อย่าคิดว่าสกินแคร์ทุกตัว สามารถใช้ร่วมกันได้นะ จริงแล้ว มันจะมีสารบางอย่าง ที่ห้ามใช้ด้วยกันเด็ดขาด เพราะมันอาจจะไปลดประสิทธิภาพ หรือด้อยคุณภาพของสกินแคร์ที่เราใช้อยู่ แต่จะมีสารอะไรบ้างนั้น เอาเป็นว่ามาส่องดูพร้อมๆ กันเลยดีกว่า! Show
ความงาม 54 Follow 54 10.6K VIEWS 20 February 2022 ดูรูปภาพทั้งหมด เลือกอ่านตามหัวข้อ
- ที่มารูป: edited.beautybay.com
8 คู่ ส่วนผสมสกินแคร์ที่ไม่ควรใช้ร่วมกัน!1. Vitamin C + Benzoyl Peroxideหลายคนอาจจะงงว่า เอ๊ะ! Benzoyl Peroxide หรือ BPO หรือ BP มันคืออะไร จริงๆ แล้วถ้าใครที่เป็นสิวบ่อยๆ น่าจะรู้จักกันดีอยู่ มันคือสารตัวนึงที่ช่วยลดการอุดตันและฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวนั่นเอง ซึ่งว่ากันว่า เราไม่ควรใช้สกินแคร์ที่มีสารตัวนี้ ร่วมกับวิตามินซีนะ เพราะมันไม่เป็นผลดีต่อผิวของเราเท่าไหร่นัก เพราะ Benzoyl Peroxide ค่อนข้างกัดผิว ช่วยละลายหัวสิวสำหรับคนที่รักษาสิว ซึ่งอาจก่อให้เกิดอาการแสบ แดง คันยิบๆ ถ้าใช้คู่กับ Vitamin C จะเกิดออกซิเดชั่น ผิวจะยิ่งอักเสบ และระคายเคือง ซึ่งไม่โอเค! ซิสป้ายยาที่น่าสนใจ Keawkiki ไอเทมสำหรับคนเป็นภูมิแพ้ ยาดมน้ำเซียงเพียว สุขภาพและอาหารเสริม 4 0 Fern.tiptanya ลดจจุดด่างดำเซรั่มชมพู ผิวหน้า 4 0 thanachan ป้ายยาขนมสุดอร่อย สำหรับสาย Truffle รีวิวอาหาร 7 0 2. Vitamin C + RetinolRetinol เป็นอีกหนึ่งสารที่เรามักจะเห็นในสกินแคร์กันอยู่บ่อยๆ ตัวนี้จะช่วยในเรื่องของการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่และคอลลาเจน ช่วยลดริ้วรอย ปรับให้ผิวดูสดใสขึ้นได้ คนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยน่าจะรู้จักสารตัวนี้ดีเลยละ! ซึ่ง Vitamin C และ Retinol มีคุณสมบัติที่คล้ายๆ กัน แต่ใช้ร่วมกันไม่ได้นะ เพราะทั้งสองตัวจะทำงานได้ดีในค่า pH ที่ต่างกัน Retinol จะทำงานได้ดีที่ค่า pH 5.5 - 6 แต่ Vitamin C ทำงานได้ดีที่ค่า pH น้อยกว่า 3 เพราะงั้นถ้าเราใช้ทั้งสองตัวนี้ร่วมกัน จะไม่ได้ทำให้ผิวของเราดีขึ้น แต่จะยิ่งไปลดประสิทธิภาพของตัวใดตัวหนึ่งแทน ทำให้ผิวของเราได้รับการบำรุงผิวที่ไม่คุ้มค่าเอาซะเลย 3. Vitamin B3 + AHAการใช้สารทั้งสองตัวนี้ร่วมกัน อาจจะไม่ก่อให้ผิวเกิดการระคายเคืองก็จริง แต่ใช้ไปก็ไม่ได้ช่วยให้ผิวดีขึ้นเท่าไหร่นะ เพราะสารทั้งสองตัวนั้น ไม่ได้ส่งเสริมกันอยู่แล้ว ฉะนั้นเลือกใช้แค่ตัวใดตัวหนึ่งก็พอนะคะ เพราะ Vitamin B3 มีส่วนช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงและจะทำงานได้ดีในค่า pH ที่เป็นกลาง ในขณะที่ AHA เป็นสารที่ทำให้ค่า pH บนผิวนั้นไม่สมดุล