Show ผมลังเลว่าจะซื้อ Apple Watch มาใส่ดีไหม ตั้งแต่ซีรีส์ 3 นู่นน O_o ซึ่งเหตุผลส่วนตัวที่ทำให้ตัดสินใจไม่ซื้อ Apple Watch มาใส่ในตอนนั้น ก็คือเรื่อง “ความเปราะบาง” เพราะผมชอบเดินป่า ชอบไปเที่ยวแนว adventure ใส่นาฬิกาถึกๆทนๆลุยๆ ดีกว่า.. จะซื้อให้เปลืองตังก์ทำไม ! แต่… สุดท้ายก็อดใจไม่อยู่ ซื้อ Apple Watch ในซีรีส์ 5 มาใส่จนได้ ผมเลือกรุ่น Nike หน้าจอ 44mm แบบ Cellular เพราะซื้อจาก AIS ใช้สิทธิ์ Serenade เอาส่วนลด + cash back จากบัตรเครดิต จนคิดว่าไม่แพงเท่าไหร่แถมผ่อนได้ด้วย… ซื้อก็ได้ หลังจากได้ใช้จริงๆมา 1 เดือน ก็ได้รู้ข้อเสียจนหมดเปลืองครับ 1. ต้องชาร์จทุกวันใช่แล้วครับ… มันต้องชาร์จทุกวัน ! เพราะอยู่ได้วันกว่าๆก็สู่ขิตแล้ว ดังนั้นกลับบ้านไปทุกวันก็ต้องมีภาระกิจเพิ่มอีกอย่างนึงคือ ต้องชาร์จ Apple Watch ทิ้งไว้เลยหลังถอด.. เคยลืม ถอดแล้วไม่ชาร์จ หรือคิดว่าจะชาร์จก่อนนอนก็ลืม ไม่พ้นวันได้ไปแล้วคับ 2. ต้องพกสายชาร์จเพิ่มใช้แล้วครับ… มันมีที่ชาร์จเฉพาะ ถึงแม้ความล้ำของที่ชาร์จจะได้ใจผมตรงที่มันเล็ก และเป็นแม่เหล็กที่ติดแน่น แต่ถ้าไปไหนมาไหนข้ามคืน ก็ต้องพกสายชาร์จ Apple Watch อีกอันเพิ่มด้วย เสี่ยงต่อการลืมและหายแน่นอนครับ 3. ยังตรวจจับการนอนไม่ได้ใช่แล้วครับ… มันยังไม่มีฟังก์ชั่นตรวจจับการนอนในตัว หรือ Sleep Tracking ไม่เหมือน Smarth Watch ยี่ห้ออื่นๆที่เค้าตรวจจับและวิเคราะห์สิ่งนี้มาได้นานแล้ว แต่เอาจริงๆด้วยตัว Apple Watch เองไม่ค่อนเหมาะกับการใส่นอนเท่าไหร่ เคยใส่แล้วไม่สบายข้อมือครับ “อีกอย่างคือถ้าใส่นอนก็จะไม่ได้ชาร์จด้วยยยยนะครับ ฮืออออ” 4. Joox ยังไม่รองรับใช้แล้วครับ… ยังไม่รอบรับ Joox คือมันไม่มี App Joox ใน Apple Watch ครับ เพราะผู้พัฒนาแอพฯยังไม่ทำแอพฯใน AW ผ่านมาจนซีรีส์ 5 แล้วก็ยังไม่มี ดังนั้นผมฟันธงเลยว่า ถ้าใครเป็นสมาชิก Joox ก็จะไม่เหมาะ คือมันกด Play/Pause แค่เหมือนเป็นรีโมท แต่นอกนั้นทำอะไรไม่ได้เลย 5. เสียสมาธิกับ Notificationใช้แล้วครับ… การแจ้งเตือนทุกๆอย่างบน Apple Watch จะทำให้เราเสียสมาธิได้ เพราะมันส่งเสียงและสั่นบ่อยครั้งบนข้อมือเรา แน่นอนว่าในบางครั้งก็ต้องใช้สมาธิ… นี่คงเป็นอีกเหตุผลที่แบตฯค่อนข้างหมดไว ปล.