIC) ว่าเปิดใช้งานหรือไม่รีเซ็ตโมเด็ม เราเตอร์ และคอมพิวเตอร์ หากไฟ LED ติดสว่าง แสดงว่าการเชื่อมต่อถูกต้อง แต่คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตหรือทรัพยากรเครือข่ายได้ ให้ตรวจสอบว่าอุปกรณ์เครือข่ายเปิดใช้งานอยู่ และพบที่อยู่ IP และ DNS โดยอัตโนมัติ บันทึก สำหรับคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ Vista
สำหรับคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ XP
ลบการเชื่อมต่อแบบ Dial-up ออกจากเบราเซอร์เมื่อคอมพิวเตอร์เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตโดยใช้โมเด็มแบบ dial-up โปรแกรมที่ทำการเชื่อมต่อจะสร้างรายการที่ สั่งให้คอมพิวเตอร์ใช้การเชื่อมต่อแบบ dial-up เมื่อคุณใช้เบราเซอร์ คุณอาจเห็นข้อความแสดงข้อผิดพลาด dial-up connection (การเชื่อมต่อ dial-up) หรือ Web page unavailable while offline (หน้าเว็บไม่พร้อมใช้งานขณะออฟไลน์) การแก้ไขปัญหาเหล่านี้ทำได้โดยการปิดใช้งานการตั้งค่าการเชื่อมต่อแบบ dial-up บันทึก
ปิดแล้วเปิดเบราเซอร์ขึ้นมาใหม่เพื่อเรียกดูเว็บไซต์อีกครั้ง การตรวจสอบที่อยู่ IP เพื่อระบุปัญหาเครือข่ายเมื่อคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตหรือเครือข่าย การจัดการการสื่อสารจะใช้ที่อยู่ Internet Protocol (ที่อยู่ IP) ที่อยู่ IP คือที่อยู่ที่ประกอบด้วยหมายเลขสี่หมายเลขคั่นด้วยเครื่องหมายจุด สำหรับอุปกรณ์ DSL และอุปกรณ์เคเบิลส่วนใหญ่ หมายเลขนี้จะถูกกำหนดให้โดยอัตโนมัติโดยผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต หากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตไม่สามารถกำหนดที่อยู่ IP ให้แก่คอมพิวเตอร์ได้ Windows จะทำการกำหนดที่อยู่เริ่มต้นให้ หรือแสดงข้อความแจ้งข้อผิดพลาด ทำตามขั้นตอนด้านล่างนี้เพื่อดูที่อยู่ IP และแก้ไขปัญหาตามความเหมาะสม:
ตรวจสอบสถานะเครือข่ายโดยการใช้ไอคอนเครือข่ายไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายในถาดระบบจะแสดงว่าคอมพิวเตอร์มีการเชื่อมต่อ หรือไม่มีการเชื่อมต่อหรือเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรือโมเด็มแบบเคเบิ้ลหรือโมเด็ม DSL หากไม่มีไอคอน ไม่ว่าไอคอนจะถูกปิด (ใน XP), หรือไดรเวอร์เครือข่ายขาดหายไปหรือเสียหายการแสดงไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายทำได้ดังนี้: สำหรับคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ Vista ไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายควรปรากฏขึ้นหากมีการติดตั้งไดรเวอร์เครือข่าย (NIC) เอาไว้ หากไม่ปรากฏไอคอนขึ้น แสดงว่าไดรเวอร์เสียหายหรือสูญหาย ดูหัวข้อดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์เครือข่าย สำหรับคอมพิวเตอร์ซึ่งใช้ XP
ไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายจะปรากฏขึ้นในถาดระบบ ดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์เครือข่ายหากไอคอนการเชื่อมต่อเครือข่ายไม่ปรากฏขึ้นในถาดระบบ และคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายได้ คุณสามารถติดตั้งไดรเวอร์ของชิปเซ็ตของโปรเซสเซอร์และการ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NIC) โดยใช้ตัวเลือกในการติดตั้งดังต่อไปนี้ นอกจากนั้น HP ขอแนะนำให้คุณอัพเดต BIOS ในกรณีที่มีให้อัพเดต ขณะที่คุณตรวจสอบตัวเลือก คลิกที่ลิงค์คำแนะนำโดยละเอียดเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม คุณควรติดตั้งไดรเวอร์ชิปเซ็ต (Intel หรือ Nvidia), ไดรเวอร์การ์ดเชื่อมต่อเครือข่าย (NIC) หรือไดรเวอร์ Ethernet ทั้งนี้ ขึ้นกับรุ่นของเครื่องของคุณ
ติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์โดยใช้ตัวจัดการอุปกรณ์เมื่อฮาร์ดแวร์เครือข่ายทำงานไม่ถูกต้อง Windows จะแจ้งข้อผิดพลาดในตัวจัดการอุปกรณ์ ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อรีเฟรชหรือติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์ใหม่อีกครั้ง
ติดตั้งไดรเวอร์ดั้งเดิมโดยใช้ Recovery Managerหากคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ แต่มีอิมเมจดั้งเดิมของ HP คุณสามารถใช้ HP Recovery Manager เพื่อติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์ดั้งเดิม HP Recovery Manager สามารถติดตั้งไดรเวอร์ฮาร์ดแวร์เฉพาะและซอฟต์แวร์ที่มาพร้อมกับคอมพิวเตอร์เฉพาะรุ่นอีกครั้งได้ ตัวเลือกการติดตั้งนี้จะไม่สามารถใช้ได้หากมีการเปลี่ยนแปลงระบบปฏิบัติการ หรือหากไดร์ฟกู้คืนระบบ (โดยปกติจะอยู่ที่ D:\Recovery) เสียหาย หรือถูกลบทิ้ง การใช้ HP Recovery Manager เพื่อติดตั้งไดรเวอร์อุปกรณ์ดั้งเดิม ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้ สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows Vista:
สำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows XP:
ติดตั้งไดรเวอร์ดั้งเดิมหรือไดรเวอร์ที่มีการอัพเดตใหม่จากเว็บไซต์ HPในบางกรณี ไดรเวอร์เริ่มต้นที่ให้มาพร้อมกับ Windows อาจไม่อัพเดต หากการติดตั้งไดรเวอร์เริ่มต้นใหม่โดยใช้ Device Manager หรือ Recovery Manager ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ คุณอาจต้องติดตั้งไดรเวอร์ดั้งเดิมและไดรเวอร์ซอฟต์แวร์ที่อัพเดตจากเว็บไซต์ของ HP เนื่องจากคอมพิวเตอร์ไม่มีไดรเวอร์อุปกรณ์เครือข่ายจึงไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ คุณจึงต้องใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นดาวน์โหลดไฟล์ คุณจะต้องใช้อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลแบบพกพา เช่น CD หรือธัมบ์ไดรฟ์ เพื่อคัดลอกไฟล์และถ่ายโอนไปยังคอมพิวเตอร์ที่ไม่มีการเชื่อมต่อ ดาวน์โหลดและติดตั้งไดรเวอร์ตัวล่าสุดโดยใช้ขั้นตอนต่อไปนี้:
Advanced Network Troubleshooting (การแก้ไขปัญหาเครือข่ายขั้นสูง)หากคอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตหลังจากตรวจสอบเครือข่ายอย่างเร็วและการแก้ไขปัญหาด้วยตนเองแล้ว คุณสามารถใช้ขั้นตอนการแก้ไขปัญหาขั้นสูงดังต่อไปนี้ คุณอาจต้องใช้คอมพิวเตอร์เครื่องอื่นเพื่อค้นหากระดานกระทู้บริการของผู้ใช้ของ HP เพื่อค้นหาปัญหาการเชื่อมต่อเครือข่ายที่คล้ายกับปัญหาของคุณ การแก้ไขปัญหาการตั้งค่าโปรโตคอล IP โดยใช้พร้อมท์คำสั่งผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตควรให้ข้อมูลเกี่ยวกับการตั้งค่าที่จำเป็นและขั้นตอนการแก้ไขปัญหาทั้งหมดสำหรับการเชื่อมต่อผ่านทางเคเบิลหรือทาง DSL ที่เหมาะสม หากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตไม่ได้ให้ความช่วยเหลือด้านเทคนิค ให้ใช้ขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อรีเซ็ตการตั้งค่าเครือข่าย: บันทึก
การใช้งานผ่านพรอกซี่เซิร์ฟเวอร์ และซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส/ไฟร์วอลล์อินเทอร์เน็ตเบราเซอร์และซอฟต์แวร์อื่นๆ เช่นไฟร์วอลล์หรือซอฟต์แวร์ พรอกซี่ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันคอมพิวเตอร์จากภัยคุกคามทางออนไลน์ อาจทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้เพื่อปรับเปลี่ยนวิธีการที่ซอฟต์แวร์ในคอมพิวเตอร์ของคุณทำงานกับอินเทอร์เน็ต: ตรวจสอบการตั้งค่าพรอกซี่เซิร์ฟเวอร์เครือข่ายในบ้านส่วนใหญ่จะไม่มีการใช้พรอกซี่เซิร์ฟเวอร์ อย่างไรก็ดี ในเครือข่ายสำหรับธุรกิจ คุณอาจต้องตรวจสอบกับผู้ดูแลระบบเพื่อขอคำแนะนำในการใช้งานผ่านพรอกซี่เซิร์ฟเวอร์
