ซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ต้องยื่น ภพ.36 หรือไม่

วันที่เอกสาร

19 เมษายน 2545

เลขที่หนังสือ

กค 0811/พ./3182

ข้อกฎหมาย

มาตรา 83/6(2), มาตรา 77/1(8)(ค)

ข้อหารือ

กรณีบริษัทซึ่งประกอบกิจการส่งออกยางพาราได้จ่ายค่าบริการเป็นอัตรารายปี สำหรับ
การจัดการแนะนำการผลิต การตลาด และการอบรมพนักงานตามข้อตกลงในสัญญาให้แก่บริษัทร่วมทุนซึ่ง
เป็นบริษัทต่างประเทศตั้งอยู่ ณ ประเทศมาเลเซีย บริษัทฯ ได้หารือว่า
1. กรณีบริษัทฯ ส่งสินค้าไปให้บริษัทร่วมทุนในต่างประเทศแทนการชำระเงินค่าบริการ
ดังกล่าว โดยบริษัทฯ ออกใบกำกับภาษีในนามของบริษัทร่วมทุนในอัตราร้อยละ 0 และคิดราคาใน
ใบกำกับภาษีซึ่งเป็นเงินตราต่างประเทศคูณด้วยอัตราแลกเปลี่ยนของวันถัดไปตามที่กฎหมายกำหนด และ
นำราคาดังกล่าวมาเป็นฐานภาษีในการคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเพื่อยื่นแบบ ภ.พ.36 การปฏิบัติดังกล่าว
ถูกต้องหรือไม่
2. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ ต้องนำส่งตามแบบ ภ.พ.36 บริษัทฯ จะต้องยื่นเสียภาษีภายใน 7
วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่ออกใบกำกับภาษีในการส่งออกสินค้าแทนการชำระค่าบริการ หรือภายใน
7 วัน นับแต่วันสิ้นเดือนของการครบกำหนดการชำระเงินในใบกำกับภาษี
3. กรณีบริษัทฯ จ่ายค่าบริการเป็นสินค้าล่วงหน้าระหว่างปี และนำไปหักกลบบัญชีค่าบริการ
จัดการซึ่งจะคำนวณคิดตอนสิ้นปี บริษัทฯ จะต้องคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในการยื่นแบบ ภ.พ.36
อย่างไร

แนววินิจฉัย

1. กรณีบริษัทฯ ชำระค่าบริการการจัดการแนะนำการผลิต การตลาด และการอบรมพนักงาน
ให้แก่บริษัทร่วมทุนในต่างประเทศ เป็นกรณีบริษัทฯ ชำระค่าบริการให้แก่ผู้ประกอบการที่ได้ให้บริการใน
ต่างประเทศและได้มีการใช้บริการนั้นในราชอาณาจักร บริษัทฯ มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.พ.36 นำส่งเงิน
ภาษีมูลค่าเพิ่มที่ผู้ประกอบการมีหน้าที่เสียตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร แต่กรณีตาม
ข้อเท็จจริง บริษัทฯ ส่งสินค้าไปให้บริษัทร่วมทุนในต่างประเทศแทนการชำระค่าบริการ การส่งสินค้า
ดังกล่าวเป็นการขายสินค้าโดยส่งออกตามมาตรา 77/1(8)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร มูลค่าสำหรับการ
ส่งออกดังกล่าวถือเป็นค่าบริการที่บริษัทฯ ต้องชำระให้แก่บริษัทร่วมทุนในต่างประเทศ บริษัทฯ ต้องนำ
มูลค่าฐานภาษีสำหรับการส่งออกดังกล่าวไปคำนวณเป็นฐานภาษีในการยื่นแบบ ภ.พ.36 เพื่อนำส่ง
ภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร โดยบริษัทฯ ต้องยื่นแบบ ภ.พ.36 นำส่ง
ภาษีมูลค่าเพิ่มทุกครั้งที่บริษัทฯ ได้ส่งสินค้าให้บริษัทร่วมทุนในต่างประเทศแทนการชำระค่าบริการ
การจัดการดังกล่าว หากมูลค่าการส่งออกดังกล่าวไม่ครบตามจำนวนค่าบริการที่ต้องชำระตอนสิ้นปี บริษัท
ฯ ต้องนำมูลค่าฐานภาษีสำหรับการส่งออกที่ได้นำไปคำนวณเป็นฐานภาษีและได้ยื่นแบบ ภ.พ.36 ไปแล้ว
นั้นไปหักกลบกับค่าบริการที่ต้องชำระตอนสิ้นปี และเมื่อบริษัทฯ ชำระค่าบริการการจัดการที่เหลือตอนสิ้นปี
บริษัทฯ มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.พ.36 นำส่งภาษี มูลค่าเพิ่มตามมาตรา 83/6(2) แห่งประมวลรัษฎากร
2. ภาษีมูลค่าเพิ่มที่บริษัทฯ ต้องยื่นแบบ ภ.พ.36 นำส่งกรมสรรพากรตาม 1. บริษัทฯ ต้อง
นำส่งและยื่นรายการภายในเจ็ดวัน นับแต่วันสิ้นเดือนของเดือนที่จ่ายเงินให้ผู้ประกอบการใน
ต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามข้อ 4 ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง ขยายกำหนดเวลาการนำส่ง
ภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย การนำส่งภาษีเงินได้ การนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม และการยื่นรายการ ลงวันที่ 24
กรกฎาคม พ.ศ. 2544
3. กรณีบริษัทฯ ส่งสินค้าไปให้บริษัทร่วมทุนในต่างประเทศแทนการชำระค่าบริการดังกล่าว
เป็นกรณีการส่งออกสินค้าตามมาตรา 77/1(8)(ค) แห่งประมวลรัษฎากร ใบกำกับภาษีโดยการส่งออก
ให้มีรายการเช่นเดียวกันกับใบกำกับสินค้าซึ่งผู้ส่งออกได้ออกเป็นปกติตามประเพณีทาง
การค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้ ตามประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 21)
เรื่อง กำหนดรายการในใบกำกับภาษีของสินค้าหรือบริการบางกรณี ตามมาตรา 86/5(1) และ (2)
แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2534 โดยมูลค่าของฐานภาษีในการส่งออกเป็นไป
ตามมาตรา 79/1(1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งมูลค่าของฐานภาษีดังกล่าวเป็นค่าบริการที่บริษัทฯ จ่าย
ให้แก่บริษัทร่วมทุนในต่างประเทศ บริษัทฯ จะต้องคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย โดยใช้
อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราตามอัตราอ้างอิงประจำวันที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศไว้เป็น
อัตราแลกเปลี่ยนในการคำนวณเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทยของวันถัดไป ตามข้อ 2 และข้อ
3(5) ของประกาศกระทรวงการคลัง เรื่อง อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นเงินตราไทย
ตามมาตรา 9 แห่งประมวลรัษฎากร ลงวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2541 เมื่อความรับผิดในการเสีย
ภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการขายสินค้าโดยส่งออกเกิดขึ้นตามมาตรา 78(4) แห่งประมวลรัษฎากร กล่าวคือ
เมื่อชำระอากรขาออก วางหลักประกันอากรขาออกหรือจัดให้มีผู้ค้ำประกันอากรขาออก เว้นแต่ในกรณีที่
ไม่ต้องเสียอากรขาออกหรือได้รับยกเว้นอากรขาออก ซึ่งความรับผิดในการเสียภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นใน
วันที่มีการออกใบขนสินค้าขาออกตามกฎหมายว่าด้วยศุลกากร