ผมจึงเลือกเปิด Notification แค่บางแอพฯที่จำเป็นเท่านั้นครับ 6. ต้องทะนุถนอมใช่แล้วครับ… มันบอบบางพอสมควร นี่ยังไม่ทันไรแขนผมก็ดันแกว่งไปโดนอะไรไม่รู้โดยไม่ตั้งใจ ได้รอยขีดขนแมวลึกๆมา 1 เส้น จึงไม่เหมาะกับการใส่ไป Adventure อย่างยิ่ง… ถึงมีพวก accessory ป้องกันจอ มี case ให้ใส่ accessory ซึ่งก็ต้องเปลืองเงินและลดความสวยของ Apple Watch ไป 7. Cellular ในตัวมันดี.. แต่ก็ไม่ค่อยได้ใช้ใช่แล้วครับ… ถึงตอนนี้ผมก็ยังต้องพกมือถือตลอดเวลา จริงอยู่ที่มันมีลำโพงในตัว สามารถโทรออก-รับสายได้ แต่ก็ต้องพึ่ง AirPod เพื่อการสนทนายาวๆอยู่ดี และก็ต้องจ่ายค่าบริการรายเดือนสำหรับ NumberShare เพื่อใช้งานโทรฯ ข้อความ ใช้เน็ตด้วย เคยใช้ “ครั้งเดียว” ตอนมือถือแบตหมด… กดโทรและพูดผ่าน Apple Watch ได้เลย แต่ก็นั่นแหละ นานๆใช้ทีครับ 8. ฟังเพลงโดยไม่มี iPhone ??!!ข้อสุดท้าย ที่เสียอารมณ์สุดๆคือ Streaming เพลงผ่าน Apple Watch ได้จริง “แต่ ณ ตอนนี้มันได้แค่ Apple Music เท่านั้น” กะจะวิ่งไปฟัง Spotify ไปโดยที่ไม่พกมือถือ…มันไม่ได้ครับ !!! เซ็งมาก.. ดังนั้นใครอยาก streaming เพลงผ่าน Spotify หมดสิทธิ์ คุณไม่ได้รับสิทธิ์นั้น และถ้าใช้ Joox ด้วยแล้ว ยิ่งห่วย เพราะยังไม่มี App บน Apple Watch ด้วยซ้ำครับ *July 2020 เอาละครับ ซึ่งถ้าเพื่อนๆรับข้อเสียพวกนี้ได้ หรือไม่ได้มองมันเป็นข้อเสีย.. ถ้าชอบและไม่ได้ลำบากเรื่องการจ่าย ก็ซื้อเถอะ!!! แต่ถ้าซื้อมาแล้ว “ใช้ดูเวลาเพียงอย่างเดียว” แน่นอนว่ามันไม่คุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไปแน่นอนครับ จริงอยู่ที่ข้อดีของ Apple Watch มันก็มีเยอะ แต่หวังว่า… ข้อเสียที่ผมว่ามา จะช่วยให้ตัดสินใจได้นะคร้าบ xoxo กดติดตามผมที่ Facebook เพราะมีคอนเทนต์อื่นๆอีกเพียบ itubb.net Facebook facebook.com/itubb และรับรีวิวอัพเดทจากบล็อกเกอร์ได้ทาง LINE Official Account กดแอดเลย TUBBhttps://www.itubb.net “ตั๊บครับ” เป็นบล็อกเกอร์ผู้ชายสาย Travel & Lifestyle ท่องเที่ยวและรีวิว รวมถึงถ่ายทอดประสบการณ์ที่น่าสนใจผ่านบล็อก ชอบอัพเกรดสกิลเวทย์ และเป็นคนเบอร์ 7 ครับ | บล็อกเกอร์ผู้ชายสายเวทย์ The Magic Happens |