ตรวจสอบการตั้งค่าไฟร์วอลล์และซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสHP ขอแนะนำว่าคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องควรมีไฟร์วอลล์และระบบป้องกันไวรัสที่เหมาะสม อย่างไรก็ดี โปรแกรมเหล่านี้อาจไปขัดขวางการเข้าใช้งานเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตทั้งหมดได้หากมีการตั้งค่าไม่ถูกต้อง ท่านควรใช้โปรแกรมไฟร์วอลล์หรือโปรแกรมป้องกันไวรัสเพียงครั้งละหนึ่งโปรแกรมเท่านั้น การใช้โปรแกรมป้องกันไวรัสหรือไฟร์วอลล์พร้อมกันตั้งแต่สองโปรแกรมขึ้นไปอาจทำให้คอมพิวเตอร์ทำงานช้าลงหรือทำให้คอมพิวเตอร์ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตได้ การตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงการตั้งค่าระบบป้องกันไวรัสและไฟร์วอลล์ ให้ดำเนินการดังนี้: สำหรับ Windows Vista คลิก Start (เริ่ม) พิมพ์ึคำว่า security ในช่อง Search (ค้นหา) จากนั้นเลือก Security Center จากรายการ ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อตรวจสอบว่าการตั้งค่าความปลอดภัยและไฟร์วอลล์เปิดใช้งานอยู่หรือไม่ สำหรับ Windows XP คลิก Start (เริ่ม), Control Panel (แผงควบคุม แล้วคลิก Security Center (ศูนย์ความปลอดภัย) ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอเพื่อตรวจสอบว่าการตั้งค่าความปลอดภัยและไฟร์วอลล์เปิดใช้งานอยู่หรือไม่ เพื่อทำการทดสอบ - คุณสามารถปิดโปแกรมป้องกันไวรัสและไฟร์วอลล์ชั่วคราว เพื่อพิจารณาว่า โปรแกรมหนึ่งโปรแกรมใดดังกล่าวไม่ยอมให้มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การใช้ Windows Defender (เฉพาะ Windows Vista เท่านั้น)หากคุณไม่ต้องการใช้โปรแกรมจากภายนอก ระบบปฏิบัติการ Microsoft Windows Vista มี Windows Defender ซึ่งเป็นไฟร์วอลล์ที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัติการและเป็นโปรแกรมป้องกันซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตราย Windows Defender ช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์จากภัยคุกคามใหม่ ๆ โดยมีความสามารถในการตรวจสอบและลบสปายแวร์ และช่วยเพิ่มความปลอดภัยของคอมพิวเตอร์ของคุณขณะท่องอินเทอร์เน็ต การเปิดการป้องกันของ Windows Defender ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
การใช้โปรแกรมจากภายนอกสำหรับโปรแกรมป้องกันไวรัสส่วนใหญ่ คลิกขวาที่ไอคอนของแอพพลิเคชั่นในถาดระบบ เลือกตัวเลือกเมนูเพื่อเปิดหน้าต่างควบคุมแอพพลิเคชั่น ดูไฟล์วิธีใช้งานแอพพลิเคชั่นเพื่อศึกษาคำแนะนำในการปิดการป้องกันชั่วคราวและการกำหนดค่าไฟร์วอลล์หรือการตั้งค่าการป้องกันไวรัส หากคอมพิวเตอร์ทำงานเปลี่ยนไปเมื่อโปรแกรมป้องกันไวรัสและไฟร์วอลล์ถูกปิดใช้งาน แสดงว่านั่นคือสาเหตุของปัญหา หากคอมพิวเตอร์สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ตหลังจากปิดใช้งานซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ชั่วคราว กรุณาสอบถามหมายเลขพอร์ตที่ต้องใช้ในการเชื่อมต่อจากผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ต ปรับตั้งซอฟต์แวร์ไฟร์วอลล์ของคุณเพื่อยอมให้พอร์ตดังกล่าวเปิดค้างได้ คำเตือน รีเซ็ตการตั้งค่าเริ่มต้นของ Winsockการสื่อสารระหว่างองค์ประกอบต่างๆ ในเครือข่ายสามารถจัดการได้โดยชุดคำสั่ง TCP/IP ที่มีอยู่ในระบบ ชุดคำสั่งและที่อยู่ำเหล่านี้อาจเสียหายได้ หากคอมพิวเตอร์เคยทำงานได้ แต่จู่ๆ ก็ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเครือข่ายหรืออินเทอร์เน็ต คุณสามารถรีเซ็ต TCP/IP กลับเป็นค่าเริ่มต้นได้โดยใช้คำสั่ง NetShell (netsh) คุณสามารถตัดปัญหาการเชื่อมต่อต่างๆ ที่อาจเกิดจากซอฟต์แวร์จากภายนอกได้โดยการรีเซ็ต TCP/IP โดยใช้ขั้นตอนต่อไปนี้
การใช้คำสั่ง NetShell เพื่อเขียนรีจิสทรีคีย์ของ TCP/IP ให้ผลเช่นเดียวกับการติดตั้งโปรโตคอล TCP/IP ใหม่ |