ตั้งแต่วันที่ 23 มิถุนายน 2562 เป็นต้นไป ประกาศเรื่อง “หลักเกณฑ์การตรวจค้นของเหลว เจล สเปรย์ ที่จะนำขึ้นบนห้องโดยสารอากาศยาน หรือนำเข้าไปในเขตหวงห้ามของสนามบินสาธารณะ พ.ศ. 2562” จะเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ Show สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ในฐานะผู้ออกกฎดังกล่าว จึงต้องออกมาย้ำชัดๆ อีกครั้งว่า สรุปแล้วของเหลวประเภทไหนพกขึ้นเครื่องได้บ้าง และต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์แบบไหนจึงถูกต้อง ไม่โดนตีตกลงถังขยะ ก่อนจะได้ออกเดินทาง สำหรับนิยามคำว่าของเหลว เจล สเปรย์ (Liquids,Aerosols ang Gel ; LAGs) ตามประกาศใหม่ของ กพท. ก็คือของเหลวในรูปแบบต่างๆ เช่น น้ำ เครื่องดื่ม หรือ “อาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบในปริมาณมาก” อย่างซุป น้ำเชื่อม แยม น้ำจิ้ม น้ำพริก ตลอดจน “เครื่องสำอาง” ครีม โลชั่น เจลใส่ผม สเปรย์ น้ำหอม รวมถึง “วัตถุหรือสารที่มีส่วนผสมทั้งของแข็งและของเหลว” เช่น มาสค่าร่า ลิปสติก ยาหม่อง ใครจะนำของเหลวขึ้นเครื่องต้องจำ 3 ข้อ!
ทั้งนี้ กพท. แนะนำว่า ผู้โดยสารควรนำบรรจุภัณฑ์ที่มีของเหลวทุกชิ้นใส่ในถุงพลาสติกใส ที่มีปริมาตรความจุของถุงไม่เกิน 1 ลิตร หรือ 1,000 มิลลิลิตร โดยขนาดถุงนั้นต้องไม่เกิน 20 เซนติเมตร × 20 เซนติเมตร และนำไปได้คนละ 1 ถุง ก่อนเข้าจุดตรวจค้นสัมภาระในสนามบิน ผู้โดยสารควรแยกบรรจุภัณฑ์หรือถุงพลาสติกใสที่มีบรรจุของเหลว ออกจากสัมภาระติดตัวอื่น เพื่อแสดงให้พนักงานตรวจค้นได้ง่าย ส่วนบรรจุภัณฑ์ที่มีปริมาตรของเหลวเกินกว่าที่กำหนด บรรจุภัณฑ์ที่ไม่มีข้อความบอกปริมาตร รวมถึง “อาหารท้องถิ่นหรืออาหารพื้นเมือง” ที่มีของเหลวเป็นส่วนผสมในปริมาณมากกว่า 100 มิลลิลิตร ต้องลงทะเบียน โหลดลงใต้ท้องเครื่องบินเท่านั้น อย่างไรก็ตาม มีของเหลวบางประเภทที่ได้รับการยกเว้น ไม่ถูกจำกัดปริมาณ ได้แก่ ยา ที่มีใบรับรองแพทย์ ฉลาก หรือเอกสารกำกับยาที่ระบุชื่อผู้โดยสารที่จำเป็นต้องใช้ยานั้น ยกเว้นแต่เป็นยาสามัญประจำบ้าน, อาหารหรือนมสำหรับเด็กทารก และ อาหารที่ต้องพกพาตามข้อกำหนดทางการแพทย์หรือเพื่อวัตถุประสงค์ทางโภชนาการ แต่ทั้งหมดก็ต้องมีปริมาณเหมาะสมกับระยะเวลาการเดินทางในแต่ละเที่ยวบินด้วย ส่วนขาช้อปต้องฟังทางนี้! สำหรับของเหลวที่ซื้อจากร้านค้าปลอดอากร (Duty Free Shop) จะต้องบรรจุไว้ในถุงพลาสติกที่สามารถบ่งชี้ร่องรอยการแกะหรือการเปิดปากถุง (Security Tampered-Evident Bags : STEBs) ซึ่งมีหลักฐานแสดงว่า ผู้โดยสารซื้อในวันที่เดินทาง และไม่มีร่องรอยการแกะหรือเปิดปากถุง ในกรณีที่ผู้โดยสารแวะพักหรือเปลี่ยนเครื่องบิน (Transfer and Transit) ระหว่างการเดินทาง ผู้โดยสารก็ควรตรวจสอบข้อมูลเรื่องหลักเกณฑ์การนำของเหลวขึ้นเครื่องบินจากร้านดิวตี้ฟรีภายในสนามบินที่แวะพักและสนามบินปลายทางทุกครั้ง เพื่อจะได้ช้อปปิ้งและเดินทางได้อย่างสบายใจในทุกๆ ทริป เวลาจะเดินทางโดยเครื่องบินทีไร เราก็มักจะมีคำถามกันเสมอว่า อะไรที่นำขึ้นเครื่องไปได้ หรือไม่ได้บ้าง หรือ อะไรที่พกติดตัวขึ้นเครื่องไม่ได้ หรืออะไรที่โหลดไว้ใต้เครื่องไม่ได้ วันนี้เราได้อัพเดทรวบรวมข้อมูลของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบินมาให้ศึกษากันก่อนขึ้นเครื่องค่ะ จะได้ไม่ต้องมาเสียอารมณ์ หรือเสียจังหวะในการเดินทาง หากต้องถูกตรวจสอบหรือดำเนินการใด ๆ ขึ้นมา ที่สนามบิน ของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน : 1 : ของเหลว เจล สเปรย์ ที่มากเกินไป >> ของเหลว เจล สเปรย์ ไม่ว่าจะเป็น โฟมล้างหน้า เจลอาบน้ำ แชมพู ครีมทาผิว ยาสีฟัน สเปรย์ ลิปกลอส มาสคาร่า น้ำหอม น้ำยาต่าง ๆ ฯลฯ หากต้องการพกขึ้นเครื่องบิน จะต้องมีปริมาณไม่เกิน 100 มล. ต่อ 1 ชิ้น และรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 1,000 มล. นะคะ ที่สำคัญ ภาชนะที่บรรจุ ก็จะต้องไม่เกิน 100 มล. ด้วยเช่นกัน แม้ว่าเราจะใส่ไม่ถึง 100มล.ก็ตาม และจะต้องนำทุกสิ่งอย่างนี้รวมกันไว้ในถุงพลาสติกใสแบบ Zip-lock ขนาด 20 x 20 ซม. เพียงถุงเดียวเท่านั้นด้วยนะคะ >> แต่หากคุณซื้อ ของเหลว เจล สเปรย์ ที่เป็นสินค้าของร้านปลอดภาษี หลังเข้าเกทไปแล้ว ก็สามารถนำติดตัวไปได้ แต่ต้องบรรจุในถุงที่ปิดสนิทจนกว่าจะถึงสนามบินปลายทางเท่านั้น >> ของเหลว เจล สเปรย์ ที่ได้รับยกเว้นการกำหนดปริมาตร แต่ต้องมีปริมาณเหมาะสมกับระยะเวลาเดินทาง ได้แก่ ยา โดยต้องมีใบรับรองแพทย์ ระบุชื่อผู้โดยสาร และ อาหารหรือนมสำหรับเด็กทารกที่จำเป็นต้องรับประทานระหว่างเที่ยวบิน ของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน : 2 : อาวุธ และ ของมีคม >> ของที่เราไม่สามารถพกขึ้นเครื่องไปได้เลย ก็คือของมีอันตราย หรือมีลักษณะอันตรายต่าง ๆ ค่ะ อย่างเช่น อาวุธ ไม่ว่าจะเป็นอาวุธจริง หรือของเล่น เช่น ปืน มีด ดาบ กระบอง สนับมือ ไม้ช็อตยุงไฟฟ้า เครื่องช็อตไฟฟ้า หรือแม้แต่ปืนเด็กเล่น และอีกประเภทก็คือ ของมีคม เช่น กรรไกร คัตเตอร์ ไขควง เบ็ดตกปลา เข็มเย็บผ้า เข็มฉีดยา มีดโกนหนวด หรือแม้แต่ กรรไกรตัดเล็บ ก็พกขึ้นเครื่องไปไม่ได้นะคะ >> แต่ถ้ามีอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องใช้งานจริง ๆ ก็สามารถนำโหลดใต้เครื่องไปได้ค่ะ แต่ก็ต้องไม่เป็นอาวุธอันตรายนะคะ >> กรณีต้องใช้เข็มฉีดยาเพื่อการรักษา เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ที่จำเป็นต้องใช้เข็มฉีดยาอินซูลิน ก็สามารถพกเข็มฉีดยาขึ้นเครื่องไปได้ โดยต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วยค่ะ ของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน : 3 : สารอันตราย วัตถุอันตราย >> ของที่เราไม่สามารถนำขึ้นเครื่องไปได้เลย อีกประเภท ก็คือ สารอันตราย วัตถุอันตราย วัตถุไวไฟ วัตถุระเบิด ตัวอย่างเช่น ไนโตรเจนเหลว สารพิษ ยาฆ่าแมลง สารหนู ไซยาไนด์ แอมโมเนียไนเตรท แคลเซียมเปอร์ออกไซด์ ธาตุยูเรเนียม วัตถุนำเชื้อโรคทางชีวภาพ น้ำกรด ปรอท แบตเตอรีที่บรรจุสารกัดกร่อน สีน้ำมัน สีสเปรย์ ทินเนอร์ พลุ ประทัด ไฟแช็ก บุหรี่ไฟฟ้า ฯลฯ ของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน : 4 : Power Bank ที่มีค่าความจุไฟฟ้าเกิน 32,000 mAh >> เราไม่สามารถนำ Power Bank ใส่กระเป๋าที่จะโหลดไปใต้เครื่องอย่างเด็ดขาดเลยนะคะ >> แต่เราสามารถพก Power Bank ขึ้นเครื่องไปได้ โดยต้องเป็น Power Bank ที่มีค่าความจุไฟฟ้าไม่เกิน 32,000 mAh ต่อเครื่อง และพกไปได้ ไม่เกินคนละ 2 เครื่อง หากเป็น Power Bank ที่มีค่าความจุไฟฟ้าไม่เกิน 20,000 mAh สามารถพกได้ถึงคนละ 10 เครื่องเลยค่ะ ของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน : 5 : อาหารสด และ อาหารกลิ่นแรง >> อาหารสด เช่น เนื้อแช่แข็ง หรือ อาหารที่มีกลิ่นแรง เช่น ปลาหมึกแห้ง น้ำพริก หรือ ทุเรียน ก็เป็นสิ่งที่นำขึ้นเครื่องไม่ได้เช่นกันค่ะ แม้ว่าบางสายการบินอาจยังไม่มีข้อห้ามที่ชัดเจน แต่ด้วยมารยาท ก็เป็นสิ่งที่พึงปฏิบัติอยู่แล้วนะคะ >> แต่ถ้าอยากจะนำอาหารไปด้วยจริง ๆ ก็สามารถแพคให้ดี แล้วโหลดใต้เครื่องได้ค่ะ แต่ทั้งนี้ ก็ต้องศึกษากฎของสนามบินแต่ละแห่งด้วยนะคะ ว่ามีข้อห้ามอาหารประเภทใดบ้างหรือไม่ ของที่ห้ามนำขึ้นเครื่องบิน : 6 : สัตว์มีพิษ สัตว์ดุร้าย >> เราไม่สามารถนำสัตว์มีพิษ หรือ สัตว์ดุร้าย ขึ้นเครื่องบินไปได้ อย่างเช่น แมงมุมพิษ หรือ งู รวมไปถึงสัตว์ขนาดใหญ่ และ สัตว์สงวน เพราะนอกจากอาจเป็นการรบกวนผู้อื่นแล้ว ก็ยังเป็นการทำผิดกฎหมายอีกด้วยนะคะ >> กรณีต้องการนำสัตว์เลี้ยงเดินทางไปด้วย สามารถนำขึ้นเครื่องได้เฉพาะบางสายการบินเท่านั้น ซึ่งต้องสอบถามข้อมูลรายละเอียดของแต่ละสายการบินให้ดีก่อนว่าอนุญาตหรือไม่ และมีเงื่อนไข หรือข้อจำกัดอย่างไรบ้างค่ะ ข้อมูลที่เราได้รวบรวมมาให้นี้ เป็นข้อมูลของสายการบินโดยทั่วไปค่ะ ซึ่งก่อนเดินทาง ก็ควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากสายการบินที่เราจะใช้บริการด้วยนะคะ และแน่นอนว่าการเตรียมพร้อมในการเดินทางเป็นสิ่งสำคัญ แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็อาจเกิดขึ้นได้ในทุกการเดินทาง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุ หรือการโจรกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่สนุกกับการท่องเที่ยวด้วยตัวเองคนเดียว จึงควรพิจารณาตัวช่วยเพิ่มความอุ่นใจ นั่นก็คือ ประกันภัยผู้หญิง ของ เจมาร์ท ประกันภัย อย่างเช่น แพ็คเกจ Lady & The City ที่ได้รับการออกแบบมาให้ดูแลทรัพย์สินของสาว ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะจากการถูกปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ในสถานที่ต่าง ๆ ทั้งยัง ให้ความคุ้มครองบ้านอยู่อาศัย พร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้านอีกด้วย และเตรียมพบกับประกันการเดินทาง เร็วๆนี้ จะไปเที่ยวไหน ก็สบายใจไปอีกขั้นค่ะ หากเตรียมพร้อมแล้ว ก็เตรียม แพคกระเป๋าเดินทางไปเที่ยวกันได้เลยค่ะ Bon Voyage ! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือข้อมูลเกี่ยวกับประกันอุบัติเหตุอื่นๆ หรือ Lady & The City สามารถติดต่อ เจมาร์ท ประกันภัย ได้ที่เบอร์ 02-099-0555 หรือ Line@ : @jaymartinsurance เรายินดีให้บริการค่ะ ยาสีฟันกี่กรัมนำขึ้นเครื่องได้วัตถุกลุ่ม LAG ซึ่งได้แก่ เครื่องดื่ม ครีม น้ำหอม สเปรย์ เจล และยาสีฟันจะต้องถูกเก็บอยู่ในภาชนะที่มีความจุไม่เกิน 100 มิลลิลิตร / 3.4 ออนซ์ (ปริมาตร), 100 กรัม (น้ำหนัก) ภาชนะใส่ LAG ทุกชิ้นควรมีขนาดพอดีไม่คับเกินไปสำหรับถุงพลาสติกใสแบบซีลปิดได้
ของเหลว 100 กรัม ขึ้นเครื่องได้ไหมของเหลว เจล สปรย์ ที่สามารถนำติดตัวขึ้นเครื่องได้ ต้องมีปริมาตรความจุต้องไม่เกิน 100 มิลลิลิตร หรือ 100 กรัม หรือ 3.4 ออนซ์ บรรจุภัณฑ์ต้องข้อความระบุปริมาตรและต้องปิดสนิท ผู้โดยสารสามารถนำบรรจุภัณฑ์ที่มีของเหลวติดตัวไปได้มากกว่า 1 ชิ้น แต่ต้องมีปริมาตรรวมกันสูงสุดคนละไม่เกิน 1 ลิตร หรือ 1,000 มิลลิลิตร
ยาสีฟันโหลดใต้เครื่องได้ไหม3. ของเหลวในกระเป๋าถือ
ของเหลวอย่าง ครีมทาผิว น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์ น้ำหอม สเปรย์ฉีดผม เจล ยาสีฟัน ยาประจำตัว อาหารเหลวของเด็กน้อย ถึงแม้จะใส่กระเป๋าถือได้แต่ต้องมีปริมาณไม่เกิน 100 มล. (3.4 ออนซ์) ต่อชิ้น
ยาสีฟัน หลอดเล็ก ขึ้นเครื่องได้ไหม2. ของเหลวทุกชนิด
รวมทุกชิ้น ต้องไม่เกิน 1,000 มิลลิลิตร ทุกชิ้นต้องใส่รวมกันในถุงซิปล็อค 1 ใบเท่านั้น ภาชนะที่มีระบุข้างขวดว่า ปริมาณเกิน 100 มิลลิลิตร เช่น ยาสีฟัน,ยาทา ถึงแม้ว่าจะใช้จนเหลือค่อนหลอดแล้วก็เอาขึ้นเครื่องไม่ได้ เค้าดูปริมาณข้างหลอดเป็นหลัก
|