การท่องเที่ยวตามแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติถือเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยนิยมชมชอบอย่างมาก ส่วนหนึ่งก็เพราะการท่องเที่ยวแบบนี้นอกจากจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติที่คนในเมืองไม่สามารถสัมผัสได้ง่ายๆ แล้ว ยังให้ความรู้สึกเปลี่ยนไปจากการใช้ชีวิตรูปแบบเดิมๆ อีกด้วย ดังนั้นเรื่องของกฎสำหรับการเที่ยวป่าหรือแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอื่นๆ ก็เป็นสิ่งสำคัญส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นการอนุรักษ์ไม่ให้แหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติเหล่านี้ต้องเสียหายจนคนรุ่นหลังไม่มีโอกาสได้เข้ามาสัมผัสกัน กฎง่ายๆ สำหรับการเที่ยวป่าที่ต้องควรรู้เอาไว้ ปฏิบัติตามกฎพื้นฐานของสถานที่ท่องเที่ยวนั้นๆ – เวลาเราเที่ยวตามป่าหรือแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติหลายๆ แห่งมักเป็นพวกอุทยานแห่งชาติดังนั้นกฎข้อแรกที่ง่ายที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวก็คือให้อ่านกฎระเบียบของการท่องเที่ยวให้ดีแล้วปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด คือกฎทั่วไปของสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่ได้กระทบการท่องเที่ยวของเราแม้แต่น้อย ดังนั้นการทำตามจึงไม่ใช่เรื่องยาก อย่าทำลายธรรมชาติ – การทำลายธรรมชาติของการท่องเที่ยวตามป่าหรือแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติเราอาจทำโดยไม่ตั้งใจตรงนี้คงว่ากันไม่ได้แต่ถ้าใครตั้งใจประเภท เด็ดต้นไม้ ดอกไม้ เขียนสลักชื่อตามหน้าผา จับหินงอกหินย้อย เหล่านี้จัดเป็นการทำลายธรรมชาติทั้งสิ้นและไม่สมควรกระทำโดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะทำให้ธรรมชาติเกิดความเสียหายแล้วยังส่งผลเสียต่อคนที่เข้ามาภายหลังอีกด้วย อย่าทิ้งขยะเป็นอันขาด – โดยเฉพาะพวกขวดน้ำพลาสติก, กล่องโฟมใส่อาหาร ถุงพลาสติก และอื่นๆ
อีกมากมายหากจำเป็นต้องนำสิ่งเหล่านี้เข้าไปเมื่อใช้งานเรียบร้อยแล้วให้เก็บห่อหุ้มเอาไว้ให้ดีแล้วค่อยนำออกมาทิ้งด้านนอกที่มีถังขยะ สอดส่องดูแลเป็นหูเป็นตาร่วมกัน – หากพบเห็นใครกำลังทำสิ่งไม่ดีถ้าตักเตือนได้ควรทำแต่ถ้าเกรงว่าจะเป็นอันตรายให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไปจัดการดูแล จะช่วยทำให้ป่าไม้และธรรมชาติยังคงเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันน่าประทับใจเสมอเพียงแค่ช่วยกันคนละไม้คนละมือเท่านั้นเอง คนอเมริกันใช้เวลาแต่ละวันอยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ติดต่อสื่อสารเฉลี่ยวันละ 10 ชั่วโมง แต่ใช้เวลาอยู่กลางแจ้งไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น อาจารย์เดวิด สเตรเยอร์ (David Strayer) ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัย University of Utah กล่าวที่การสมนา บนเวที TEDTalk ว่าการใช้เทคโนโลยีอาจนำมาซึ่งความเครียด เขากล่าวว่าความเครียดจากการอ่านอีเมล เช็คเฟสบุ๊ก และติดตามข่าว สร้างความเครียดให้กับสมองส่วนหน้าที่ทำหน้าที่คิดวิเคราะห์ ตัดสินใจและแก้ไขปัญหาต่างๆ อาจารย์สเตรเยอร์กล่าวถึงการพักสมองไว้ว่า การอยู่ใกล้ธรรมชาติช่วยทำให้สมองผ่อนคลายได้ เขาได้ศึกษาการทำงานของสมองที่ได้ผ่อนคลายเมื่อคนถูกห้อมล้อมด้วยธรรมชาติ และพบว่าการตัดขาดจากเทคโนโลยีด้วยการเข้าไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนั้นช่วยให้ความจำดีขึ้น อาจารย์ผู้นี้พบว่าการอยู่ในธรรมชาติเป็นเวลา 3 วัน โดยไม่มีการใช้เทคโนโลยีเลย เป็นระยะเวลาที่เพียงพอ ที่จะให้สมองพักผ่อนและช่วยกดปุ่ม “reset” ให้กับสมอง เขาย้ำว่าการอาศัยอยู่ใกล้ธรรมชาติเป็นเวลานาน จะสร้างผลดีต่อสมองได้ดีกว่าการอยู่เพียงระยะเวลาสั้นๆ ชาวอเมริกันจำนวนมากใช้โอกาสช่วงฤดูร้อน ไปเที่ยวแบบ “camping” ซึ่งรูปแบบของการท่องเที่ยวประเภทนี้ก็คือการนอนค้างคืนและทัศนาจร รวมถึงทำกิจกรรมสนุกๆ ในธรรมชาติ เช่น อุทยานธรรมชาติที่มีมากมายในสหรัฐฯ เคท ซอมเมอร์ ผู้ชอบท่องเที่ยวกลางแจ้ง กล่าวว่า แม้การเดินออกกำลังกายจะช่วยเธอพักสมอง แต่การเที่ยว “camping” หลายๆวัน ช่วยสร้างประสบการณ์ผ่อนคลายที่ดีกว่าและสมบูรณ์กว่า เธอบอกว่าการเที่ยว “camping” ทำให้รู้สึกว่าได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งกับธรรมชาติมากกว่า เคท ซอมเมอร์ กล่าวว่า ธรรมชาติยังเปิดโอกาสการเรียนรู้ให้กับเธอในเรื่องต่างๆ เช่น การปรับตัวกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงและเพิ่มความรู้ให้กับเธอในเรื่องสัตว์และต้นไม้ ยังไม่นับการเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอีกด้วย ข้อคิดจากอาจารย์เดวิด สเตรเยอร์ และ เคท ซอมเมอร์ อาจจะช่วยให้หลายคนมองธรรมชาติ เป็นทางเลือกเพื่อการพักจากจังหวะชีวิตที่ถูกกระตุ้นด้วยเทคโนโลยีแทบตลอดเวลา เพราะธรรมชาติให้ทั้งความสงบและยังเป็นครูที่ดีได้ด้วย (รัตพล อ่อนสนิท เรียบเรียงจากรายงานของห้องข่าววีโอเอ) |