พรหมจรรย์ ใน ความ เชื่อ อาศรม 4 ของ ฮินดู

อาศรมในศาสนาฮินดูหมายถึงระยะของชีวิต 4 ระยะซึ่งมีระบุไว้ในเอกสารยุคโบราณและยุคกลางของฮินดู อาศรมทั้งสี่ระยะได้แก่ พรหมจรรยะ (ผู้เรียน), คฤหัสถะ (ผู้ครองเรือน), วานปรัสถะ (ผู้ออกจาริก) และ สันยาสะ (ผู้ละทิ้งทางโลก)

อาศรมสี่เป็นหนทางหนึ่งของแนวคิด ธรรมะ ในศาสนาฮินดู และเป็นส่วนหนึ่งของประเด็นทางจริยศาสตร์ของปรัชญาอินเดีย ที่ซึ่งถูกรวมเข้ากับเป้าหมายสี่ประการของชีวิตมนุษย์ (ปุรุษสรรถะ) เพื่อการเติมเต็ม, ความสุข และการบรรลุทางจิตวิญญาณ แนวคิดอษสรมสี่ยังมีอิทธิพลต่อการวางแผนดำรงชีวิตของผู้คนโดยเฉพาะในอินเดีย

ภายใต้ระบบอาศรมสี่ ชีวิตมนุษย์แบ่งออกเป็นสี่ช่วง โดยเป้าหมายของแต่ละช่วงชีวิตคือการเติมเต็มและพัฒนาปัจเจก ในระบบอาศรมแบบคลาสสิก เช่นใน อาศรมอุปนิษัท, ไวขานสธรรมสูตร และใน ธรรมศาสตร์ ซึ่งเขียนขึ้นในยุคถัดมา มีการระบุช่วงอายุแนะนำในการเข้าสู่แต่ละระยะ ในขณะที่ระบบดั้งเดิมดังที่ปรากฏใน ธรรมสูตร ยุคแรก อาศรมทั้งสี่เป็นวิถีชีวิตทางเลือกสี่แบบ โดยไม่ปรากฏการระบุช่วงวัยที่ให้ปฏิบัติ

ระบบอาศรมสี่อาศรม / ช่วงชีวิตอายุ (ปี)รายละเอียดพิธีเปลี่ยนผ่านพรหมจรรย์
(ผู้เรียน)ถึง 25พรหมจรรย์ เป็นช่วงชีวิตแห่งการศึกษา และการดำรงตนเป็นพรหมจรรย์ (ละเว้นการร่วมประเวณี) นักเรียนจะเดินทางไปคุรุกุล (ที่พำนักของคุรุ) และโดยทั่วไปยะอาศัยกับคุรุ (อาจารย์) เพื่อรับความรู้ แนวคิด ปรัชญา สัจธรรม และตรรกะ, ปฏิบัติตนตามครรลอง, ทำงานเพื่อได้รับทักษิณมาจ่ายให้กับคุรุ, เรียนรู้ที่จะมีชีวิตด้วยธรรมอุปนัยนะ เมื่อเข้า สมาวรรตนะ เมื่อสิ้นสุดคฤหัสถ์
(ผู้ครองเรือน)25-50หมายถึงช่วงชีวิตซึ่งได้สมรส, ดูแลเรือน, สร้างครอบครัว, เลี้ยงดูให้การศึกษาแก่ลูก มีชีวิตทางสังคมและทางธรรมโดยมีครอบครัวเป็นหลักกลางของชีวิต ในทางสังคมวิทยา ระยะนี้เป็นช่วงที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นช่วงแห่งการสร้างอาหารและความมั่งคั่ง ที่จะช่วยจุนเจือผู้ที่อยู่ในระยะอื่น ๆ ของระบบอาศรม รวมถึงสร้างลูกหลานขึ้นมาเพื่อสืบทอดมนุษยชาติ และช่วงนี้เป็นช่วงที่มนุษย์เกิดความผูกพันทางโลกสูงวิวาหะ เมื่อเข้าวานปรัสถ์
(เกษียณ)50-75ช่วงชีวิตหลังเกษียณ ส่งต่อภาระทางเรือนให้แก่ผู้คนในรุ่นถัดไป ละค่อย ๆ ถอนตัวออกจากชีวิตทางโลก วานปรัสถ์เป็นช่วงชีวิตแห่งการเปลี่ยนผ่านจากการมุ่งเน้นซึ่งอรรถะ และ กามะ ไปสู่การมุ่งเน้นยังโมกษะ (การหลุดพ้น)สันยาส
(ละทิ้งทางโลก)75 ปีขึ้นไปเป็นช่วงชีวิตแห่งการละทิ้งความปราถนาทางวัตถุและทางโลก โดยทั่วไปคือปราศจากสิ่งครอบครองรวมถึงที่อยู่ ใช้ชีวิตโดยมุ่งเน้นโมกษะ, ความสันติ และชีวิตทางจิตวิญญาณที่เรียบง่าย ผู้ใดก็ตามที่สิ้นสุดระยะพรหมจรรย์แล้วสามารถเข้าสู่ระยะนี้ได้ทุกเมื่อ

