TV Mirror for Chromecast is the easy screen sharing tool to mirror your iPhone or iPad screen and sound on Chromecast in Full HD Quality. Show Mirror photos, videos, games, websites, apps, presentations, documents and spreadsheets on Chromecast. * Supported Chromecasts: Chromecast, Chromecast Ultra and all generations of the Chromecast family * Supported TVs and other devices: Xiaomi MI Box, NVIDIA Shield TV and all TVs with Google Cast or Chromecast built-in, e.g. Sony, TCL, Vizio, Sharp, Philips, Hisense, Skyworth, Soniq * Your iPhone/iPad and your Chromecast must be connected to the same wifi to enable screen mirroring. Please do not use VPN, Proxy, VLANS and Subnets. * Latency is supreme (below 1 second) when you have good wifi network conditions * No hidden subscriptions or costs * If a third party app, for example Spotify, does not mirror sound correctly, please FORCE CLOSE and restart Spotify while the mirroring session is active. Please check the Apple Support page to learn how to FORCE CLOSE an app: https://support.apple.com/en-us/HT201330 * Black screen issues: Some third party apps prevent screen mirroring. When you try to mirror them, you will just see a black screen on your TV, for example with Netflix and Disney+. This is a restriction chosen by Netflix and others, so we cannot fix it at the moment. If you like the app and our constant work on it, please give the app a positive rating on the App Store. Many thanks in advance from the development & support team. Disclaimer: This app is not affiliated with Google or any other trademark mentioned here. Chromecast is a trademark of Google LLC. หมวด: Exclusive, Featured, News,
Reviewวันที่: 19/03/2017 ปัจจุบัน YouTube ถือเป็นช่องทางในการรับชมวิดีโอที่น่าจะสำคัญมากช่องทางหนึ่งประจำยุคนี้ และจะดีแค่ไหนถ้าเกิดว่าเราสามารถสตรีมมิ่ง YouTube ขึ้นไปดูบนทีวีได้ แม้ว่าทีวีของคุณจะไม่ใช่สมาร์ททีวีก็ตาม และในราคาที่ไม่แพงมากนัก Google Chromecast คือคำตอบ วันนี้ทีมงาน MacThai จะมารีวิวสินค้าสำคัญจากฝั่ง Android ก็คือ Chromecast แต่ด้วยความเป็นสาวก Apple ดังนั้นการรีวิวในครั้งนี้จะเน้นการใช้งานกับอุปกรณ์ Apple เป็นหลักว่า Chromecast สามารถทำอะไรได้เยอะสักแค่ไหน และจะคุ้มค่ากับการซื้อมาใช้งานหรือไม่ Chromecast รุ่นที่นำมารีวิวในครั้งนี้ เป็น Chromecast รุ่นที่สองที่เปิดขายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ (ปัจจุบันนำเข้าโดย AIS และคาดว่าในอนาคตน่าจะมีเพิ่มเติม) ไม่ใช่ Chromecast Ultra ที่รองรับ 4K ทำไมต้อง ChromecastChromecast เป็นอุปกรณ์สำหรับการสตรีมมิ่ง ซึ่งความสามารถนอกจากนี้คือยังแทบจะไม่มี (อย่างน้อยก็ในตอนนี้) และการควบคุมอุปกรณ์พึ่งพาโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตซะส่วนใหญ่ ปัจจุบันแม้ว่าจะมีสมาร์ททีวี แต่ด้วยความสามารถที่จำกัด รวมถึงหลายรุ่นที่ราคาแพง การสนับสนุนยังขึ้นอยู่กับผู้ผลิตเสียส่วนใหญ่ (ไม่ใช่ Apple หรือ Google ที่จะให้ความมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์จะได้รับการสนับสนุนเป็นเวลาหลายปี) ซึ่งทีวีไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะเปลี่ยนได้บ่อย ๆ ดังนั้น การหาอุปกรณ์มาต่อเชื่อมเพื่อให้ทีวีทำอะไรได้มากขึ้น ดูจะเป็นสิ่งที่หลายคนพึงปรารถนามากกว่า ส่วน Apple TV นั้น การเชื่อมต่อก็ยังใช้ได้เฉพาะอุปกรณ์ Apple เท่านั้น และราคายังแพงกว่า (แต่ความสามารถก็เยอะกว่า) ทำให้หลายบ้านที่มีอุปกรณ์แบบผสมกันไปทั้ง iOS และ Android และต้องการแค่สตรีมมิ่ง ก็อาจจะมองไปที่ Chromecast ซึ่งมีราคาถูกกว่าแทน ใช้งาน Chromecast ครั้งแรกก่อนเริ่มต้นตั้งค่า Chromecast จำเป็นต้องติดตั้งตัวเครื่องก่อน โดยเสียบตัวเครื่องเข้ากับทีวีผ่านช่องเสียบ HDMI ด้านหลังหรือด้านข้างทีวี (ทีวีรุ่นหลัง ๆ น่าจะมีกันหมดแล้ว) จากนั้นนำสาย USB เสียบกับตัวเครื่องและช่องเสียบ USB เพื่อจ่ายไฟ (ถ้าทีวีรุ่นไหนมี USB สามารถเสียบกับทีวีได้ แต่ถ้าไม่มีให้ใช้ปลั๊กที่แถมมาในกล่อง) เมื่อติดตั้ง Chromecast เสร็จแล้ว ก็ให้เปิดทีวี เปิดไปที่ช่อง Input ที่ต่อ Chromecast อยู่ แล้วดาวน์โหลดแอพ Google Home (App Store) ลง iPhone, iPad เปิดแอพ และทำตามคำแนะนำของ Google Home ต่อไปเรื่อย ๆ การตั้งค่า Chromecast จะทำเฉพาะครั้งแรกเท่านั้น เมื่อใช้งานครั้งต่อ ๆ ไป เพียงแค่เปิดทีวี และเปิดช่องที่เสียบ Chromecast ไว้ ก็สามารถใช้งานได้ทันที สตรีมมิ่งไปยัง Chromecastเมื่อตั้งค่าเสร็จแล้ว ก็จะมาเริ่มต้นการสตรีมมิ่งข้อมูลไปยัง Chromecast กันเลย ซึ่งเงื่อนไขสำคัญของการสตรีมมิ่งขึ้นไปยัง Chromecast คือ ต้องใช้แอพที่รองรับเท่านั้น สำหรับแอพที่รองรับการสตรีมมิ่งที่ดัง ๆ เช่น Spotify, Pandora, TIDAL, Google Play Music, (Apple Music ไม่ได้), TED, Netflix, Twitch, iflix, AIS PLAY, Google Play Movies (iTunes Movie ไม่ได้), Google Chrome, Vimeo และแน่นอนว่าต้องมี YouTube ซึ่งแอพเหล่านี้หลายตัวก็สามารถสตรีมได้จากทั้งมือถือและคอมพิวเตอร์ และในอนาคตก็จะมีแอพที่รองรับ Chromecast อีกมากมาย วิธีสตรีมมิ่งวิดีโอ คือเปิดแอพที่ต้องการขึ้นมา แอพเหล่านั้นมักจะแสดงปุ่มแคสท์ด้านบน (แต่บางแอพอาจไม่ได้แสดงด้านบน) เมื่อกดแล้วก็ให้เลือก Chromecast รอเพียงไม่กี่วินาทีภาพก็จะไปปรากฏบนทีวีแล้ว ควบคุมวิดีโอที่เล่นบน Chromecastวิดีโอที่เล่นอยู่บน Chromecast สามารถควบคุมได้จากอุปกรณ์ที่ทำการสตรีมมิ่งโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์, คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต การควบคุมสามารถทำได้ทั้งเพิ่มเสียง, ลดเสียง, หยุด, ข้าม ได้ทั้งหมด ซึ่งบางแอพอย่าง YouTube ควบคุมผ่านหน้าจอล็อกได้ทันที ไม่ต้องปลดล็อกเข้าไปในแอพก่อน ตั้งค่า Chromecastระบบ Chromecast โดยส่วนใหญ่จะผูกเข้ากับ Google Account (ดังนั้นถ้าใครยังไม่มีก็สมัครซะ) และการตั้งค่า Chromecast มีเพียงไม่กี่อย่างเท่านั้น เช่น ภาพพักหน้าจอระหว่างรอการแคสท์ ว่าจะให้เป็นภาพจากข่าว, ภาพจาก Google+, ภาพจาก Flickr ฯลฯ ส่วนอื่น ๆ แทบจะปรับแต่งอะไรไม่ได้เลย เพราะการควบคุมหลัก ๆ จะอยู่ที่อุปกรณ์ที่เราแคสท์ไปมากกว่า :: สรุป ::ข้อดี
ข้อสังเกต
Chromecast เป็นอุปกรณ์ที่เน้นการสตรีมมิ่งเท่านั้น (โดยเฉพาะ YouTube) และด้วยตัวอุปกรณ์ที่เล็ก ไม่เทอะทะ รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ทำให้ผู้ที่เหมาะกับการซื้ออุปกรณ์ชิ้นนี้ คือผู้ที่ชอบดูวิดีโอจาก YouTube และบริการที่รองรับ Chromecast เป็นหลัก และมีอุปกรณ์ที่หลากหลายทั้ง iOS, Android, Mac, PC แต่ว่า Chromecast นั้นมีคุณสมบัติที่ด้อยกว่า Apple TV ในแง่การทำงานร่วมกับอุปกรณ์ Apple รวมถึงไม่สามารถลงแอพใด ๆ ได้ ดังนั้นผู้ที่จะซื้อ Chromecast คือต้องเอาอุปกรณ์มาสตรีมมิ่งอย่างเดียวจริง ๆ และต้องเป็นแอพที่รองรับการสตรีมมิ่งด้วย ในขณะที่ Apple TV สามารถ mirroring ภาพจากหน้าอุปกรณ์ Apple ขึ้นทีวีได้ ด้วยราคา 1,490 ถ้าใครขาดู YouTube หรือใช้งานแอพที่รองรับบ่อย ๆ มีอุปกรณ์ในบ้านหลากหลาย ราคานี้คุ้มแน่นอน เรียบเรียงโดย |