กรมสรรพากรแก้ไขล่าสุด

22 พฤษภาคม 2563

• ภ.พ.36 คือ แบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม ตามประมวลรัษฎากร ใช้เมื่อได้จ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ให้แก่ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ฯ

.

• ใครคือผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.พ.36?

แบบ ภ.พ.36 ใช้สำหรับผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีดังต่อไปนี้ ผู้จ่ายเงินที่จ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ให้แก่

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น เพื่อช่วยให้การทำงานหลักของเว็บไซต์ใช้งานได้ รวมถึงการเข้าถึงพื้นที่ที่ปลอดภัยต่าง ๆ ของเว็บไซต์ หากไม่มีคุกกี้นี้เว็บไซต์จะไม่สามารถทำงานได้อย่างเหมาะสม และจะใช้งานได้โดยการตั้งค่าเริ่มต้น โดยไม่สามารถปิดการใช้งานได้


คุกกี้ในส่วนวิเคราะห์ จะช่วยให้เว็บไซต์เข้าใจรูปแบบการใช้งานของผู้เข้าชมและจะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การใช้งาน โดยการเก็บรวบรวมข้อมูลและรายงานผลการใช้งานของผู้ใช้งาน


คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์เพื่อแสดงโฆษณาที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้งานแต่ละรายและเพื่อเพิ่มประสิทธิผลการโฆษณาสำหรับผู้เผยแพร่และผู้โฆษณาสำหรับบุคคลที่สาม

ใครที่ต้องยื่นภพ 36

ผู้มีหน้าที่ยื่นแบบ ภ.พ.36 ได้แก่ (1) ผู้จ่ายเงินซึ่งจ่ายเงินค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการให้แก่ (ก) ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักรซึ่งได้เข้ามา ประกอบกิจการขายสินค้าหรือให้บริการในราชอาณาจักรเปนการ ชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเปนการชั่วคราว หรือ

ทำไมต้องยื่นแบบ ภพ.36

ภ.พ.36 เป็นแบบนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม อันเนื่องจากมาจากผู้ขายหรือผู้ให้บริการไม่ได้เข้ามาทำกิจการในประเทศไทย ทำให้ผู้จ่ายค่าสินค้าหรือบริการนั้น ๆ จะต้องเป็นผู้ที่ยื่นแบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งถือว่ามีความจำเป็นเพราะผู้จ่ายค่าสินค้าส่วนมากมักไม่ทราบว่าตนจะต้องยื่นหรืออาจเกิดจากการหลงลืม ดังนั้นหากทราบว่าตนเองจะต้องมีการจ่าย ...

บริษัทไม่ได้จด VAT ต้องยื่น ภพ.36 ไหม

คำถามที่ 2. หากเป็นกรณีที่ต้องยื่นแบบ ภ.พ.36 ไม่ว่าบริษัทฯ (ผู้โอน) จะจด VAT หรือไม่...ก็ยังคงมีหน้าที่ต้องยื่นแบบ ภพ.36 โดย ***ถ้าจด VAT ก็สามารถนำยอดภาษีตามแบบ ภ.พ.36 มาขอคืนได้*** ***แต่ถ้าไม่ได้จด VAT ก็ให้นำมาถือเป็นรายจ่าย*** ความเข้าใจนี้ถูกต้องแล้วครับ

จะต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.36) หรือไม่ อย่างไร

แบบ ..36 ใช้สำหรับผู้มีหน้าที่นำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม กรณีดังต่อไปนี้ ผู้จ่ายเงินที่จ่ายค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการ ให้แก่ . 1. ผู้ประกอบการที่อยู่นอกราชอาณาจักร ซึ่งได้เข้ามาประกอบกิจการขายสินค้า หรือให้บริการในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นการชั่วคราว