ฉะนั้นเมื่อทั้งสองสารนี้ผนวกเข้าด้วยกัน จะทำให้การทำงานของ Vitamin B3 มีประสิทธิภาพที่ลดลง ต่อให้ใช้ต่อเนื่องในช่วงระยะเวลานึง ก็ไม่เห็นผลเท่าที่ควร เพราะงั้นไม่ควรจับสารทั้งสองตัวนี้ใช้คู่กันนะคะ 4. Vitamin C + AHAนอกจาก AHA จะไม่ควรใช้ร่วมกับ Vitamin B3 แล้ว ยังไม่ควรใช้ร่วมกับ Vitamin C เพราะ AHA มีส่วนที่ทำให้การทำงานของวิตามินซีลดลงได้ ซึ่งแน่นอนว่า ถ้าใช้คู้กันแล้ว มันก็ไม่เวิร์กใช่มั้ยล่ะ เพราะงั้นเลือกใช้ตัวใดตัวนึงจะดีกว่า Vitamin C กับ AHA ที่มีฤทธิ์เป็นกรดทั้งคู่ ยิ่งฝืนใช้ด้วยกันแล้ว ไม่ใช่แค่ไปลดประสิทธิภาพของวิตามินซีเพียงอย่างเดียว แต่จะยิ่งทำให้ผิวของเราเสียสมดุลด้วย "Active Ingredients" คืออะไร คลายความสงสัยก็วันนี้! 5. Vitamin C + NiacinamideNiacinamide หรือก็คือ Vitamin B3 ทำไมถึงไม่ควรใช้คู่กับ Vitamin C นะ ตัวนึงก็ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น อีกตัวก็ช่วยให้ผิวกระจ่างใสเปล่งปลั่ง น่าจะใช้ด้วยกันได้ แต่จริงๆ แล้ว ไม่ได้นะคะ! การใช้ Vitamin C ร่วมกับ Niacinamide จะทำให้ผิวที่ควรกระจ่างใสของเรา แลดูหมองคล้ำมากยิ่งขึ้น! เพราะทั้ง 2 สารนี้จะไปลดประสิทธิภาพของกันและกัน ทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองขึ้นได้ แต่ในปัจจุบันก็มีสกินแคร์บางตัว ที่หยิบสารทั้งสองตัวมาผนวกเข้าด้วยกันในสกินแคร์ตัวเดียวกัน ซึ่งก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะนั้นถูกผลิตมาในปริมาณที่ใช้ร่วมกันได้ ฉะนั้นไม่ต้องกังวลไปนะจ๊ะ 6. Salicylic + Glycolicสารทั้งสองตัวนี้ มีส่วนช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิวเหมือนกัน แต่ใช้ร่วมกันไม่ได้นะจ๊ะ! พราะเขาคือ AHA และ BHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวหากมีค่าเปอร์เซ็นต์ที่สูงมากเกินไป แทนที่จะไปช่วยลดจุดด่างดำ ริ้วรอย ความหมองคล้ำให้ดีขึ้น กลับทำให้ผิวของเราพังหนักขึ้นแทนล่ะสิไม่ว่า เพราะการใช้ดับเบิลสารผลัดเซลล์ผิวร่วมกันถึง 2 ตัว จะไปทำให้ค่าการผลัดเซลล์ผิวมีมากจนเกินไป ก่อให้เกิดผิวแห้ง ผิวลอก และผิวไม่แข็งแรงขึ้นได้ เพราะงั้นเลือกใช้ตัวใดตัวนึง และไม่ควรใช้ติดต่อกันทุกวันด้วยนะคะ 7. Retinol + AHA/BHAนี่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ เพราะทั้งสองสารนี้ ก็เป็นสารที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวเหมือนกัน! ซึ่ง Retinol ช่วยในการผลัดเซลล์ผิว ลดริ้วรอย และ AHA/BHA ก็ช่วยผลัดเซลล์ผิวเช่นกัน ถ้าเราใช้สารทั้งสองตัวนี้ร่วมกัน จะยิ่งเป็นการไปเร่งผลัดผิวแบบคูณสอง อย่าคิดว่า ก็ดีซิ! ผิวจะได้ใสๆ ไบรท์ๆ ขึ้นไวๆ ไง