พิพิธภัณฑ์ “จักสาน” พนัสนิคมแหล่งเรียนรู้ หัตถกรรมจากไม้ไผ่ไม้ไผ่ พืชธรรมชาติหลากชนิดที่ขึ้นอยู่กระจัดกระจายไปตามพื้นที่ป่าทั่วประเทศ นำมาซึ่งประโยชน์ใช้สอยได้ในทุกส่วน ทั้งหน่อ ราก ลำต้นและใบ ก่อให้เกิดความผูกพันกับวิถีการดำรงชีวิตของผู้คนมาตั้งแต่อดีตกระทั่งปัจจุบันจากการเรียนรู้คุณสมบัติจากพืชใกล้ตัว
สนองประโยชน์ต่อชีวิตประจำวัน ภูมิปัญญาอันเกิดจากการเรียนรู้ชีวิตเกี่ยวโยงกับธรรมชาติ ท้องที่และคนในชุมชน ตามลักษณะทางภูมิศาสตร์ที่อุดมไปด้วยไม้ไผ่มากมายในอดีตตามความหมายเดิม “หมู่บ้านในป่าทึบ” จากการพึ่งพาตนเองโดยใช้วัตถุดิบที่มีในท้องถิ่น และวัตถุดิบที่หาได้ง่าย นำมาประดิษฐ์เป็นเครื่องจักสานสำหรับใช้สอยในชีวิตประจำวัน กลายมาเป็นสินค้าที่สร้างชื่อให้กับอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี นางปราณี มูลผลา ประธานกลุ่มจักสานชุมชนย่อยที่ 1 กล่าวว่าเดิมตนเป็นผู้รับเครื่องจักสานจากชาวบ้านมาจำหน่ายอีกต่อหนึ่งกระทั่ง มีการรวมตัวของชาวบ้านเพื่อจัดตั้ง “กลุ่มจักสาน ชุมชนย่อยที่ 1 “ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ในปี 2544 จำนวนสมาชิก 45 คนเพื่อผลิต ผลงานและพัฒนาสินค้าเกี่ยวกับการจักสานไม้ไผ่ต่าง ๆ เอาไว้จำหน่ายเป็นรายได้ให้แก่สมาชิกใน ชุมชนที่ 1 ได้รับการคัดสรร สินค้าสุดยอดหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ 2549 ประเภทผลิตภัณฑ์ ของใช้ ของประดับตกแต่ง และของที่ระลึก ระดับ 4 ดาว “ผลผลิตแต่เดิมจะเป็นงานที่ทำขึ้นเพื่อใช้ในการดำรงชีพของชาวบ้าน เช่น ไซ สุ่ม กระบุง ตะกร้า เพราะมีป่าไผ่มาก และคนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ทำไร่ ทำนา หาปลา จึงมีการนำไม้ไผ่ที่หาได้ในละแวกบ้าน ตัดเป็นอุปกรณ์ เครื่องมือต่าง ๆ ในการจับสัตว์น้ำ เช่น ไซ ข้อง ตุ้ม ลอบ ไว้ใช้ช้อน กุ้ง หอย ปู ปลา และผลิตเพื่อจำหน่ายเพิ่มรายได้ กระทั่งพัฒนามาเป็นฝาชีครอบกับข้าว ซึ่งได้รับความนิยมจากคนทั่วไปและมีการจำหน่ายกันแพร่หลายมากขึ้น ที่เห็นวางขายกันทั่วไปส่วนใหญ่นำจากอำเภอพนัสนิคมไปจำหน่ายต่อทั้งนั้น ไม้ไผ่ที่นำมาทำจักสานนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดและประเภทของเครื่องใช้ที่ต้องการจะผลิตออกมาใช้สอย นำมาจากหลายพื้น อาทิ จากเขาเขียว ปราจีนบุรี และจันทบุรี ซึ่งแต่เดิมจะเป็นไม้ไผ่ในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ตำบลพนม บ่อขาว และบ้านซ่อง ประเภทไม้ไผ่บ้าน และไม้สีสุกปล้องสั้น แต่ต่อมาจำนวนไม้ไผ่ได้ลดน้อยลงมากจนต้องซื้อจากจังหวัดอื่น งานจักสานเป็นงานฝีมือที่อาศัยเรียนรู้จากการสืบทอดกันภายในครอบครัว จากปู่ ย่า ตา ยาย สอนลูกหลานให้ได้รู้วิธีการจักสาน อาทิ ให้ช่วยผ่าไม้ไผ่ จักตอก และหัดสาน เล็กๆ น้อยๆ จนเกิดความชำนาญ แต่คนรุ่นหลังๆ ไม่ค่อยสนใจงานประเภทนี้มากนัก ส่วนใหญ่ไปทำงานโรงงานกันหมด เทศบาลเมืองพนัสนิคมจึงคิดจัดงาน ประเพณี “บุญกลางบ้านและเผยแพร่เครื่องจักสานพนัสนิคม” ขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2537 เพื่ออนุรักษ์ให้ประชาชนรุ่นหลังได้สืบทอดมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น ในงานบุญกลางบ้านและเครื่องจักสาน ซึ่งเป็นงานประเพณีที่สืบทอดกันมาช้านานของชาวอำเภอพนัสนิคม โดย ชาวบ้านจะนำอาหารมาร่วมกันทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้พระภูมิเจ้าที่เจ้ากรรมนายเวร ญาติที่ล่วงลับไปแล้ว เพื่อขับไล่สิ่งเลวร้าย ให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชพันธุ์ธัญญาหารสมบูรณ์ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ของสัปดาห์แรกเดือนพฤษภาคม หรือเดือน 6 ของไทย “กลุ่มผู้ผลิตทั้ง 7 ชุมชนต่างร่วมกันส่งผลงานสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จักสานที่ใหญ่ที่สุดเข้าประกวดกันทุกปี เมื่อเสร็จงานไม่รู้จะไปเก็บไว้ไหนก็รวบรวมมาอยู่ที่นี่ ค่อยๆสะสมมาเรื่อยๆ และปรับแต่งบ้านไทยโบราณ เป็น พิพิธภัณฑ์เครื่องจักสานที่ใหญ่ที่สุดในโลก บนพื้นที่ 3 ไร่ โดยมีเทศบาลเมืองพนัสนิคม สนับสนุนเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้ สาธิตการจักสาน ซึ่งเข้าชมฟรีทุกวัน ในเวลาราชการ” ปัจจุบันกลุ่มผู้เข้ามาเยี่ยมชม ส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานราชการ กลุ่มแม่บ้าน คณะครู เท่านั้น ซึ่งหาก “ศูนย์เครื่องจักสานใหญ่ที่สุดในโลก” ได้รับการบรรจุไว้เป็นแหล่งท่องเที่ยว เพื่อศึกษาหาความรู้ เกี่ยวกับเครื่องจักสานขนาดใหญ่ นานาชนิด ไม่เพียงแต่เผยแพร่ภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่ยังเพิ่มโอกาสขยายตลาดระดับชุมชนให้นักท่องเที่ยวคนทั่วไปได้รู้จัก และมาเลือกซื้อผลิตภัณฑ์มาแหล่งผลิตสร้างรายได้ให้คนในชุมชน ศูนย์เครื่องจักสานใหญ่ที่สุดในโลก โดย บิสิเนสไทย [2-7-2007] สนใจเยี่ยมชมสินค้าจักสาน สั่งซื้อสินค้าจักสาน ร้านคุณปราณี สินค้าในร้านที่web http://www.tarad.com/pranebasket |