  1. . ราชบัณฑิตยสถาน. 2548. pp. 71–72. ISBN 974-958-833-9. สืบค้นเมื่อ 12 เมษายน 2560.Check date values in: |accessdate=, |year= (help)
  2. Patrick Olivelle (1993), The Āśrama System: The History and Hermeneutics of a Religious Institution, Oxford University Press, แม่แบบ:Oclc, pages 1–29, 84–111
  3. RK Sharma (1999), Indian Society, Institutions and Change, ISBN 978-8171566655, page 28
  4. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่ถูกต้อง ไม่มีการกำหนดข้อความสำหรับอ้างอิงชื่อ aw2
  5. Alban Widgery (1930), , International Journal of Ethics, 40(2): 232–245
  6. Chakkarath, Pradeep (2005), pp. 31-54.
  7. Chakkarath, Pradeep (2013). Indian thoughts on psychological human development. In G. Misra (Ed.), Psychology and Psychoanalysis in India (pp. 167-190). New Delhi: Munshiram Manoharlal Publishers.
  8. Rama, p. 467.
  9. Barbara Holdrege (2004), Dharma, in The Hindu World (Editors: Sushil Mittal and Gene Thursby), Routledge, ISBN 0-415-21527-7, page 231
  10. J. Donald Walters (1998), , Crystal Clarity Publishers, pp. 154–, ISBN 978-1-56589-745-8, สืบค้นเมื่อ12 July 2013
  11. Vivekjivandas, Sadhu. Hinduism: An Introduction – Part 2. (Swaminarayan Aksharpith: Ahmedabad, 2010) p. 113. ISBN 978-81-7526-434-2
  12. Brian Smith (1986), , Numen, Vol. 33, Fasc. 1, pages 65–89
  13. R Pandey (1969), Hindu Saṁskāras: Socio-Religious Study of the Hindu Sacraments (2nd Ed.), Delhi: Motilal Banarsidass, ISBN 81-208-0434-1
  14. Sahebrao Genu Nigal (1986). . Northern Book Centre. pp. 110–114. ISBN 81-85119-18-X.
  15. Manilal Bose (1998). "5. Grihastha Ashrama, Vanprastha and Sanyasa". Social and cultural history of ancient India. Concept Publishing Company. pp. 68–79. ISBN 81-7022-598-1.
  16. Mazumdar and Mazumdar (2005), Home in the Context of Religion, in Home and Identity in Late Life: International Perspectives (Editor: Graham D. Rowles et al.), Springer, ISBN 978-0826127150, pages 81–103
  17. Albertina Nugteren (2005), Belief, Bounty, And Beauty: Rituals Around Sacred Trees in India, Brill Academic, ISBN 978-9004146013, pages 13–21
  18. Ralph Tench and William Sun (2014), Communicating Corporate Social Responsibility: Perspectives and Practice, ISBN 978-1783507955, page 346
  19. Saraswathi et al (2010), Reconceptualizing Lifespan Development through a Hindu Perspective, in Bridging Cultural and Developmental Approaches to Psychology (Editor: Lene Arnett Jensen), Oxford University Press, ISBN 978-0195383430, page 280-286
  20. S. Radhakrishnan (1922), The Hindu Dharma, International Journal of Ethics, 33(1): 1–22
  21. DP Bhawuk (2011), The Paths of Bondage and Liberation, in Spirituality and Indian Psychology, Springer, ISBN 978-1-4419-8109-7, pages 93–110