ไม่ใช่นะคะ! ผิดอย่างที่เพื่อนๆ คิดเลยค่ะ เพราะถ้าเราใช้ทั้งสองตัวนี้ร่วมกัน จะทำให้ผิวของเราบางลง ไวต่อแสงแดดมากขึ้น ทำให้ผิวง่ายต่อการคล้ำเสีย หรือเกิดผื่นแดงได้ง่ายกว่าเดิม เพราะงั้นอย่าใช้คู่กันเลยนะ 8. Retinol + Scrubอย่างที่เพื่อนๆ รู้กันว่า Retinol ช่วยในเรื่องของการผลัดเซลล์ผิว ปรับผิวกระจ่างใส และลดริ้วรอย ซึ่งแม้จะมีผลดี ก็ตามมาด้วยผลเสียเช่นกัน เพราะจะทำให้ผิวของเราไวต่อแสงมากขึ้น บางคนที่มีผิวบอบบางอาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองได้ด้วย แล้วยิ่งถ้าเราใช้เขาคู่กับ Scrub ขัดผิวไปด้วยแล้ว โอ้โห! ความพังบังเกิดขึ้นแน่นอนสิคะ จากผิวที่บางอยู่แล้ว ก็จะยิ่งบางหนักขึ้นไปอีก ผลที่ตามมากคือ ผิวระคายเคือง แห้งลอกได้ง่ายขึ้น เพราะงั้นถ้าเพื่อนๆ คนไหนที่กำลังใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Retinol อยู่ แนะนำว่าอย่าใช้ร่วมกับ Scrub นะ - ที่มารูป: media1.popsugar-assets.com ไปฟังเพลินๆ อีกที "ส่วนผสมไหนไม่ควรใช้ด้วยกัน" ความรู้ใหม่เลยนะเนี่ย!
Cr. คู่สกินแคร์ที่ห้ามใช้/ควรใช้ด้วยกัน อยากผิวปังต้องระวังให้ดี และเลือกใช้ให้ถูกต้อง! Cr. 10 ส่วนผสมในสกินแคร์ที่ควรและไม่ควรใช้คู่กัน ใช้ BHA ร่วมกับ Retinol ได้ไหม1. ไม่สามารถใช้ Retinol ร่วมกับ AHA หรือ BHA ได้ ยังไม่พบผลวิจัยใดๆ ที่สามารถแสดงได้ว่า การใช้ AHA หรือ BHA จะไปหยุดยั้งการทำงาน ของ Retinol หรือ ลดประสิทธิภาพของ Retinol นอกจากมันไม่ได้ลดประสิทธิภาพซึ่งกันและกันแล้ว ยังช่วยส่งเสริมประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาผิวหน้าของคุณให้ดีขึ้นอีกด้วย
BHA ใช้กับอะไรไม่ได้บ้าง2. ไม่ควรใช้ AHA/BHA ร่วมกับ Vitamin C
AHA และ BHA มีความเป็นกรดอ่อนๆ และมีคุณสมบัติในการช่วยผลัดเซลล์ผิว (Exfoliate Factor) ซึ่งทั้งสองตัวนี้ทำหน้าเหมือนกับวิตามินซี หลายคนที่มีปัญหาเรื่องจุดด่างดำ จึงชอบที่จะใช้ AHA BHA และ วิตามินซี ให้การลดเลือนรอยพวกนี้ แต่!
ใช้ BHA คู่กับอะไรดีAHAs/BHA + Retinol
จริง ๆ ไม่ว่าจะ AHAs, BHA หรือ Retinol ทั้งสองตัวสามารถใช้ร่วมกันได้ค่ะ แถมยังให้ประโยชน์กับผิวอีกด้วย ทั้งในเรื่องลดริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้าฝังลึก เป็นตัวช่วยในการเสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว รวมถึงยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า (Exfoliate) ทำให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้นด้วยค่ะ
Salicylic Acid ใช้กับ Retinol ได้ไหมข้อที่ 1 อย่าใช้ Salicylic Acid/Glycolic Acid/ Ratinol/Retinoid ร่วมกัน (ควรใช้คนละเวลา)
|